ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กรกฎาคม 2566 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | จักรกฤษณ์ สิริริน
SoJo ยุคใหม่ของการทำข่าว
ในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนการทำ “ข่าวเชิงสืบสวน” จะเป็นความหวังของสังคม ที่ช่วยตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ท่ามกลางความฉ้อฉลของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเองช่วยกันปกป้องความสกปรกโสมมของกันและกัน ทำให้หลายครั้งประชาชนกลายเป็นเหยื่อ และประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล
องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) ได้ให้ความหมายของ “ข่าวเชิงสืบสวน” หรือ Investigative Journalism
ว่าหมายถึง
“การเปิดโปงเรื่องที่ปกปิดไว้ อาจจะเป็นบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ จะโดยเจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม ในเบื้องหลังเบื้องลึกของข้อเท็จจริง และรวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ และเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อสาธารณชน”
กระบวนการทำ “ข่าวเชิงสืบสวน” ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน
1. ตั้งประเด็นข่าว หรือ Inventing News Issues เป็นการค้นหาเหตุการณ์ที่เป็นประเด็นทางสังคมที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม และประเทศชาติ
2. หาข้อมูล และแหล่งข่าว หรือ Seeking Information and News Sources ประยุกต์ใช้วารสารศาสตร์เชิงข้อมูล หรือ Database Journalism โดยการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจัดการฐานข้อมูล หรือ Database Management สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์กับการทำ “ข่าวเชิงสืบสวน”
3. ประเมินความเป็นไปได้ของข่าว หรือ Assessing the Feasibility of the News หลังจากประเมินข้อมูลทุกประเภทที่ค้นหาได้ ก็ตามด้วยการประเมินความเป็นไปได้ ว่า”ข่าวเชิงสืบสวน” ที่จะทำนั้น สามารถดำเนินต่อไปจนถึงจุดจบได้หรือไม่
4. เตรียมการ และวางแผน หรือ Preparation and Planning ทั้งนักข่าวที่ทำงานคนเดียวแบบครบวงจร หรือ One Man Journalist หรือการทำงานเป็นทีม จะต้องเตรียมการ และวางแผนตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
5. แสวงหาข้อมูล หรือ Seeking News เป็นการค้นหาข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ หรือค้นหาข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้ว จากคลังข้อมูลของตนเอง จากหน่วยงานของรัฐ หรือคลังข้อมูลขององค์กรข่าว รวมทั้งค้นหาข้อมูลจาก Internet ใช้กระบวนการรวบรวมข้อมูล หรือ Crowd-Sourcing จากสื่อสังคมออนไลน์
6. ประเมินสถานการณ์ หรือ Evaluate the Situation ด้วยการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก โดยใช้การสร้างนักข่าวพลเมือง หรือ Citizen Journalist พร้อมกับตรวจสอบกับหลักฐานที่น่าเชื่อถือจากหลายแหล่งข่าว เช่น เอกสาร แหล่งข่าวจากบุคคล และข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. รายงานข่าวเชิงสืบสวน หรือ Organizing Investigative Reporting นำเสนอข่าวเชิงสืบสวนไปสู่สาธารณชนผ่าน Platform ต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และ Digital Media โดยใช้ลักษณะการหลอมรวมสื่อ หรือ Convergence โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้ผู้รับสาร หรือ Receiver เป็นทั้งผู้รับสาร และผู้ส่งสาร หรือ Sender ไปพร้อมๆ กัน
การรายงาน “ข่าวเชิงสืบสวน” สามารถทำเป็นรายงานพิเศษครั้งเดียว โดยมีครบทั้งรายงาน ตารางข้อมูล เกร็ดความรู้ บทสัมภาษณ์ รวมทั้งบทสรุป ตลอดจนภาพประกอบต่างๆ หรืออาจเสนอเป็นข่าวในลักษณะการรายงานเป็นตอนๆ ตั้งแต่เริ่มได้เบาะแส จนกระทั่งถึงบทสรุปผลขั้นสุดท้ายก็ได้
แม้ว่า “ข่าวเชิงสืบสวน” จะเป็นความหวังของสังคม ที่ช่วยตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ท่ามกลางความฉ้อฉลของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเองช่วยกันปกป้องความสกปรกโสมมของกันและกัน ทำให้หลายครั้งประชาชนกลายเป็นเหยื่อ และประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล
แต่ก็ดูเหมือนว่า ในยุคปัจจุบัน ลำพัง “ข่าวเชิงสืบสวน” อาจจะไม่เพียงพอในโลกยุค VUCA World ที่ประกอบด้วย V-Volatility ความผันผวน, U-Uncertainty ความไม่แน่นอน, C-Complexity ความซับซ้อน, A-Ambiguity ความคลุมเครือ
จึงนำมาสู่การเกิดขึ้นของ “การทำข่าวเชิงหาทางออก” หรือ Solutions journalism หรือที่วงการข่าวสากลเรียกว่า SoJo
เพราะ VUCA World มีทั้ง ความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคลุมเครือ
เมื่อผนวกกับการโจมตี ว่าสื่อมวลชนในปัจจุบัน เน้นการขายข่าวเชิงลบ มุ่งนำเสนอแค่ปัญหา แต่ไม่นำพาไปสู่การแก้ไขในระยะยาว แม้จะมี “ข่าวเชิงสืบสวน” แต่ก็ดูเหมือนว่า ไม่เพียงพอ
ทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวชั้นนำของโลกเริ่มปรับตัว และผลักดันประเด็นความท้าทายทางในหลายมิติ ควบคู่ไปกับการเดินหน้าหาทางออกให้กับสังคมไปพร้อมๆ กัน
นำไปสู่แนวทางการเสนอข่าวแบบใหม่ ที่เรียกว่า “การทำข่าวเชิงหาทางออก” หรือ Solutions journalism (Sojo)
เริ่มต้นในปี ค.ศ.2015 เมื่อ Brie Zeltner นักข่าวสาวชาวอเมริกัน ได้ทำข่าวเกี่ยวกับความยากจนของเด็กในเมือง Cleveland รัฐ Ohio สหรัฐอเมริกา
ซึ่งที่นั่นเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอัตราความยากจนในเด็กสูงที่สุดของสหรัฐ โดยมีจำนวนทารกเสียชีวิตมากกว่าค่าเฉลี่ยของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มทารกผิวดำมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าทารกผิวขาวมากถึง 2 เท่า
Brie Zeltner กล่าวว่า นี่คือปัญหาที่ใหญ่ และมีมานานหลายปีแล้ว ที่บรรดาผู้สื่อข่าวได้นำเสนอประเด็นนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของเมือง และสาธารณชน แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้น Brie Zeltner จึงได้ลองใช้แนวทางอื่น
“เราควรมองหาพื้นที่ซึ่งมีความคล้ายกับที่ Cleveland ซึ่งเคยเผชิญหน้ากับความยากลำบากแบบเดียวกัน แต่แล้วได้พลิกกลับมามีสถานการณ์ที่ดีขึ้นได้ โดยพวกเราได้พบว่า เมือง Baltimore รัฐ Maryland สหรัฐอเมริกา มีสถานการณ์ที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับที่ Cleveland ทั้งในแง่ข้อมูลด้านประชากร และตัวเลขรายได้” Brie Zeltner กล่าว
Brie Zeltner และเพื่อนๆ นักข่าวพบว่า Baltimore เริ่มแก้ไขปัญหาในปี ค.ศ.2009 ทำให้อัตราจำนวนทารกที่เสียชีวิต ได้ปรับลดลงมากถึง 24% ในปี ค.ศ.2015
โดยหลังจากนั้น Brie Zeltner ได้เริ่มรายงานข่าวการค้นพบนี้ และทางเจ้าหน้าที่ของเมือง Cleveland ได้ติดต่อเธอเพื่อขอข้อมูลเชิงลึก โดยตั้งความหวังที่จะเริ่มจัดการกับปัญหาดังกล่าวของ Cleveland
Brie Zeltner ชี้ว่า “Cleveland เริ่มใช้โปรแกรมการบริหารจัดการแบบเดียวกับที่ Baltimore ใช้ นั่นคือ การวางระบบแบบเดียวกับที่เมือง Baltimore เคยทำในปี ค.ศ.2015 และเมื่อเวลาผ่านไป Cleveland ก็พบว่า การเสียชีวิตของทารกมีอัตราลดลงใกล้เคียงกับที่พบใน Baltimore ในช่วงเวลาเดียวกันดังกล่าว”
ดังนั้น สิ่งที่ Brie Zeltner ได้ทำข้างต้นนี้ อาจพูดได้ว่าเป็น “การสื่อสารเชิงแก้ปัญหา” และเป็น “การทำข่าวเชิงหาทางออก” หรือ Solutions journalism (Sojo) นั่นเอง
Tina Rosenberg ผู้ร่วมก่อตั้ง Solutions Journalism Network องค์กรไม่แสวงผลกำไร ซึ่งมุ่งเน้น “การทำข่าวเชิงหาทางออก” หรือ Solutions journalism (Sojo) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นท้าทายทางสังคม ระบุว่า เรากระตุ้นนักข่าวให้รายงานสิ่งที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี นำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการทำงานให้สูงขึ้น
“ต่อไปนี้พวกเราต้องทำงานด้วยความจริงจังมากขึ้นไปอีก เพราะถ้าคุณยังทำงานแบบเดิม ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่ได้รับการแก้ไข” Tina Rosenberg กล่าว
Brie Zeltner เสริมว่า “เราต้องตรวจสอบหลักฐานที่ถูกสืบค้นมากขึ้นด้วยความเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าทางออกที่เราเสนอนั้นจะได้ผล ที่สำคัญก็คือ ข่าวเชิงหาทางออกชิ้นนั้นจะต้องมีความน่าเชื่อถือ”
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Solutions Journalism Network ได้เปิดอบรมนักข่าวในแนวทางการทำ “ข่าวเชิงหาทางออก” จำนวนมากกว่า 30,000 คน ตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรมา
Tina Rosenberg ชี้ว่า “สิ่งที่เราทำไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างระบบ และเครื่องมือการเรียนรู้ หรือทำการวิจัยร่วมกันผ่านกรณีศึกษาต่างๆ รวมถึงการเผยแพร่แนวความคิดนี้ออกไป”
เพราะการ “ข่าวเชิงหาทางออก” ช่วยให้นักข่าวรักษาความเป็นกลาง ในขณะเดียวกัน ก็สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเรื่องราวที่พวกเขาได้นำเสนอ Tina Rosenberg ทิ้งท้าย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022