จับตา ‘ก้าวไกล’ ลุยแฉ ส่วยทางหลวงหมื่นล้าน อึ้งลาม ‘แรงงาน-หวย’ สั่งเด้งทันที ผบก.ทล.

เป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาทันที เมื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดโปงขบวนการสติ๊กเกอร์ “อีซี่พาส” พิสดาร ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่รถบรรทุก

แน่นอนว่าไม่ใช่ “อีซี่พาส” ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย แต่เป็นสติ๊กเกอร์ผ่านตลอด ของรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็ต่างมีเจ้าถิ่นแตกต่างกัน ใช้สติ๊กเกอร์กันคนละลาย คนละเจ้า แถมจำหน่ายในราคาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ความใกล้-ไกลของการขนส่ง ที่หากรวมๆ แล้วเป็นตัวเงินมหาศาลระดับหลายพันล้าน!!!

วิโรจน์ ก้าวไกล

แถมยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการทำผิดกฎหมายในทุกระดับ สาธารณูปโภคพื้นฐานที่เสียหาย ต้องใช้ภาษีประชาชนซ่อมแซม ลามไปถึงกระทบต่อค่าสินค้าอุปโภคบริโภค

และที่สำคัญ ไม่ใช่นายวิโรจน์ออกมาทำในนามส่วนตัว แต่ได้รับไฟเขียวจากว่าที่นายกฯ คนที่ 30 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล

ตอกย้ำว่าเป็นอุกกาบาตที่พุ่งทำลายกวาดล้าง “ส่วย” อย่างเป็นทางการ แถมไม่ใช่แค่เรื่องของรถบรรทุกเพียงเท่านั้น

ล่าสุด ผบก.ทางหลวง ที่แม้จะยืนยันว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องส่วย ก็ถูกเด้งไปเรียบร้อย

จึงต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด ว่าอุกกาบาตลูกนี้จะฟาดไปถึงหน่วยงานไหนอีกบ้าง

แต่ที่แน่ๆ ก็พอจะเห็นเค้ารางว่าประเทศไทยคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!!

สติ๊กเกอร์อีกแบบ

แฉสติ๊กเกอร์ส่วยทางหลวง

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ระบุถึงสติ๊กเกอร์อีซีพาสแบบใหม่ ที่เห็นติดตามรถบรรทุก โดยเป็นรูปพระอาทิตย์สีน้ำเงิน มีเลข ๕ อยู่ด้านล่าง ตั้งคำถามว่าทำไมรถบรรทุกหลายคันถึงมีสติ๊กเกอร์นี้ติดไว้ ดูแล้วไม่เห็นจะเท่อะไร ไม่น่าจะใช่สติ๊กเกอร์ตกแต่งรถ แถมบางคนยังยืนยันว่าเป็นอีซี่พาส แม้ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ แต่ก็ยืนยันกันว่าติดแล้วผ่านฉลุย พร้อมประกาศเตรียมลงพื้นที่สืบเสาะข้อมูลว่าโยงใยถึงใคร และเตือนว่าทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ เบาได้เบา เลิกได้เลิก

ร้อนแรงจนกระทั่งการทางพิเศษฯ ต้องออกมาช่วยขยี้ว่าไม่ใช่บัตรอีซี่พาสของ กทพ. จนนายวิโรจน์ก็ตอกย้ำว่าไม่ใช่อีซี่พาสของ กทพ.แน่นอน เพราะสติ๊กเกอร์นี้ออกโดยองค์กรลึกลับ ที่สามารถทำให้รถบรรทุก ไม่ว่าขนดิน หิน ทราย หรือบรรทุกของหนักแค่ไหน ขับผ่านไปได้แบบฉลุย เผลอๆ บางทีเอามาใช้ขนของผิดกฎหมายก็ได้ด้วย และระบุอีกว่า หากต้องการข้อมูลอาจต้องถามจากตำรวจทางหลวง

เริ่มเฉลยออกมาแล้วว่าเป็นเรื่องของส่วยทางหลวง หรือส่วยรถบรรทุกนั่นเอง!!!

ตอกย้ำด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ที่โพสต์ถึงปัญหาดังกล่าวว่าเป็นเรื่องของส่วยทางหลวง โดยระบุว่าก้าวไกลได้พบปะหารือกับสมาคมขนส่งทางบกหลายครั้ง ทางสมาคมได้ร้องเรียนและแนบหลักฐานไว้หลายกรณี ใครไม่จ่ายโดนเรียกตรวจตลอด ส่วนใครจ่ายก็ไม่เคยโดนเรียกตรวจ

ปัญหาส่วย ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำให้ผู้ประกอบการที่ทำทุกอย่างถูกต้องสุจริตรู้สึก ไม่แฟร์เพราะเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยเราเสียโอกาสพัฒนากันมาเท่าไหร่แล้วกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น?

หลังจากนี้ เตรียมพบกับ ส.ส.วิโรจน์ ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นดาวรุ่ง ดาวฤกษ์ ดาวอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมเห็นว่าเป็น ‘อุกกาบาต’ มาทลายระบบส่วยให้หมดไปจากประเทศไทย

ชัดเจนว่าเป็นไฟเขียวจากว่าที่นายกฯ ให้มากวาดล้างปัญหาส่วย!!!

เอกชนยอมรับมีมาเป็น 10 ปี

ขณะที่ปฏิกิริยาของเอกชน ก็ขานรับอย่างคึกคัก โดยนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ระบุว่า สหพันธ์จะนำข้อมูลและหลักฐานไปมอบให้ที่พรรคก้าวไกล และยืนยันว่าสมาชิกของสหพันธ์ทั้ง 10 สมาคม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เพราะได้ลงนามในสัญญา (เอ็มโอยู) ร่วมกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าสมาชิกจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้มีอยู่จริง และมีหลักฐานทั้งรายชื่อบริษัท และเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดกฎหมาย

“เรื่องนี้ถือเป็นความผิดร้ายแรง และมีการกระทำผิดเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเรารับรู้ถึงเรื่องการซื้อขายสติ๊กเกอร์ และสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่จะสามารถช่วยพรรคก้าวไกลได้ คือเราต้องให้ความร่วมมือโดยการให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง”

“อาทิ ที่มาของสติ๊กเกอร์กว่า 50-60 แบบ คลิปเสียง และคลิปวิดีโอที่มีการแอบถ่ายเอาไว้ว่าเรื่องนี้มีจริง แต่เราไม่สามารถโพสต์ลงในสื่อโซเชียลได้ เพราะเกรงว่าจะผิด พ.ร.บ.คอมพ์ จึงจะนำข้อมูลไปให้พรรคก้าวไกล เพื่อหาผู้กระทำผิดมารับโทษต่อไป”

ปัจจุบันพบว่ามีรถบรรทุกที่จ่ายค่าสติ๊กเกอร์อยู่ประมาณ 150,000-200,000 คัน จากจำนวนรถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ประมาณ 1,500,000 คัน เฉลี่ยต่อเดือนมีมูลค่านับพันล้านบาท

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในยุค คสช.ก็ไปยื่นร้องเรียน แต่ก็แก้ไม่ได้ หนักกว่าเก่าด้วย เพราะแม้จะมีมาตรการออกมาดำเนินการ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เหมือนไฟไหม้ฟาง ส่วนพรรคก้าวไกลเข้ามาที่สมาคมของพวกเราเมื่อ 4 เดือนก่อน ถามว่า คุณมีปัญหาอะไร จนกระทั่งเลือกตั้งจบ พรรคก้าวไกลโทร.มาเลยให้รวบรวมรายละเอียดมาเลย”

“นี่คือมิติใหม่ที่เราไม่เคยเจอ ไม่เคยพบเห็นเลย แต่วันนี้เราได้เห็น เราได้เจอแล้ว ส่วนความหวังว่าจะสำเร็จหรือไม่ ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องให้โอกาสพรรคก้าวไกล”

ส่วนนายศิริชัย ศรีเจริญศิลป์ นายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ระบุว่าปัญหาส่วนสติ๊กเกอร์มีนานแล้ว และระบาดหนักในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ส่วนสติ๊กเกอร์มีเป็นร้อยแบบ ที่ดีสุดเรียกว่าแบบโอเพ่น วิ่งได้ทั่วประเทศ จ่ายอยู่ที่ประมาณเดือนละ 2 หมื่นบาท

เป็นปัญหาที่เกาะกินประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

เด้งผบก.ทล.

สั่งเด้งผู้การทางหลวง

ด้าน พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ที่ถือว่าสังคมพุ่งเป้าว่าจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าว ก็ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับ ผกก.และ สว.ทางหลวงทั่วประเทศ ประชุมกันเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พร้อมสั่งตรวจสอบคือมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หากพบต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา

อย่างไรก็ตาม มีปัญหาที่ บก.ทล.ไม่มีอำนาจการสอบสวน จึงต้องประสานกองปราบปราม ดำเนินการทางกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลของผู้กระทำผิดหรือดำเนินคดีผู้ใด หากประชาชนมีเบาะแสสามารถแจ้งเข้ามาได้บนเพจเฟซบุ๊กตำรวจทางหลวง

และยังระบุอีกว่า ปัญหาเรื่องนี้พื้นฐานเกิดจากการบรรทุก เกิดจากการค้า การเอาเปรียบ ดังนั้น ปัญหาต้องถูกแก้ไขทุกประเด็นตั้งแต่ต้นตอถึงปลายทาง ทั้งนี้ ปัญหาคือเรื่องบรรทุกหนัก เรื่องส่วยเป็นปลายเหตุ การแก้ปัญหาเรื่องรถบรรทุกหนักให้หมด หรือเบาบางลงก็ต้องแก้ในภาพรวม

จากข้อมูลที่ได้ประสานกับสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยมาก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีภาคเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง รวมตัวกันทำสติ๊กเกอร์หรือป้ายต่างๆ แต่ที่ต้องตรวจสอบก็คือมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หากพบก็ต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพราะเป็นตำรวจก็ต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตัวเอง ถ้าเป็นตำรวจแล้วเงินเดือนไม่พอกินก็ไปทำอาชีพอื่น

พร้อมชี้เรื่อง “ส่วย” เป็นแค่ปลายเหตุ จนนายวิโรจน์ต้องออกมาขย่มอีกรอบว่า “ต้นเหตุจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ตำรวจจะเอามาอ้างเป็นเหตุในการรีดไถ เก็บส่วยไม่ได้!!! ผิดกฎหมายก็จับ ปรับ ดำเนินคดี กฎหมายไม่สอดคล้องในทางปฏิบัติ ไม่ทันสมัย โทษไม่สมสัดส่วน มีช่องว่างให้เรียกรับผลประโยชน์ ก็แก้ไขกฎหมายให้เหมาะสม ต้นทางจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ปลายทางมันต้องไม่ใช่ ‘ส่วย’ แน่ๆ”

ต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ออกคำสั่งย้าย พล.ต.ต.เอกราช ให้มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) จนกว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสติ๊กเกอร์ส่วยทางหลวงจะเสร็จสิ้น และแต่งตั้ง พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง

รวมทั้งมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) รักษาราชการแทน ผบก.ทล.อีกตำแหน่งหนึ่ง

เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการทลายปัญหาส่วยที่เกาะกินประเทศมาอย่างยาวนาน

และไม่ใช่มีแค่ส่วยรถบรรทุก แต่ยังมีทั้งเรื่องส่วยล็อตเตอรี่ แรงงานข้ามชาติ หรือแม้กระทั่งรถนักเรียน

ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีบทสรุปออกมาอย่างไร!!!