ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 มิถุนายน 2566 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
นักเรียนนายร้อยตำรวจยังเรียนเรื่องเครื่องกระสุนปืน (Ammunition) หมายถึง กระสุนโดด กระสุนปราย กระสุนแตก ลูกระเบิด ตอร์ปิโด ทุ่นระเบิด จรวดทั้งที่มีหรือไม่มีกรดก๊าซ เชื้อเพลิง ไอพิษ หมอกหรือควัน หรือกระสุนลูกระเบิด ตอร์ปิโด ทุ่นระเบิด และจรวดที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันหรือเครื่องหรือสิ่งสำหรับอัดหรือทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืน
ลูกระเบิด มี
1. ลูกระเบิดขว้าง (Hand Grenade)
2. ลูกระเบิดยิง (Motor shell)
3. ลูกระเบิดปล่อย (Bomb) Topedo
วัตถุระเบิด (Explosive) คือ วัตถุที่สามารถส่งกำลังดันอย่างแรงต่อสิ่งห้อมล้อมโดยฉับพลันเมื่อเกิดระเบิดขึ้น โดยมีสิ่งเหมาะ (ชนวน Fuse) มาทำให้เกิดกำลังดันหรือโดยการสลายตัวของวัตถุระเบิดนั้น ทำให้มีแรงทำลายและแรงสังหาร
กับหมายความรวมตลอดถึงเชื้อปะทุต่างๆ หรือวัตถุอื่นใด อันมีสภาพคล้ายคลึงกัน ซึ่งใช้หรือทำขึ้นเพื่อให้เกิดการระเบิด
สำหรับสิ่งเหมาะในที่นี้ คือ ชนวน (Fuse หรือ Fuze)
สำหรับในทางวิชาการ วัตถุระเบิด (Explosive) หมายถึง สารประกอบ (Compound) หรือสารผสม (Mixture) เมื่อได้รับอิทธิพลของความร้อนหรือการกระทำทางแม็กคานิกซ์จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดระเบิดขึ้นโดยฉับพลันทันที พร้อมกับการระเบิดจะเกิดความร้อนและก๊าซจำนวนมาก
สภาพหรือภาวะของวัตถุระเบิด
1. ก๊าซ เช่น ไอระเหยของเบนซิน
2. ของเหลว เช่น ไนโตรเจน กลีเซอรีน
3. ของแข็ง เช่น TNT, C3, C4, C5
อาวุธปืนที่ห้ามจดทะเบียน ตามกฎกระทรวง คือ ปืนกลทุกชนิดและทุกขนาด
ผมพยายามติดตามเนื้อหาให้เข้าใจ นึกคิดระบบการทำงานของปืนสั้น กลไกต่างๆ รวมทั้งฟังเรื่องลูกกระสุน ลูกระเบิด และพยายามจดคำบรรยายของอาจารย์เพื่อมาทำความเข้าใจภายหลัง และอาจารย์ยังเอาตัวอย่างอาวุธปืนมาให้ดูในชั้นเรียน ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร แต่มันไม่ทั่วถึงเพราะมีจำนวนนักเรียนในชั้นเป็นจำนวนมาก
แต่เรื่องอาวุธปืนมันสำคัญ ต้องทราบหลักการทำงานของอาวุธปืนอย่างละเอียด รวมทั้งในทางวิชาการที่ตำรวจจะต้องเรียนรู้และนำไปใช้ในการสืบสวนสอบสวนเมื่อจบออกไปทำงานในพื้นที่แล้ว
อีกประการหนึ่ง เหตุที่ผมต้องพูดถึงอาวุธศึกษาอย่างละเอียด เพราะตำรวจจะต้องรู้และเข้าใจ เมื่อไปพบสิ่งของบางอย่าง บางชิ้น ในที่สถานที่เกิดเหตุ หรือเผชิญเหตุจะต้องพิจารณาว่าสิ่งนี้จะถือเป็นอาวุธ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน หรือไม่ ไม่ใช่ไม่มีความรู้แล้วจับชาวบ้านมั่วไปหมด
และต้องมีความรอบรู้อย่างละเอียด เวลาไปตรวจที่เกิดเหตุแล้วพบชิ้นส่วนของวัตถุระเบิด ที่แตกละเอียดตกอยู่ เบื้องต้นสามารถที่จะวินิจฉัยได้ว่า เป็นชิ้นส่วนของอาวุธหรือระเบิดชนิดใด เพื่อจะทำให้การสืบสวนมีแนวทางที่ถูกต้อง ไม่หลงทาง หลงประเด็น
อย่างน้อย ก็สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกพิสูจน์หลักฐาน หรือในสมัยต่อมาเรียกว่า ตำรวจวิทยาการได้
เพราะในยุคที่ผมเป็นตำรวจใหม่ๆ ผู้บังคับหมวดไปตรวจที่เกิดเหตุ จะต้องใช้ความรู้ของตนเองเกือบทั้งหมด
หากนักเรียนคนไหนที่ไม่สนใจวิชาการที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่มีคณาจารย์ที่ทรงความรู้มาสอนให้ จะทำให้ทำงานลำบาก
และโอกาสประสบความสำเร็จในการติดตามคนร้ายยากเย็นยิ่งขึ้น
รวมทั้งการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะมัดตัวคนร้ายก็จะยิ่งหละหลวม และเปิดโอกาสให้คนร้ายต่อสู้คดีจนหลุดได้
ในระหว่างที่มีการเรียนการสอนนั้น บางครั้งด้วยความอ่อนล้าจากการถูกทำโทษอย่างหนัก เมื่อมาเข้าเรียนอาจจะทำให้ง่วงนอน
และคณาจารย์แม้แต่ละท่าน ส่วนใหญ่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิชาการในแต่ละสาขาอันดับต้นๆ ของเมืองไทยในยุคนั้น
แต่การพูดในชั้นเรียน อาจจะเรียบๆ เป็นไปตามแนวทางของอาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิ
นักเรียนใหม่จำนวนมากจึงเผลอหลับไปในระหว่างเรียน บางครั้งเกือบครึ่งชั้นเรียนเลย จนผู้บังคับหมวดมาตรวจพบ อย่างกรณี ร.ต.ท.ชำนาญ เครือบัว ผู้บังคับหมวดกองร้อยที่ 1 มาตรวจพบเจอหลายครั้ง จนนำไปสู่การกักบริเวณไม่ได้ออกจากโรงเรียนในวันเสาร์อาทิตย์
ชีวิตการเรียนการศึกษาของนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1 ก็จะพบเจอเหตุการณ์ตามที่เล่ามา เป็นเช่นนี้ วันแล้ววันเล่า ผ่านพ้นไปเป็นเดือนแล้วเดือนเล่า
และที่สุด ต้นคูน หรือต้นราชพฤกษ์ ที่ปลูกเป็นแถวแนวยาวหน้าลานฝึกศรียานนท์ ก็ออกดอกเป็นรวงยาวเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งบริเวณถนน
นั่นเป็นการส่งสัญญาณให้ทราบว่า เวลาแห่งการสอบเทอมสุดท้ายของนักเรียนชั้นปีที่ 1 กำลังคืบใกล้เข้ามาแล้ว และจะต้องรีบอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ เพื่อเลื่อนไปชั้นปีที่ 2 เปลี่ยนหมวกสีฟ้า เป็นหมวกสีเหลือง
เหมือนกับดอกคูน ที่งามเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งบริเวณของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ทําการแทนผู้ช่วยผู้บังคับหมวด กองร้อยที่ 1 ก็ปล่อยให้นักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1 อ่านตำรับตำราเพื่อเตรียมตัวสอบเทอมสุดท้าย และการทำโทษนั้นลดลงจนเห็นได้ชัดเจน เพราะในขณะเดียวกัน ทำการแทนผู้ช่วยผู้บังคับหมวด กองร้อยที่ 1 ทั้ง 6 คน ก็ต้องอ่านหนังสือเพื่อเลื่อนขึ้นไปเรียนชั้นสูงสุด คือชั้นปีที่ 4 และเปลี่ยนจากสวมหมวกสีม่วง ไปสวมหมวกสีเขียวแทน จึงมีการหยุดดูหนังสือเตรียมสอบเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ในห้วงระยะเวลานั้น หลังจากที่นักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 4 สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดของโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว ได้มีการเตรียมงานสำคัญคือ พิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร ให้แก่นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 จำนวน 158 นาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จมาพระราชทานที่หอประชุมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2522
วันนั้นพวกผมนักเรียนชั้นปีที่ 1 ได้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ สวมหมวกยอดแหลม ยืนยามรายทาง เป็นการถวายความปลอดภัย ประตูคิงส์ ได้เปิดในวันสำคัญเช่นนี้
ในตอนกลางคืนจะมีงานฉลองความสำเร็จของรุ่น 32 และมีการสร้างเวทีลีลาศ ณ ลานฝึกศรียานนท์ ซึ่งก่อนจะถึงวันงาน ผมและเพื่อนๆ ชั้นปีที่ 1 ได้ร่วมกันเดินทางไปขนฟลอร์เพื่อทำเป็นพื้นเวทีลีลาศ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปที่กรมป่าไม้ หรือกรมชลประทาน ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และที่กองพลาธิการ กรมตำรวจ ซึ่งฟลอร์ที่ขนมาเป็นไม้แผ่นสี่เหลี่ยมที่หนักมาก และสร้างพื้นลีลาศจนเสร็จเรียบร้อย และเมื่องานจบก็ต้องขนกลับ
และนั่นคือ พิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร ที่มีขึ้นที่หอประชุมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น รุ่นต่อๆ มา จะมีพิธีที่พระที่นั่งสวนอัมพร
พวกเราชั้นปีที่ 1 ได้แสดงความยินดีกับผู้ช่วยผู้บังคับหมวดที่ปกครองบังคับบัญชามาเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งรุ่นพี่ทุกคน และหลังจากจบการศึกษาออกไป บางคนก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบกันอีกเลย
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2522 หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้เดินทางมายังโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อแสดงธรรมเทศนาให้นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกชั้นได้ฟัง ซึ่งช่วยขัดเกลาจิตใจของนักเรียนนายร้อยตำรวจให้มีความอ่อนโยน และรู้จักสังคมที่จะต้องออกไปเผชิญข้างนอก
การสอบผ่านพ้นไปแล้ว และทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะปิดเทอมเป็นระยะเวลาไม่นานนัก จะปล่อยนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1, 2 และ 3 เดินทางกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาของแต่ละคนที่อยู่ตามภูมิภาคต่างๆ
แต่ในช่วงระยะเวลานี้ จะต้องมีการเข้าเวรยามในโรงเรียนด้วย ดังนั้น จึงต้องจัดการเข้าเวรเตรียมการแต่ละผลัดขึ้น แบ่งเป็น 4 ผลัด โดยเฉลี่ยแล้วจะกลับไปพักผ่อนได้ไม่นาน ทุกคนต้องสลับกันมาเข้าเวรยามในโรงเรียน
สำหรับนักเรียนนายร้อยตำรวจคนไหนที่บ้านอยู่ไกล เช่น อยู่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะได้สิทธิพิเศษกว่าคนที่อยู่ใกล้ๆ โรงเรียน คือ สามารถเลือกที่จะเข้าเวรเตรียมการในผลัดแรกหรือผลัดสุดท้ายได้ เพราะจะได้เดินทางไปกลับเพียงเที่ยวเดียว
นั่นคือ บรรยากาศของการเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1
สำหรับพวกที่เป็นนักกีฬา จะต้องกลับเข้าโรงเรียนก่อนคนอื่น เพื่อทำการฝึกซ้อมกีฬาเตรียมแข่งกีฬาโรงเรียนทหาร-ตำรวจ หรือกีฬา 4 เหล่า ที่จัดในเทอมการศึกษาแรกของทุกปี
ผมซึ่งต้องร่วมทีมว่ายน้ำโปโลน้ำ มาทำการฝึกซ้อมในโรงเรียนก่อน รวมทั้งเพื่อนๆ ที่เล่นกีฬาชนิดต่างๆ
เปิดเทอมมา ปรากฏว่า ในรุ่นของผมไม่สามารถที่จะขึ้นไปเรียนชั้นปีที่ 2 หลายคน เพราะสอบตกต้องซ้ำชั้นปีที่ 1 อีก
ดังนั้น จำนวนนักเรียนในรุ่นที่ 35 จึงลดลง และเมื่อผมขึ้นไปเรียนชั้นปีที่ 2 ก็ปรากฏว่า มีนักเรียนรุ่นพี่สอบตกหลายคน และต้องเรียนซ้ำชั้นกับรุ่นน้องที่เลื่อนชั้นขึ้นมา
เมื่อขึ้นไปเรียนชั้นปีที่ 2 ได้สวมหมวกสีเหลือง และเปลี่ยนเลขไทยบนบ่าทั้ง 2 ข้าง และนักเรียนปกครองจากรุ่น 33 ที่ขึ้นไปเรียนชั้นปีที่ 4 แล้ว มาทำการปกครองนักเรียนชั้นปีที่ 2 มีจำนวน 6 คน คือ
1. นรต.พิพัฒน์ บุญเพชร
2. นรต.สุรศักดิ์ บุญกลาง
3. นรต.บรรหาญ สมเกียรติ
4. นรต.ปิยะ สุขประเสริฐ
5. นรต.สามารถ แก้วเนตร
6. นรต.อนุศักดิ์ พรหมมะ
ผมได้อยู่หมวดที่ 4 กองร้อยที่ 2 และมีเพื่อนที่เป็น Buddy คนใหม่ นอนเตียงติดกันทางซ้ายมือ ชื่อ นรต.วิทยา อุตบุรี เป็นชาวเหนือ เป็นคนเงียบๆ พูดน้อย อุปนิสัยสุภาพเรียบร้อยมาก
นรต.วิทยาเล่าให้ผมฟังว่า เขามีพี่ชายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 31 และสำเร็จการศึกษาไปแล้ว
ส่วนเพื่อนเตียงข้างๆ ทางขวามือ คือ นรต.สมเกียรติ แสงสินศร เป็นชาวราชบุรีและเป็นนักกีฬาเช่นเดียวกับผม แต่ นรต.สมเกียรติเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน
การมีผู้ช่วยผู้บังคับหมวดคนใหม่ ย่อมต้องสร้างความคุ้นเคย ดังนั้น ชีวิตนักเรียนใหม่จึงกลับมาอีก ถึงแม้จะไม่เข้มข้นเท่าเมื่อตอนเรียนชั้นปีที่ 1 แต่ก็ไม่น้อยหน้ากว่ากันเลย
ยังต้องอุทิศเหงื่อและความเหนื่อยยากให้เป็นช่วง เป็นระยะ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022