Soul City (Pyramid of Oranges) : ประติมากรรมพีระมิดส้ม ที่ให้ทุกคนเลือกหยิบได้อย่างเสรี

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

Soul City (Pyramid of Oranges) | ประติมากรรมพีระมิดส้ม ที่ให้ทุกคนเลือกหยิบได้อย่างเสรี

 

ท่ามกลางกระแสการเมืองไทยในช่วงนี้ ที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ และ (หวังว่า) กำลังจะมีการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดจากเสียงประชาชนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

ในตอนนี้เราเลยขอเกาะกระแสที่ว่านี้ ด้วยการเล่าถึงผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกันในเชิงสัญลักษณ์บางอย่างก็แล้วกัน

ผลงานศิลปะที่ว่านี้เป็นของ โรโลฟ เลาว์ (Roelof Louw) ศิลปินชาวอังกฤษเชื้อสายแอฟริกัน ผู้ทำงานในสื่อประติมากรรมและภาพถ่าย

เลาว์เกิดในแอฟริกาใต้ ก่อนที่จะย้ายไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 1961 เขาทำงานในลอนดอน, นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา, เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ และเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการประติมากรรมสำคัญๆ ของศตวรรษที่ 20 หลายต่อหลายครั้ง

ประติมากรรม Soul City (Pyramid of Oranges) (1967) โดย โรโลฟ เลาว์, ภาพจาก https://shorturl.at/xzIPX

ผลงานของเขามักทำขึ้นในรูปแบบของศิลปะเชิงโต้ตอบ (Interactive art) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมเข้าไปมีส่วนร่วมกับผลงาน โดยมากมักเป็นวัตถุข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยประกอบเข้าด้วยกันเป็นผลงานประติมากรรมและศิลปะจัดวางเฉพาะพื้นที่ และมักเป็นวัสดุรอบตัวทั่วไปอันหลากหลาย ตั้งแต่แผ่นไม้, เหล็ก, เสานั่งร้าน, เชือก, หลอดไฟนีออน, หนังยางรัดของ, แผ่นตะกั่วม้วน หรือเทปบันทึกเสียง ที่บันทึกความเคลื่อนไหวของผู้ชมรอบๆ พื้นที่แสดงงาน

ผลงานที่เป็นที่รู้จักที่สุดของเขาที่เรากำลังจะกล่าวถึงในตอนนี้ก็คือ Soul City (Pyramid of Oranges) (1967) ผลงานประติมากรรมจัดวางที่ประกอบด้วยผลส้มเปลือกหนาจำนวนเกือบหกพันผล วางเรียงกันเป็นรูปพีระมิด ในกรอบไม้สี่เหลี่ยมปูด้วยผืนผ้าพลาสติกสีเทา แล้วก็ไม่ได้แค่วางเอาไว้เฉยๆ

หากแต่ในระหว่างจัดแสดง ทางศิลปินและหอศิลป์ก็เชื้อเชิญผู้คนที่เข้าชมงานให้เลือกหยิบส้มไปได้คนละหนึ่งผล

ประติมากรรม Soul City (Pyramid of Oranges) ที่ส้มเริ่มลดจำนวนลง, ภาพจาก https://shorturl.at/klsU5

เลาว์ทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นเพื่อแสวงหาความเข้าใจและความหมายใหม่ๆ ของงานประติมากรรม รวมถึงผลักพรมแดนของงานประติมากรรมให้กว้างไกลออกไป เขากล่าวว่า เขาต้องการตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงโต้ตอบระหว่างผลงานประติมากรรมกับสภาพแวดล้อมที่มันตั้งอยู่ รวมถึงผู้ชมที่เข้ามาชมมันด้วย

ถึงแม้จะเป็นงานที่แลดูทำง่าย ใครๆ ก็ลอกเลียนแบบได้ แต่เลาว์และหอศิลป์ Tate ก็เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานชิ้นนี้ร่วมกันแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ประติมากรรมพีระมิดส้มชิ้นนี้ถูกแสดงเป็นครั้งแรกในนิทรรศการ The Orange Pyramid Show ที่หอศิลป์ Arts Lab ในลอนดอน ปี 1967 โดยเลาว์อธิบายถึงตัวงานและที่มาที่ไปว่า

“พีระมิดส้ม (ความสูง 5.6 ฟุต) ชิ้นนี้ สร้างขึ้นจากส้มจำนวน 5,800 ผล ทุกคนที่เข้ามาในหอศิลป์จะถูกเชิญชวนให้หยิบส้มไปกิน หรือเอากลับบ้านไปได้ตามใจชอบ โดยประติมากรรมส้มจะถูกตั้งเอาไว้เป็นเวลาสองสัปดาห์”

“ในแง่หนึ่ง ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นการใช้วัตถุ (ส้ม) ตามสภาพของตัวเอง (โดยไม่มีการดัดแปลงใดๆ) เพื่อสร้างสถานการณ์ทางอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง ในอีกแง่หนึ่ง มันก็สร้างความเชื่อมโยงกับพื้นที่และผู้คนที่เข้าไปในพื้นที่นั้นๆ โดยเฉพาะเจาะจงด้วย”

เลาว์ได้แรงบันดาลใจในการทำผลงานชิ้นนี้จากการได้เห็นส้มวางเรียงเป็นกองพะเนินสูงท่วมหัวในร้านขายของชำ พีระมิดส้มขนาดความสูง 5 ฟุต 6 นิ้ว ชิ้นนี้ เป็นสัดส่วนที่ทำให้นึกไปถึงร่างกายมนุษย์ การจัดเรียงผลส้มเป็นกองรูปทรงพีระมิดอย่างเป็นระเบียบ ทำให้รู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบ

แต่ในขณะเดียวกัน การให้ผู้ชมทุกคนที่เข้ามาชมงานหยิบส้มในกองไปได้ตามใจชอบ ก็ทำโครงสร้างรูปพีระมิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแม้แต่พังทลายลง จากจำนวนส้มที่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ได้

แต่ถึงแม้จะไม่มีใครหยิบส้มไปเลยแม้แต่ผลเดียวก็ตาม ส้มเหล่านี้ก็จะเหี่ยวเฉาและเน่าสลายไปตามธรรมชาติและกาลเวลาอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ ตัวประติมากรรมพีระมิดส้มชิ้นนี้จะถูกตั้งเอาไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และทุกครั้งที่ผลงานชิ้นนี้ถูกจัดแสดงใหม่ ส้มสดใหม่จะถูกนำมาจัดแสดงเสมอ

ประติมากรรม Soul City (Pyramid of Oranges) ที่ส้มถูกหยิบไปจนเกือบหมด, ภาพจาก https://shorturl.at/hKORS

ในปี 2000 เลาว์กล่าวถึงผลงานชิ้นนี้ของเขาว่า

“ผู้ชมแต่ละคนที่เข้ามาในหอศิลป์จะถูกเชื้อเชิญให้หยิบผลส้มหนึ่งผล ด้วยการหยิบส้มไปผลหนึ่ง ผู้ชมแต่ละคนจะทำหน้าที่เปลี่ยนรูปแบบโมเลกุลของกองส้มกองนี้ และมีส่วนร่วมในการบริโภคมัน (ส่วนจะบริโภคอย่างไรนั้น ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน)”

Soul City (Pyramid of Oranges) เป็นผลงานประติมากรรมที่ฉีกตัวเองออกจากขนบธรรมเนียมเดิมๆ ของงานประติมากรรมสมัยใหม่ ด้วยการใช้วิธีคิดและวัสดุในการสร้างงานประติมากรรมที่แตกต่างจากแบบแผนเดิมๆ และสร้างปฏิสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างผลงานศิลปะและผู้ชม ด้วยการไม่เพียงให้ผู้ชมสัมผัสจับต้องผลงานศิลปะ ทั้งที่ปกติ ผู้ชมทำได้แค่เพียง “ดูแต่ตา มืออย่าต้อง” เท่านั้น

โรโลฟ เลาว์ กำลังแกะส้มกินข้างๆ ประติมากรรม Soul City (Pyramid of Oranges) ของเขา, ภาพถ่ายโดย Lorne Campbell, ภาพจาก https://shorturl.at/hKORS

หากแต่ในผลงานของเลาว์ ผู้ชมสามารถหยิบฉวยเอาไปกินลงท้อง หรือเอากลับบ้านไปได้ตามใจชอบ

สิ่งนี้ทำให้เลาว์ไม่เพียงสร้างแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการทำงานของประติมากรรมในพื้นที่และเวลา หากแต่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงโต้ตอบโดยตรงระหว่างงานประติมากรรมกับสภาพแวดล้อมและผู้คนที่อยู่รายรอบมัน เขายังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะสร้างงานประติมากรรมที่ทำงานในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในสังคม (ดังเช่นชื่อของผลงานอย่าง Soul City หรือ “เมืองแห่งจิตวิญญาณ”) และเป็นพื้นที่แห่งการแบ่งปันในชุมชนได้หรือไม่?

จะว่าไป ประติมากรรมพีระมิดส้มที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้อย่างเสรีนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ในสังคม ว่าไหมครับ ท่านผู้อ่าน? •

ข้อมูล https://shorturl.at/xzIPX, https://shorturl.at/adAR1, https://shorturl.at/hKORS

 

อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์