‘สุดารัตน์-โภคิน’ ส่งคำเตือน 2 พรรคใหญ่ ต้องจับมือก้าวพ้นกับดัก ล้ม ‘ธานอส’

ปรากฏการณ์คนแห่ชมและแชร์คลิปในเพจมติชนสุดสัปดาห์ ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พูดถึง “เรื่องร้อน” การเมืองไทย จนยอดเข้าชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง ภายใน 1 วัน น่าสนใจ

โดยคุณหญิงสุดารัตน์มองว่า รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ ได้วางกับดักระเบิดตลอดทาง ด่านแรกเลยคือ ส.ว. 250 คน ถ้าผ่านได้ ด่านนี้ที่ว่าหินแล้วยังต้องไปเจอ “แผนยุทธศาสตร์ชาติ” ที่เขาจะครอบหรือว่าบงการรัฐบาลไปจนถึงเอาโทษรัฐบาลที่ไม่ใช่ฝั่งเขาได้อีก ซึ่ง ณ วันนี้คนยังไม่ค่อยพูดถึงเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ ยังไม่เห็นผลความเลวร้ายเท่ากับ 250 ส.ว.

แต่เมื่อเป็นรัฐบาลจริงๆ จะเห็นว่าแผนยุทธศาสตร์ชาติมันจะแผลงฤทธิ์จนทําให้รัฐบาลแทบจะทํางานไม่ได้เลย แล้วประชาชนก็จะเสียประโยชน์ นี้คือด่านในรัฐธรรมนูญที่เขาเขียนวางกับดักไว้เพื่อกันพรรคที่ไม่ใช่อยู่ในฝ่ายอํานาจเก่าตั้งรัฐบาลได้

ส่วนที่สองคืออุปสรรคที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องรีบแก้กันเองคือเรื่องของตําแหน่ง “ประธานสภา”

มีเสียงบางส่วนเริ่มพูดว่า “ให้ฟรีโหวต” ในฐานะที่เป็นผู้ที่อยู่ทางการเมืองมานานและปรารถนาที่จะเห็นประชาชนสมหวัง ขอบอกว่า ประชาชนเขารอคอยด้วยความหวัง แล้วก็ได้ให้ฉันทานุมัติกับพรรคที่เขาเลือกมาเป็นอันดับ 1 และ 2 ในการบริหารจัดการบ้านเมือง เราก็อย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง

สิ่งที่แต่ละพรรคไปพูดไว้ในตอนเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเวทีดีเบต เวทีหาเสียง ทุกพรรคล้วนอ้างประชาชนหมดเลย พร้อมลั่นวาจาว่าจะทําตามที่ประชาชนจะโหวตตามที่ประชาชนต้องการ พูดแบบนี้เกือบทุกพรรค ส.ว.ก็ด้วย

แต่ถึงวันนี้กลับมีเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น สิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นประเด็น คือ เรื่องประธานสภา โดยธรรมเนียมพรรคที่ได้อันดับ 1 เขาก็จะได้ประธานสภา มันมียกเว้นอยู่บ้าง แต่น้อยมาก อย่างปี 2562 ดิฉันอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นนําพรรคเพื่อไทยได้ลําดับหนึ่ง แต่ก็ด้วยบัตรเขย่ง บัตรออกลูกใบเหลือง ใบแดง ด้วยงูเห่า ด้วยกล้วยทั้งหลาย ท้ายที่สุดพรรคอันดับ 2 ได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคอันดับ 1 ก็ไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วพรรคอันดับ 2 เลือกเอาพรรคอันดับ 4 ขึ้นมาเป็นประธานสภา กรณีนี้เป็น exceptional ซึ่งเกิดน้อยมาก

แต่ถ้าถามเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ ก็ต้องให้พรรคอันดับ 1 เขา แต่ถ้าพรรคอันดับ 1-2 มีความต้องการตรงกัน พรรคอยากได้ประธานสภาเหมือนกัน ก็อยากจะให้ทั้ง 2 พรรคไปนั่งคุยกัน อย่าปล่อยให้ฟรีโหวต เพราะถ้าปล่อยให้ฟรีโหวตปั๊บเนี่ยมันแตกทันทีเลย พอแตกทันทีปั๊บก็มี “คนแอบรออยู่นะจ๊ะ มองอยู่นะจ๊ะ”

มันก็จะกลายเป็นว่าสิ่งที่ประชาชนเขาทุ่มเท เขารอคอย เขาคาดหวังพังเลยทันที มันก็จะกลายเป็นสูตรผสม

ซึ่งอาจจะใช้ศัพท์เรียกว่า “เผด็จการชุบแป้งทอด” คือเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา เปลี่ยนผู้นํา แต่ท้ายที่สุดอํานาจก็ยังอยู่กับพวกนี้อยู่ แล้วเราจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างที่เราอยากแก้ได้รึเปล่าไม่รู้

คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า สิ่งที่อยากจะขอร้องคือเข้าใจ แล้วก็ให้กําลังใจพรรคที่ได้อันดับ 1 และ 2 อยากจะขอร้องว่า วันนี้เราไม่มีใครหรอกที่จะได้ในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ในสภาวะแบบนี้ ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เราพูดว่าเราทําเพื่อประชาชน ไม่ใช่แค่วาทกรรม มันเป็นความจริงใจของเรา เราต้องเสียสละ และเราต้องอดทนเพื่อที่จะจับมือกันให้แน่น อยากให้มองเห็นและนึกถึงแววตาของประชาชนที่เขารอความหวัง เขาบอกว่าเขาได้กลิ่นความเจริญ อย่าให้เขาผิดหวัง มองแววตาของคนยากจนที่ทุกคนน่าจะได้สัมผัสตอนหาเสียง

ดิฉันอาจจะเป็นคนที่ลงพื้นที่แล้วได้กอดคนจนมากที่สุด ภาพมันติดตาติดใจพี่ตลอด ดังนั้น สิ่งที่ต้องทําตอนนี้ คือต้องร่วมมือกัน สําคัญที่สุดคือพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 ต้องจับมือกันให้แน่น เอาชนะเผด็จการให้ได้ก่อน และแก้รัฐธรรมนูญ แก้เศรษฐกิจปากท้อง งวดหน้าเราค่อยกลับมาแข่งกันในสนามที่กติกาเป็นสากล ไม่มีวิธีพิเศษ มี 250 ส.ว. มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ ก็อยากให้กําลังใจสองพรรคใหญ่ ให้เป็นหลักกับฝ่ายประชาธิปไตยและฟันฝ่าเอาชนะเผด็จการครั้งนี้ไปให้ได้ อย่าให้ประเด็นประธานสภาถูกหยิบยกขึ้นมาและเป็นเหตุที่ทําให้ต้องแยกจาก

วันนี้อาจจะเห็นผลประโยชน์ไม่ตรงกัน เราอาจจะได้ไม่เต็มร้อย อยากจะให้วางเรื่องผลประโยชน์ของแต่ละพรรคเอาไว้ แล้วเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไปรวมทีมอเวนเจอร์กันก่อน เพื่อไปชนะธานอสให้ได้ชนะแล้วค่อยมาว่ากันเรื่องแบ่งสมบัติ

อยากให้คุยกันดีๆ ให้อดทน ไปไหนไปด้วยกัน ขึ้นเขาลงห้วยไปด้วยกัน วันนี้เราอาจจะเสียประโยชน์ของพรรคบ้าง แต่ว่าประเทศชาติและประชาชนต้องชนะก่อน

ด้าน ดร.โภคิน พลกุล อีกหนึ่งกุนซือพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะอดีตประธานรัฐสภา เปิดใจกับมติชนสุดสัปดาห์ ว่า ไม่อยากเห็นการชิงไหวชิงพริบ บนความคาดหวังของประชาชนว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะมาร่วมมือกันเพื่อขจัดความคิดและวัฒนธรรมอํานาจนิยม ด้วยการทําให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น อย่าทำให้ผู้คนผิดหวัง และเกิดโอกาสที่บ้านเมืองจะมีความวุ่นวายตามมา จึงอยากให้ทุกคนเสียสละ อยากให้ทุกคนมองว่าเรามาทําตรงนี้เพื่อประชาชน

โดยทั่วไปที่ผ่านมา ประเพณีปฏิบัติส่วนใหญ่พรรคที่มีเสียงมากที่สุดเขาก็มักจะเป็นประธานสภา พรรครองมาอาจจะเป็นรองประธานสภาก็แล้วแต่ว่าหากมันมีกรณีที่มีข้อยกเว้นบางเรื่องก็อาจจะแตกต่างไป แต่ใจผมก็อยากให้ทั้ง 2 พรรคร่วมมือกันทํางานให้ประชาชนเห็น อย่าไปยึดติดกับตําแหน่งตรงนี้ และเราก็ต้องรักษาเครดิต รักษาคําพูดว่าเราทุกคนมาร่วมมือกัน เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน จะมากจะน้อยแตกต่างกันไปไม่เป็นไร อย่าไปติดยึดกับตําแหน่ง อยากให้มองตัวนโยบายแพลตฟอร์มเป็นหลัก

ถ้ามาเริ่มต้นเรามานั่งแย่งกระทรวง แย่งตําแหน่งกัน ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นจริงไปทั้งหมด อาจจะเป็นเพราะว่า พอมันเป็นข่าว สื่อก็ลงวันละหลายรอบ แทบทุกสำนัก ทุกพื้นที่ จากน้ำหนักที่มันมีอยู่นิดเดียว อาจจะขยายวงไปเยอะแยะ ดีที่สุดก็อยากให้ผู้ใหญ่แต่ละฝ่ายพูดกันให้ชัดเจนถึงความมุ่งหมายว่าเราคือมาทําเพื่อรับใช้ประชาชน ทำในสิ่งที่เขาคาดหวังให้สําเร็จ วันนี้ต้องเป็นสุภาพบุรุษ รู้จักเสียสละ คนที่ทําแบบนี้ได้คนนั้นจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และในวันข้างหน้าเขาจะชนะถล่มทลาย

สำหรับอํานาจประธานสภา จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ประธานมีหน้าที่ดําเนินการประชุมให้เรียบร้อย จัดระเบียบวาระต่างๆ มีข้อบังคับเขียนกำหนดไว้ เขามีระบบของเขาอยู่ สํานักเลขาฯ ก็จะเสนอเรื่องมา มันมีระบบของมันอยู่หมด ประธานสภาจะไปสั่งซี้ซั้วไม่ได้ง่ายๆ นะครับ

ผมว่า เราควรว่าไปตามปกติแล้วร่วมกันทํางานเพื่อให้คนที่เขาคาดหวังว่าการขจัดอํานาจนิยม กับดักตามรัฐธรรมนูญ จะค่อยๆ ถูกขจัดไป คิดดูสิครับว่า 8-9 ปีที่ฝังราก ขจัดออกไปยากเย็นแค่ไหน กับดักพรึบไปหมด ผมว่านี่คือภารกิจหลักที่วันนี้ต้องไปทุ่มเททํากันก่อนดีกว่า ไม่งั้นมันก็ไปไม่ได้ด้วยกันทั้งหมด

 

สําหรับประเด็นเรื่อง “ความอาวุโส” ของประธานสภานั้น โภคินบอกว่า ถ้าจะถามผม ผมว่าความรู้ความเข้าใจและการมีความรู้สึกที่ดีต่อกันนั้นสําคัญ แม้แต่การจําชื่อสมาชิกนี่ก็สําคัญ ตอนผมเป็นประธานใหม่ๆ ก็จําชื่อไม่ค่อยได้ ต้องมากางดู แล้วก็พยายามจําชื่อผู้แทนฯ พอท่านไหนยกมือก็เอ่ยชื่อ ส.ส.ก็ได้ความรู้สึกว่า ประธานให้เกียรติเขานะ ทั้งหมดไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ทํางานให้เกียรติกัน ให้ความเป็นพี่เป็นน้องต่อกัน เท่านั้นเอง

การเป็นประธานต้องควบคุมการประชุม และทําหน้าที่ 2 เรื่องใหญ่ๆ คือเรื่องออกกฎหมายกับเรื่องตรวจสอบโดยคณะกรรมการต่างๆ ก็ต้องแม่นข้อบังคับ แม่นรัฐธรรมนูญ แม่นประเพณีปฏิบัติต่างๆ ปัญหามันก็จะน้อยลง ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่าต้องได้คนมีประสบการณ์ในสิ่งเหล่านี้มาก่อน ก็ต้องทํางานได้บนพื้นฐานของกฎหมาย บนพื้นฐานของกติกา ไม่ใช่เรื่องของอะไรอาวุโสกว่ากันแล้วต้องฟังกัน ไม่ใช่ประเด็นนั้น

ดังนั้น ผมคิดว่าเขาน่าจะพูดคุยแล้วก็มองผลประโยชน์ของประเทศ ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะตอนนี้ผู้คนคาดหวังมากอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แม้กติกาจะเป็นอันเดิมซึ่งมันมีกับดักเยอะ แต่คนก็คาดหวังว่าถ้าฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาน่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันทําสิ่งนี้ให้คนเห็น คนจะเชื่อมั่น และรัฐประหารจะทํายากขึ้น ทำให้คนเห็นแก่ตัวด้วยการมาฉีกรัฐธรรมนูญสืบทอดอํานาจทํายากขึ้นเรื่อยๆ

อยากให้เราช่วยร่วมมือกันเพื่อทำให้รัฐประหารมันเกิดไม่ได้ สืบทอดอํานาจทําไม่ได้ ต้องประชาธิปไตยเท่านั้น อะไรที่ผิดบ้าง ถูกบ้าง ไม่ดีบ้างก็แก้ไขกันไป

ชมคลิป