ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 ธันวาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
นับเป็นวาระแห่งชาติอีกเรื่องที่คนไทยและโลกโซเชียลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับการประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2017” หรือ “นางงามจักรวาล” ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
โดยสาวงามที่สามารถคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สในปีนี้คือ “เดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ส” สาวงามจากแอฟริกาใต้ วัย 22 ปี
รองอันดับหนึ่ง “ลอรา กอนซาเลส” จากโคลอมเบีย
และรองอันดับ 2 “ดาวินา เบนเนตต์” จากจาเมกา
ขณะที่ตัวเเทนสาวไทย “มารีญา พูลเลิศลาภ” แม้จะพลาดโอกาสได้มงกุฎ แต่สามารถผ่านเข้ารอบลึกสุด 5 คนสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปี
“มารีญา” ถูกจับตามองถึงโอกาสที่จะได้มงกุฎบนเวทีมิสยูนิเวิร์สเป็นคนที่ 3 ตามรอย “อาภัสรา หงสกุล” นางงามจักรวาลคนแรกของไทย ปี พ.ศ.2508 และ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” เป็นคนที่สองที่ครองมงกุฎเวทีนี้ ในปี พ.ศ.2531
ทันทีที่เดินทางไปเก็บตัวกับทางกองประกวดที่ลาสเวกัส ตัวแทนสาวไทยก็ถูกจับตามองและจัดให้เป็น “ตัวเต็ง” ที่จะคว้ามงกุฎมาครองในปีนี้ทันที จากกูรูนางงามต่างชาติเเละผลโพลสำนักต่างๆ ที่ยกสาวไทยติด 1 ใน 3 สาวงามที่จะครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส ตีคู่มากับสาวงามจากแอฟริกาใต้และฟิลิปปินส์
และยิ่งตอกย้ำความเป็น “ตัวเต็ง” เข้าไปอีก เมื่อกองประกวดเลือกสาวไทยเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศ ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำให้สปอนเซอร์หลักของการประกวด
รวมถึงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในเว็บไซต์รับพนันผลมิสยูนิเวิร์สอีกด้วย
เมื่อกระแสความแรงของมารีญามาเต็งอันดับหนึ่งขนาดนี้ มีหรือแฟนนางงามจะอยู่เฉยได้ ต่างลุกขึ้นมากระหน่ำส่งแรงเชียร์แรงใจผ่านทางโลกออนไลน์กันชุดใหญ่ไฟกะพริบ
โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ ที่นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กองประกวดใช้นับคะเเนน นอกจากเว็บไซต์หลักที่ใช้โหวตให้คะแนน
จนแฮชแท็ก #MissUniverse และ #Thailand มาแรงติดอันดับหนึ่งในไทยตีคู่มากับฟิลิปปินส์ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาคนสำคัญในการประกวดเวทีนี้
โดยเฉพาะในคืนวันที่ 26 พฤศจิกายน ก่อนปิดโหวตรอบแรก กลุ่มแฟนนางงามไทยต่างกระหน่ำโหวตให้มารีญาผ่านทางทวิตเตอร์อย่างดุเดือด รวมถึงคนดังในวงการบันเทิง อาทิ “โอปอล์ ปาณิสรา”, “แก้ม วิชญาณี”, “ชมพู่ อารยา”, “ไอซ์ ศรัณยู” และอีกหลายคน
แต่หนึ่งคนที่ชาวเน็ตยกให้เป็นกำลังสำคัญในการทำคะเเนน นั่นก็คือ “เป๊ก ผลิตโชค” ที่สร้างประวัติศาสตร์ผลโหวตทะลุ 2 ล้านโหวต ชนะฝั่งฟิลิปปินส์ในคืนเดียว ทำแฟนนางงามฝั่งเพื่อนบ้านงงเป็นไก่ตาแตก
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คะแนนจากทวิตเตอร์ ฟิลิปปินส์ลอยลำนำไทยมาโดยตลอด
เรียกว่าด้วยพลังโซเชียลของไทยในคืนส่งท้าย ส่งสาวมารีญาเข้าใกล้มงกุฎนางงามจักรวาลไปอีกครึ่งทาง
ยิ่งการประกวดเก็บคะแนนรอบพรีลิมมินารี ที่เหล่านางงามต้องผลัดกันขึ้นโชว์ตัวในชุดว่ายน้ำและชุดราตรี ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของชาวโซเชียลมาก
อย่างชุดราตรีจากแบรนด์ “Surface” ของ “โจ้ อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์” ที่สาวมารีญาใส่นั้น สวยงามจนกูรูนางงามและดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง “Nick Verreos” ยกให้เป็นชุดราตรีที่ดีที่สุดในการประกวดรอบนี้ ได้คะแนนสูงถึง 9.75 คะแนนชนะสาวงามประเทศอื่น
และในรอบชุดประจำชาติไทย ชุด “เมขลาล่อแก้ว” ที่ออกแบบโดย “ประภากาศ อังศุสิงห์” คนเดียวกับที่ออกแบบชุดหน้ากากจิงโจ้ให้ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็สวยจนชาวโซเชียลแห่ชม
แม้จะพลาดรางวัลชุดประจำชาติ แต่ชุดนี้ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แฟนนางงามทั่วโลกไม่ใช่น้อย
แล้ววันที่แฟนนางงามทั่วโลกรอคอยก็มาถึง การประกวดรอบจริงในเช้าวันที่ 27 พฤศจิกายน สาวงามทั้ง 92 ประเทศ ออกมาแนะนำตัวทีละคน
ปีนี้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามทวีป และคัดให้เหลือ 16 คนจากผู้เข้าประกวดทั้งหมด
ปรากฏว่าคนไทยได้เฮกันทั้งประเทศ เมื่อพิธีกรประกาศชื่อประเทศไทยเป็นชื่อแรกในกลุ่มแอฟริกาเอเชีย-แปซิฟิก
ก่อนจะมาต่อในรอบชุดว่ายน้ำ โดยมารีญานั้นมาในชุดว่ายน้ำวันพีซสีน้ำเงิน ที่ทุกคนกล่าวขานว่าเป็นชุดในตำนาน ตามรอยนางงามรุ่นพี่ “ปุ๊ก อาภัสรา” และ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” เคยใส่ในรอบนี้และคว้ามงกุฎมาได้ อีกทั้งสีน้ำเงินยังเป็นสีที่ถูกโฉลกกับมารีญาที่สุดด้วย
รอบนี้สาวไทยก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง สามารถผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายสำเร็จ ได้ออกมาอวดโฉมอีกครั้งในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้ม ของ “ASAVA” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ชุดไทยสไบสองชาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
เสร็จรอบชุดราตรี เสียงเชียร์จากแฟนนางงามไทยดังขึ้นไปอีก เมื่อมารีญาถูกเรียกชื่อผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ไปต่อในรอบตอบคำถาม ร่วมกับสาวงามจากแอฟริกาใต้, เวเนซุเอลา, จาเมกา และโคลอมเบีย
โดยคำถามที่สาวไทยได้นั้นถามว่า “คุณคิดว่าเหตุการณ์ขับเคลื่อนทางสังคม (social movement) สำคัญที่สุด ที่เกิดในยุคของคุณคืออะไร?”
“ดิฉันคิดว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญที่สุดในอนาคต คือสังคมผู้สูงอายุ เราต้องลงทุนทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญ คือคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม” คือคำตอบของสาวไทย พร้อมกับเสียงปรบมือจากกองเชียร์ในที่ประกวด
จนกระทั่งวินาทีแห่งความตื่นเต้นมาถึง กับการคัดสาวงามให้เหลือ 3 คนสุดท้าย เพื่อเข้าไปชิงมงกุฎ ซึ่งชื่อประเทศที่พิธีกรประกาศออกมามีเพียง จาเมกา, โคลอมเบีย และแอฟริกาใต้ ไร้ชื่อประเทศไทยที่ไม่สามารถฝ่ารอบนี้ไปต่อในรอบสุดท้ายได้ และเป็นสาวงามจากแอฟริกาใต้ที่ได้ครองมงกุฎไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาถึงรอบ 5 คนสุดท้ายในการประกวดครั้งนี้ ถือเป็นการเข้ารอบลึกที่สุดในรอบ 29 ปีของสาวไทย
ภายหลังการประกวดเสร็จสิ้น เหล่ากูรูและแฟนนางงามไทยหลายคนได้ออกมาวิเคราะห์คำถามที่มารีญาได้รับว่าค่อนข้างยาก
โดยเฉพาะคำว่า “social movement” ที่สามารถตีความได้กว้าง
พร้อมกับชมการตอบคำถามของสาวไทยว่าทำได้ดีมากในระดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่ชาวโซเชียลต่างช่วยกันส่งกำลังใจให้สาวมารีญาอย่างล้นหลามผ่านทางแฮชแท็ก #มงไม่ลงยังคงรักเธอ จนติดอันดับหนึ่งหลังการประกวดจบลง
ทั้งนี้ ตัวสาวมารีญาเองก็ได้ออกมาขอบคุณทุกแรงเชียร์ และหลั่งน้ำตาขอโทษคนไทยที่ไม่สามารถคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สมาได้ รวมถึงนายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจสาวมารีญาด้วยเช่นกัน
ท้ายนี้แม้จะพลาดโอกาสได้มิสยูนิเวิร์สอย่างที่หลายคนหวัง แต่เชื่อว่าคนไทยทุกคนล้วนภูมิใจในตัวมารีญา ที่ช่วยประกาศให้โลกรู้ว่าไทยเข้าใกล้มงกุฎมิสยูนิเวิร์สไปอีกครั้งแล้ว!!