ไม่มีองค์ทะไลลามะองค์ที่ 15

องค์ทะไลลามะ ปีนี้ น่าจะมีพระชนม์ 83 หรือ 84 แล้ว ท่านเคยรับสั่งเปรยๆ ทีเล่นทีจริงมาหลายครั้งแล้วว่า หากท่านเห็นว่าไม่มีงานที่ท่านต้องกลับมาดูอีก ท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาเกิดเป็นทะไลลามะองค์ที่ 15

ก็ท่านจะเกิดหรือไม่เกิดใหม่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ ก็ชีวิตของท่านน่ะ

นี่เราก็พูดเอาเอง จากฐานความคิดของเรา

ปรากฏว่า จีนไม่ชอบเลยแหละ

จากบทความของ Ben Blachard และ รูปัม เชน ในกรุงนิวเดลี ตลอดจน อภิเษก มธุการ ที่เมืองธารัมศาลา ทางเหนือของอินเดีย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ของจีนกล่าวหาว่าการที่องค์ทะไลลามะให้สัมภาษณ์เช่นนั้น “ไม่เข้าท่า” และทำให้เสื่อมเสียต่อพุทธศาสนา

ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นตอนที่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของทิเบตพลัดถิ่น นายลอบซัง สังเกย์ กำลังหาเสียงเพื่ออยู่ต่อเป็นวาระที่สอง

ในขณะที่จีนกล่าวหาว่าองค์ทะไลลามะที่ทรงลี้ภัยออกมาจากทิเบตตั้งแต่ ค.ศ.1959 นั้น ทรงเป็นผู้แบ่งแยกดินแดงหัวรุนแรง ขณะที่องค์ทะไลลามะก็ทรงแสดงความเห็นว่า สิ่งที่พระองค์ทำนั้น เพียงขอให้ทิเบตได้มีโอกาสปกครองตนเองในเขตทิเบตเท่านั้น

ความขัดแย้งทางความเห็นของทั้งสองฝ่ายนั้น มารุนแรงขึ้นในประเด็นการกลับชาติมาเกิดใหม่

ศาสนาพุทธทั้งนิกายเถรวาทและมหายาน ไม่มีการพูดถึงการกลับชาติมาเกิดในลักษณะเดียวกับวัชรยาน เราเชื่อว่า เรามีการเวียนว่ายตายเกิด แต่เป็นไปตามพลังกรรม เราเองไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะไปเกิดเป็นใคร

ตรงกันข้ามในวัชรยาน หรือถ้าในทิเบตก็จะเรียกว่า นิกายพุทธแบบทิเบต ก็เชื่อเช่นเดียวกันว่า เราไปตามกรรม แต่จะมีข้อยกเว้น สำหรับผู้ที่ปฏิบัติจิตมาดี เช่น ผู้ที่เป็นอาจารย์ทางศาสนา ไม่เฉพาะองค์ทะไลลามะ ซึ่งดำรงสองสถานะ คือทั้งกษัตริย์ที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติทิเบต ขณะเดียวกันเป็นพระภิกษุหัวหน้าในนิกายเกลุกปะ เท่ากับเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณด้วย

นี่พูดอย่างชาวทิเบต และผู้ที่สนับสนุนชาติทิเบตอย่างผู้เขียน

แต่จีนถือว่า องค์ทะไลลามะเป็นเพียงพระภิกษุที่เป็นหัวหน้าของนิกายเกลุกปะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ของนิกายหลักในพุทธศาสนาของทิเบต

สําหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ กรรมะปะ ซึ่งเป็นผู้นำนิกายพุทธศาสนาแบบทิเบตอีกนิกายหนึ่ง ก็หนีออกมาจากทิเบตภายใต้การยึดครองของจีน ตั้งแต่วัยรุ่น เวลานี้อยู่ในอินเดีย เป็นหนุ่มใหญ่แล้ว

จีนก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปครั้งหนึ่งแล้ว

คราวนี้ จีนกำลังรอว่า เมื่อสิ้นองค์ทะไลลามะองค์ปัจจุบัน คือองค์ที่ 14 ตอนนี้ท่านก็มีพระชนม์ ตั้ง 83-84 แล้ว เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว อีก 3-4 ปี ก็จะมีการเลือกสรรทะไลลามะองค์ที่ 15 แน่นอน จีนก็จะเลือกชาวจีนเชื้อสายทิเบตที่อยู่ในจีน เพื่อให้จีนควบคุมได้ง่าย

แต่จีนไม่มีกลไกที่จะเลือกสรรองค์ทะไลลามะ เพราะอย่างหนึ่งที่จีนไม่เข้าใจ คือกลไกการทำงานทางจิตวิญญาณ

เอ๊ะ แล้วทิเบตเขามีการเลือกสรรอย่างไร เราก็ไม่รู้ แต่รู้ได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ ศึกษาวิธีที่ชาวทิเบตเขาเลือกองค์ทะไลลามะองค์ที่ใกล้ที่สุด ก็คือองค์นี้แหละ องค์ที่ 14

บางครั้ง ก่อนสิ้น ทะไลลามะอาจจะมีการบอกทิศทางว่าจะไปเกิดที่ไหนอย่างไร สำหรับพระศพขององค์ที่ 13 ที่เขารักษาไว้นั้น ปรากฏว่า พระศพขยับได้เอง หันไปทางทิศตะวันออก ทางรัฐบาลก็จัดกรรมการที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องการตามหาองค์ทะไลลามะที่เชื่อว่าไปเกิดแล้ว

ขั้นนี้ ได้ทิศแล้ว ขั้นต่อมาส่งพระอาจารย์ที่ทำสมาธิได้ขั้นสูงเดินทางไปทำสมาธิที่ทะเลสาบทางเหนือ เมื่อมองลงไปในน้ำ อาจารย์แต่ละท่านเห็นหมายต่างๆ กัน ท่านหนึ่งเห็นอักษรปรากฏ อักษรนี้ เป็นอักษรแรกของชื่อบิดาขององค์ทะไลลามะที่ไปเกิดใหม่

อาจารย์ท่านหนึ่ง เห็นหลังคาบ้านที่มีรางน้ำที่ทำด้วยไม้สนต่างไปจากบ้านอื่น ตรงกันกับบ้านขององค์ทะไลลามะที่พบตอนหลัง

อีกองค์หนึ่งเห็นหลังคาสีไข่นกการเวก ปรากฏว่าเป็นหลังคาของวัดที่อยู่ใกล้บ้านองค์ทะไลลามะที่สุด

ในระหว่างนั้น รัฐบาลกลางส่งหนังสือออกไปตามจังหวัดต่างๆ ว่า หากมีเด็กในวัย 3 ขวบ ที่มีลักษณะเฉลียวฉลาดโดดเด่นให้ส่งข้อมูลเข้ามาที่ส่วนกลางได้พิจารณา

ในท้ายที่สุดกรรมการจากส่วนกลางเดินทางออกไปเยี่ยมเยียนบ้านของเด็กที่มีการส่งข้อมูลเข้ามา

คณะกรรมการที่ไปนั้น เป็นคนใกล้ชิดกับทะไลลามะองค์ก่อน ล้วนมีญาณที่จะตรวจสอบเด็กที่เกิดใหม่ เมื่อเข้าไปในบ้านขององค์ทะไลลามะ ขณะนั้นอายุ 3 ขวบ พระอาจารย์ท่านนี้ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ที่มาในคณะเข้าไปเล่นกับเด็กๆ ในครัว เด็กน้อยวัยสามขวบนั้น ก็มีทีท่าว่าจำอาจารย์ท่านนั้นได้

ในวัยเด็กท่านชอบเล่นขนของเพื่อเดินทางไปลาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวง และเวลานั่งกินอาหารกับครอบครัวท่านมักจะนั่งหัวโต๊ะ

ข้อมูลเหล่านี้ คณะกรรมการน้อมรับฟัง ออกเดินทางไปตรวจดูเด็กที่ส่งข้อมูลเข้ามาทั้งหมดแล้ว เห็นพ้องกันว่า ต้องเป็นบ้านนี้

คราวนี้ กรรมการชุดเดิมกลับมาอีก เอาของใช้ขององค์ทะไลลามะ ตั้งแต่ลูกประคำ จนถึงไม้เท้า แต่ปะปนกันมากับของคนอื่น เด็กน้อยหยิบของได้ถูกทุกชิ้น

จึงได้รับการยืนยันโดยอาจารย์ที่ออกไปแสวงหาว่า ไม่ผิดคนแน่

แน่นอน หากจีนมีการเลือกสรรองค์ทะไลลามะองค์ที่ 15 เองในฝ่ายของจีน ก็ย่อมไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนชาวทิเบต หรือแม้ชาวพุทธที่สนับสนุนทิเบต เพราะไม่มีขั้นตอนที่ว่านี้เลย

จีนแต่งตั้งเอาเองตามความพอใจของตน

องค์ทะไลลามะทรงอ่านเกมของจีนออก จึงรับสั่งว่า พระองค์อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับชาติมาเกิด นั่นหมายถึงการประกาศล่วงหน้าว่าจะไม่มีองค์ทะไลลามะองค์ที่ 15

ในเมื่อพระองค์ท่านเองระบุชัดเจนอย่างนั้น ใครที่ไปแต่งตั้งทะไลลามะขึ้นมาก็จะเป็นเรื่องชวนหัวเพราะขัดกับความประสงค์ของเจ้าตัวเขาตั้งแต่ที่เขายังมีชีวิตอยู่

องค์ทะไลลามะเคยรับสั่งว่า พระองค์อาจจะกลับชาติมาเกิดเป็นชาวต่างชาติ หรืออาจจะเป็นสาวน้อยผมสีบลอนด์ในตะวันตก หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นผึ้งตัวน้อย

ท่าทีเช่นนี้ เป็นท่าทีที่จีนไม่ชอบอย่างยิ่ง เพราะจะปิดโอกาสในการที่จีนจะเลือกองค์ทะไลลามะเสียเอง

แล้วทำไมจีนต้องเลือกองค์ทะไลลามะ นี่แหละคือความจริงที่จีนไม่ชอบ

ก็เพราะองค์ทะไลลามะยังคงเป็นศูนย์รวมความรักความศรัทธาของชาวทิเบตนั่นเอง แม้จะต้องอุปโลกน์ขึ้น จีนก็ต้องทำ เพื่อใช้เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมชนกลุ่มน้อยในจีน แต่เป็นชนกลุ่มใหญ่ในดินแดนทิเบตที่จีนเข้าไปยึดครอง และไม่ทำท่าว่าจะขยับให้ชาวทิเบตได้ปกครองกันเอง

การที่องค์ทะไลลามะจะประกาศว่า จะไม่มีองค์ทะไลลามะต่อไป จึงทำให้จีนเสียแผน จึงกลายเป็นประเด็นการเมืองทันที