ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 สิงหาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | เปลี่ยนผ่าน |
เผยแพร่ |
เปลี่ยนผ่าน | ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี
‘อาจารย์นิธิ’ ในทรรศนะ 3 นักวิชาการรุ่นหลัง
หมายเหตุ : 3 นักวิชาการรุ่นหลังร่วมรำลึกถึง “ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์” ปัญญาชน-นักประวัติศาสตร์อาวุโสผู้ล่วงลับ ผ่านรายการ “เอ็กซ์-อ๊อก talk ทุกเรื่อง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี
รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เราสามารถตั้งคำถามกับการกระทำบางอย่างของอาจารย์นิธิได้โดยที่อาจารย์ไม่โกรธ
ตอนที่อาจารย์ได้รับเชิญจากคุณอานันท์ ปันยารชุน ให้เข้าไปเป็นกรรมการปฏิรูป (ประเทศ) หลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 ตอนนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากเลย เข้าไปทำไม? ทั้งๆ ที่อาจารย์ก็เรียกคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ว่าเป็น “นายกฯ 100 ศพ” ก็คืออาจารย์ไม่เห็นด้วยแน่ๆ กับการที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดงขณะนั้น แต่ก็เข้าไป
เราสองคน (พวงทองและยุกติ มุกดาวิจิตร) แล้วก็มีเพื่อนอีก 2-3 คน ขอนัดเจออาจารย์เลยที่กรุงเทพฯ อาจารย์มาประชุม แล้วก็ถามอาจารย์ อาจารย์คิดอย่างไรถึงเข้าไป? พวกเราไม่เห็นด้วย อาจารย์กำลังเข้าไปสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลอภิสิทธิ์หรือเปล่า?
อาจารย์ก็ไม่โกรธนะ คือพวกเราก็ถามแบบตรงๆ แล้วเราก็รู้ว่าเราถามอาจารย์ตรงๆ ได้ ก็คือให้เกียรติกัน แล้วอาจารย์ก็อธิบายว่า อาจารย์รู้สึกว่าสังคมมันบอบช้ำมามากแล้ว อาจารย์หวังว่าอันนี้ก็อาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่พอจะทำอะไรได้ ด้านหนึ่ง ก็เป็นความเกรงใจคนเชิญ ถ้าพูดตรงๆ
แต่ว่าพอหลังจากนั้น ช่วงที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา อาจารย์ก็บอกว่าจริงๆ แล้ว มันทำอะไรไม่ได้ แกก็ยอมรับว่ามันล้มเหลวที่จะทำ
คือแกก็ไม่มีปัญหากับการที่เราจะตั้งคำถามกับแกตรงๆ อาจารย์ไปทำไม? เราไม่เห็นด้วย แล้วพอมันจบ แกก็สรุปบทเรียนเองว่ามันล้มเหลว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จอะไรเยอะแยะ ล้มเหลวก็บอกล้มเหลว ซึ่งเราก็เคารพในการตัดสินใจของอาจารย์ แล้วอาจารย์ก็สุภาพบุรุษ ก็ตรงไปตรงมากับเรา
นี่คือสปิริตที่ทำให้เราเคารพแก จะมีผู้ใหญ่สักกี่คนยอมให้เด็กแบบเราไปท้าทายอาจารย์ ไปถาม หรือนัดเจอเพื่อที่จะถามเรื่องนี้โดยตรง
รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อิทธิพลที่อาจารย์นิธิมีกับผม นอกจากพื้นฐานของการให้มุมมองทางประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ก็คืออาจารย์ตั้งคำถามที่ผมจะเถียงกับอาจารย์
คืองานอาจารย์นิธิ ตั้งแต่ช่วงที่อาจารย์มาทำงานกับชาวบ้านมากขึ้น แล้วก็ไปร่วมต่อสู้ไปร่วมเรียกร้องสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนในที่ต่างๆ เรื่องเขื่อนเรื่องอะไรพวกนี้ ก็มีกลุ่มนักวิชาการไปเคลื่อนไหวกับชาวบ้านมากขึ้น และเกิดเป็นกระแสความคิดเรื่อง “วัฒนธรรมชุมชน”
ผมก็เขียนวิพากษ์วิจารณ์งานของนักวิชาการไทยกลุ่มนี้ ในขณะที่อาจารย์นิธิเองก็เป็นส่วนหนึ่งของคนกลุ่มนี้ ที่ร่วมขบวนการนี้ ผมไปตั้งคำถามกับอาจารย์ในฐานะที่ผมไม่เห็นด้วยกับอาจารย์อย่างยิ่ง ในการไป romanticize (สร้างภาพสวยงามเกินจริงให้แก่) ความเป็นชนบท ความเป็นชาวบ้านในยุคสมัยนั้น ซึ่งก็กลายเป็นงานที่ผมเขียนออกมาในภายหลัง
หรืองานอีกชิ้นหนึ่งที่ผมเถียงกับอาจารย์อย่างตรงไปตรงมาเลย ก็คือ บทความของอาจารย์ที่สำคัญมาก “รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมไทย”
อาจารย์นิธิอาศัยงานของอาจารย์ทามาดะ (“ทามาดะ โยชิฟูมิ” ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองไทย) เพื่อที่จะอธิบายรัฐธรรมนูญที่บันทึกอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน ในความเป็นไทย ที่ยกย่องเชิดชูชนชั้นนำ ให้ค่ากับชนชั้นนำสูง หรือว่าวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่มีบทบาทสูง
ตอนนั้นในช่วงการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อแดง ผมพยายามที่จะอธิบายการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและลึกไปถึงในระดับวัฒนธรรมอย่างไร โดยยืนอยู่บนงานชิ้นนั้นของอาจารย์นิธิ
ผมเถียงกับอาจารย์ว่า คนเสื้อแดงกำลังเสนอ “รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมที่แก้ไขเพิ่มเติม” อย่างไร ผมพูดถึงขนาดว่า แม้แต่ชื่อของคุณทักษิณ (ชินวัตร) ไม่ใช่เป็นการบูชาตัวบุคคล แต่คุณทักษิณคือสัญลักษณ์ของสิทธิเสรีภาพของประชาชน ของคนเสื้อแดงในสมัยนั้น
ผมคิดว่าอาจารย์นิธิเป็นเพดานให้เราปะทะด้วย เพื่อจะคิดต่อไป แต่ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องคิดโดยยืนอยู่บนบ่าของอาจารย์ไปเรื่อยๆ แต่คิดในลักษณะที่ว่าจะต้องทะเลาะกับแกได้ด้วย
ผมคิดว่าอาจารย์นิธิน่ารักตรงนี้ ก็คือเป็นคนที่ทะเลาะด้วยแล้วไม่ได้มีปัญหา ไม่ได้โกรธ อาจารย์ก็จะเขียนอะไรที่ฉีกออกไปจากเพดานเดิม
ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง
วิทยาลัยการเมืองและการปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ในฐานะที่ผมเป็นนักเรียนรัฐศาสตร์ ศึกษาเรื่องการเมือง งานของอาจารย์นิธิมีความสำคัญในฐานะที่ทำให้ผมเห็นตัวบุคคลที่เป็นคนคนในประวัติศาสตร์ไทย
เวลาศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทย ส่วนใหญ่เขาจะให้ภาพรวมๆ ไม่ค่อยพูดเป็นคนคนหรอก แล้วก็ไม่เห็นว่าบุคคลเหล่านี้ในทางประวัติศาสตร์มีชีวิตอย่างไร รู้สึกนึกคิดอย่างไร
แต่งานอาจารย์นิธิหลายชิ้นเป็นงานที่ให้ชีวิตกับตัวละครทางประวัติศาสตร์ ดังนั้น ผมอยากจะเรียกอาจารย์ว่าเป็น “นักมนุษยศาสตร์ในทางสังคม” คือศึกษาคนที่อยู่ในสังคม คนไม่ได้ถูกแยกออกไปจากสังคม แล้วอาจารย์ก็ดูว่าคนในสังคม ถูกพลังทางสังคมบังคับชักจูงหรือกดบังคับอย่างไร
งานอาจารย์หลายๆ ชิ้น จะพูดถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้คน แม้กระทั่งผู้ยากไร้ ผู้หญิง คน (กลุ่ม) ต่างๆ ว่าถูกกระทำอย่างไรในทางสังคม
งานของอาจารย์นิธิก็ถือว่าเป็นงานที่เปิดโลกทัศน์ผม ในฐานะที่ผมเรียนปริญญาตรี พอผมเข้ามา (มหาวิทยาลัย) ผมก็ได้รับความรู้มาจากมัธยม ก็อย่างที่เป็นแบบเรียน (ซึ่งนำเสนอมุมมอง) ด้านเดียว ผมจะคิดว่ามหาบุรุษก็เป็นตามบทเรียนนั่นแหละ
แต่พอได้อ่านงานอาจารย์นิธิหลายๆ ชิ้น ผมก็รู้สึกว่ามหาบุรุษนี่ก็มีหลายด้าน ทั้งบวกและลบ มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งสิ่งที่ทำถูกและผิด ดังนั้น งานของอาจารย์เหมือนกับคืนความเป็นปุถุชนให้กับตัวละครทางประวัติศาสตร์…
อาจารย์นิธิเป็นตัวอย่างของการตั้งข้อสงสัยกับความจริงทางโลกย์ ความจริงในทางความรู้ ความจริงในทางประวัติศาสตร์ อาจารย์สงสัยความจริงที่เขาเชื่อว่าสืบทอดมาอย่างยาวนาน อาจารย์วิพากษ์วิจารณ์แล้วก็ทอนมันลงไป
อาจารย์พยายามทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มันเสมอภาคลง อาจารย์ทำให้ประวัติศาสตร์กลายเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ทางสังคม และที่สำคัญ ที่ผมชอบงานอาจารย์ ก็คืออาจารย์ลดทอน “ความเป็นอวตาร” แล้วก็คืนความเป็นปุถุชน
ผมเชื่อว่าสิ่งที่อาจารย์ต้องการ คืออาจารย์อยากให้สังคมเสมอภาคกัน รวมกระทั่งความคิดความเชื่อในทางสังคมด้วย สิ่งที่อาจารย์ทำในช่วงท้ายของชีวิต ก็คืออาจารย์ออกมาเคลื่อนไหวในทางสังคม แล้วก็ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนหนุ่มสาวทุกคน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022