ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 มิถุนายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | สิ่งแวดล้อม |
ผู้เขียน | ทวีศักดิ์ บุตรตัน |
เผยแพร่ |
ขอพูดถึงการเมืองอีกสักวันเพราะคนไทยทั้งประเทศตั้งหน้าตั้งตารอคอยกระบวนการเปลี่ยนผ่านประเทศเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นไปอย่างราบรื่นตามระบอบประชาธิปไตยที่มีเจตนารมณ์ชัดเจนให้เคารพในมติของเสียงส่วนใหญ่
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เป็นที่รู้ว่า มีผู้หย่อนบัตรเลือกพรรคก้าวไกลมีมากถึง 14,438,851เสียง ได้ ส.ส.รวมกัน 151 คน
พรรคก้าวไกลจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทยและอีก 6 พรรค มี ส.ส.มากถึง 313 คน มากเกินกึ่งของ ส.ส.ทั้งรัฐสภา และคะแนนที่ได้รับเลือกรวมกันกว่า 25 ล้านเสียง
นี่คือมติมหาชนที่ผนึกใจเลือกพรรคการเมืองฝั่งนิยมประชาธิปไตยเข้ามาเปลี่ยนผ่านประเทศ
เปลี่ยนจากประเทศที่มีผู้นำซึ่งมาจากรากเหง้า “เผด็จการ” มาเป็นผู้นำที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้งและได้รับฉันทามติจากมหาชน
ผู้คนที่หย่อนบัตรเลือกตั้งลงคะแนนให้พรรคการเมืองฝั่งนิยมประชาชนมีมากเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้มาใช้สิทธิจำนวน 39,514,973 คน
ถ้าหากสมาชิกวุฒิสภา 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งของกลุ่มเผด็จการ “คสช.” ยกมือโหวตค้าน “พิธา” เป็นนายกฯ เท่ากับปฏิเสธการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล
นั่นจะเป็นสัญญาณเตือนว่ากระบวนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มใบเกิดปัญหาแล้ว และจะเป็นปัญหาอันร้าวลึกระหว่างฝั่งนิยม “เผด็จการ” กับนิยม “ประชาธิปไตย”
ยิ่งหากมีการเล่นเกมสกปรกเอาพรรคที่มาจากฝั่งเผด็จการผสมพันธุ์กันแล้วจัดตั้งรัฐบาลแทน “ก้าวไกล” ทำนายไว้เลยว่า ประเทศไทยลื่นไถลตกเหวนรก เป็นเหวแห่งความปั่นป่วนทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ผมเชื่อว่าทุกคนไม่อยากเห็นประเทศไทยลื่นไถลไปถึงจุดนั้น อยากให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างนื่มนวลราบรื่นและปล่อยวางให้คนรุ่นใหม่อย่าง “พิธา” เป็นผู้นำ บริหารประเทศ
ถ้า 4 ปี “พิธา” บริหารล้มเหลว ประเทศไม่เดินหน้าก็กลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งกันใหม่ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เพราะในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยก็พังย่อยยับมาแล้ว
อย่าลืมว่าตั้งแต่เกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ล้มรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ที่มาจากการเลือกตั้ง จนกระทั่งรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ “คสช.” รวม 17 ปีประเทศไทยมีแต่ถอยหลังเข้าคลองในแทบทุกด้าน
ระบบการศึกษาของไทยวันนี้ ติดอันดับล้าหลังโลก ยิ่งภาษาอังกฤษที่เป็นเครื่องมือสื่อสารของมวลมนุษยชาติ คนไทยมีทักษะในอันดับ 97 ของโลกเป็นรองพม่าและเขมร
รายงานของธนาคารโลกชี้ให้เห็นว่า ในการประเมินสมรรถนะเด็กนักเรียนมาตรฐานสากลหรือที่เรียกว่า PISA (Programme for International Student Assessment) เด็กไทยมีมาตรฐานต่ำมาก เมื่อปี 2561 ด้านการอ่านอยู่อันดับ 68 คณิตศาสตร์อันดับ 59 และวิทยาศาสตร์อันดับที่ 55
ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เด็กไทยนำหน้าแค่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เท่านั้น
เมื่อเอาผล PISA ของเด็กในกรุงเทพฯ ไปเทียบกับเด็กต่างจังหวัด พบว่าเด็กใน กทม.มีคะแนนใกล้เคียงกับเด็กในประเทศพัฒนาแล้ว
เวิลด์แบงก์ยังสำรวจพบอีกว่า เด็กไทยในต่างจังหวัดอ่านออกเขียนได้แต่ใช้ในการทำงานไม่ได้ เมื่อใช้งานไม่ได้จะยกระดับคุณภาพการทำงานได้อย่างไร
นี่เป็นดัชนีชี้ให้เห็นความล้าหลังของระบบการศึกษาไทยซึ่งนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาเป็นขบวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความยากจน และเศรษฐกิจ
โลกวันนี้ อยู่กับภาษาอังกฤษ อยู่กับอินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีดิจิทัล
ถ้าเด็กไทยไร้ทักษะขาดประสิทธิภาพในด้านการศึกษา โอกาสจะแข่งขันชิงนำประเทศอื่นๆ ริบหรี่มาก
บรรทัดนี้จึงอยากวิงวอนร้องขอผู้สูงวัยโดยเฉพาะ “สมาชิกวุฒิสภา” ซึ่งผ่านโลก ผ่านประสบการณ์ชีวิต โหวตเสียงสนับสนุนเปิดทางให้ “คนรุ่นใหม่” เช่นคุณพิธา และพรรคก้าวไกล เข้ามาบริหารประเทศ
วันก่อนมีโอกาสไปร่วมแสดงความยินดีกับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ก้าวสู่ปีที่ 47 แวะเข้าร้านหนังสือ “มติชนบุ๊คคลับ” ของมติชน เหลือบไปเห็นหนังสือ “80 ต้นไม้รอบโลก” หน้าปกสวยงาม รีบคว้าหมับเพราะแค่ชื่อก็ชอบแล้ว
คนเขียนหนังสือเล่มนี้ชื่อ “Jonathan Drori” หรือเรียกย่อๆ ว่า จอน เป็นทั้งนักสิ่งแวดล้อม นักเทคโนโลยี นักเขียน และเคยเป็นผู้อำนวยการผลิตหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ของสำนักข่าวบีบีซีแห่งอังกฤษ ปัจจุบัน “จอน” เป็นสมาชิกของสวนพฤกษศาสตร์หลวง “คิว” กรุงลอนดอน และนักพูดสาธารณะ
ขึ้นพูดบนเวที “TED” ที่มีคนดูทั่วโลกกว่า 3 ล้านวิว
“จอน” เขียนในบทนำในหนังสือเล่มนี้ว่า ต้นไม้ในโลกนี้มีความหลากหลายมากจนน่าทึ่ง ตอนนี้รู้กันแล้วว่ามีชนิดที่แตกต่างกัน 60,000 ชนิด
“พืชไม่อาจวิ่งหนีจากสัตว์ที่ชอบกินก็เลยต้องผลิตสารน่ารังเกียจเพื่อไล่สัตว์เหล่านั้น ทั้งยางไม้ (gum) เรซิน (rasin) และน้ำยาง (latex) ไหลซึมออกมาเพื่อท่วมตัวแมลงและศัตรูพืชอื่นๆ วางยาพวกมัน รวมถึงตรึงไม่ให้เคลื่อนไหวได้ นอกจากนั้น ยังใช้กำจัดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียได้ด้วย กลไกป้องกันตัวเองเหล่านี้ทำให้เรามีหมากฝรั่ง ยางพารา รวมทั้งสินค้าฟุ่มเฟือยที่ซื้อขายกันมานานที่สุดในโลกอย่างแฟรงคินเซนส์หรือกำยาน”
ต้นไม้ยังมีความสัมพันธ์อันน่าทึ่งกับสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย ต้นไม้โดยทั่วไปใช้ลูกเล่นฉลาดๆ เพื่อให้เกิดการถ่ายเรณูหรือยื่นหมูยื่นแมวเพื่อให้เมล็ดพืชกระจายออกไป หรืออาจถึงขั้นล่อศัตรูของศัตรูมาช่วยงาน
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างสิ่งมีชีวิตยังเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้ภาวะโลกร้อนเป็นภัยคุกคามร้ายแรง
ยกตัวอย่างเมื่อดอกไม้บานเร็วขึ้นกว่าที่เคย แล้วต้นไม้ต้องพึ่งพาแมลงบางชนิดเพื่อถ่ายเรณู แต่แมลงยังมาไม่ถึง ณ ตอนนั้น พืชชนิดนี้อาจแพร่พันธุ์ไม่ได้เลย หรือแมลงอาจไม่มีอาหารกินเพราะมาเร็วเกินไปแล้วก็ยังมีพืชและสัตว์ชนิดอื่นที่ต้องพึ่งพาแมลงชนิดนี้อีกต่อไป
“การปฎิเสธไม่เชื่อเรื่องภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สมควรกล่าวถึงเพราะความกังขาในวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศไม่ว่าจะโดยจงใจหรือหลงผิด ก็ล้วนส่งผลต่อความอยู่รอดของต้นไม้หลายชนิด”
เนื้อหาในหนังสือ “80 ต้นไม้รอบโลก” ให้ความรู้ทั้งทางพฤกษ์ศาสตร์ ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ อย่างต้นลอนดอนเพลน (London Plane) มีใบใหญ่เหมือนใบเมเปิล ลำต้นสูงชะลูด
ชาวลอนดอนปลูกต้นลอนดอนเพลนในช่วงศตวรรษที่ 19 เพื่อประดับจัตุรัสและถนนสายใหญ่ของกรุงลอนดอน เป็นสัญลักษณ์เชิงอุดมคติของเมืองหลวงแห่งสหราชอาณาจักร
การปลูกลอนดอนเพลนเหมือนจะสื่อให้รู้ว่านี่คือศูนย์กลางของประเทศอุตสาหกรรมอันทรงอำนาจ เป็นประเทศที่มั่นคงและมั่นใจมากพอจะวางแผนล่วงหน้านับร้อยปี แม้แต่ต้นไม้ยังแข็งแกร่งไม่ผุสลาย ช่างสมเป็นบริติชจริงๆ
หนังสือเล่มนี้ยังพูดถึงยางพาราที่ปลูกกันมากในประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างมีอรรถรส
ใครสนใจรายละเอียดก็ขอเชิญไปหาซื้ออ่านกันครับ •
สิ่งแวดล้อม | ทวีศักดิ์ บุตรตัน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022