เผยแพร่ |
---|
มีความจำเป็นต้องให้ความสนใจต่อแต่ละ”น้ำเสียง”อันดังก้องมาจากภายในของ 250 ส.ว.อย่างเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะชื่อ”จะเด็ด” ไม่ว่าจะชื่อ”กิตติศักดิ์”ไม่ว่าจะชื่อ”เสรี”ยิ่งการออกมาปล่อยข่าวในลักษณะตีปลาหน้าไซจาก ส.ว.”สมชาย” ยิ่งต้องให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษ
เหมือนกับ”รัฐบาลแห่งชาติ”จะเป็นปฏิบัติการ”รุก”
เหมือนกับการออกมาตีความในกลยุทธ์”ปิตสวิชต์ ส.ว.”โดยการ”งดออกเสียง” จะดำเนินไปในลักษณะย้อนศรและตีกลับในทางการเมือง
เหมือนกับการกระพือบทบาทในการกดดันอย่างก้าวร้าวต่อแต่ละ 250 ส.ว.ด้วยการประชิดถึงตัวจะเป็นการเปิดโปงออกมาอย่างล่อนจ้อน
เช่นเดียวกับ การปล่อยข่าวสร้างกระแสว่าจะมีมวลมหาประ ชาชนจากต่างจังหวัดเตรียมทยอยกันเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อ ขวางการรุกไปยังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล
หากมองจากความเคยชินเดิมในทางการเมือง ทั้งหมดนี้คือปฏิบัติการในการรุก ชิงเป็นฝ่ายกระทำอย่างเด่นชัด
แต่ก็ต้องยอมรับว่าสภาพในเดือนมิถุนายนได้”เปลี่ยน”แล้ว
มองจากตัวละครเอกของฝ่ายที่ยึดครอง”อำนาจ”ก็จะเห็นได้ว่าสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เหมือนเดิมอย่างเด่นชัดยิ่ง
เป็นสถานะที่ไม่เหมือนกับเมื่อทำรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557
เป็นสถานะที่ไม่เหมือนกับเมื่อได้รับการขานชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 อันเป็นรากฐานมายังปัจจุบัน
หากดูจากคะแนนกว่า 4 ล้านเสียงซึ่งได้รับความไว้วางใจใน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ไม่เพียงเป็นรองกว่า 10 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย
หากยังเป็นรองกว่า 14 ล้านเสียงของพรรคก้าวไกลอย่างเด่นและเป็นรูปธรรม
ปฏิกิริยาอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมิได้เป็นการรุกในทางการเมือง ยิ่งปฏิกิริยาอันมาจากบรรดาตัวตึงภายใน 250 ส.ว.ยิ่งยืนยันถึงการตั้งรับ มิได้เป็นการรุก
เป็น”ปฏิบัติการ”ซึ่งดำเนินไปเหมือน”จงอาง”หวงไข่
พลันที่ประชาชนมอบ”อาณัติ”ผ่านพรรคก้าวไกลเมื่อประสานเข้ากับพรรคเพื่อไทย บทบาทของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต่างหากที่เป็นฝ่ายรุก เป็นฝ่ายกระทำ
เคลื่อนไหวไปข้างหน้าด้วยความองอาจสง่างามในท่ามกลางซากปรักหักพังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา