เจาะแผนยึดทำเนียบฯ มิชชั่น ‘ธรรมนัส’ ส่องโผทหารในมือ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘บิ๊กต่อ’ กลางการเมืองร้อน

เจาะแผนยึดทำเนียบฯ มิชชั่น ‘ธรรมนัส’ ส่องโผทหารในมือ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘บิ๊กต่อ’ กลางการเมืองร้อน ถอดรหัส ขยับ ‘พล.ม.2 รอ.’

 

แรงกระเพื่อมในกองทัพลดน้อยลง หลังส่อเค้าว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นรัฐบาลรักษาการไปอีกหลายเดือน และจะได้เป็นผู้จัดโผโยกย้ายนายทหารครั้งใหญ่ ที่ต้องแต่งตั้ง 4 ผบ.เหล่าทัพใหม่ ทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ ในเดือนกันยายนนี้ เพราะคงยังไม่มีรัฐบาลใหม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุแล้วว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร และตำรวจ ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ จะไม่สะดุด ชะงัก แม้ยังไม่มีรัฐบาลใหม่

เนื่องจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ และนายทหารชั้นนายพล ไม่ต้องเข้า ครม. จึงไม่ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาก่อนส่งเข้า ครม.แต่อย่างใด

แต่การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ก็ต้องผ่านคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลของกระทรวงกลาโหม หรือที่เรียกว่า บอร์ด 7 เสือกลาโหม ที่มี รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหม รักษาการร่วมด้วย

โดยส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพเสนอมา ฝ่ายการเมือง 2 คน คือ รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหม จะไม่แทรกแซง ถึงขั้นต้องโหวตกันใน 7 เสือฯ เพราะในทางปฏิบัติ ฝ่ายการเมือง กับ ผบ.เหล่าทัพ จะปรึกษาหารือกันก่อนแล้ว

โดยนายกรัฐมนตรีรักษาการ จะสามารถนำบัญชีรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และลงนามรับสนองฯ ได้

 

หลังมีแนวโน้มว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีสัญญาณไฟแดงชัดจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่ และศาลรัฐธรรมนูญอาจจะชี้ว่า นายพิธาขาดคุณสมบัติ จากกรณีการถือครองหุ้นไอทีวี ที่อาจจะตามมาด้วยความวุ่นวายจากผู้สนับสนุน

การจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดปัญหาจนยืดเยื้อ อาจจะถึงปลายปี เพราะแม้พรรคเพื่อไทยจะได้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนก็ตาม ก็อาจลงตัวได้ยาก เพราะการดึง พรรคร่วมรัฐบาลเดิมของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ประชาธิปัตย์ และโดยเฉพาะบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาล อาจถูกโจมตี

ที่น่าจับตาคือ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หากมีเงื่อนไขว่า ต้องไม่มี พล.อ.ประยุทธ์

เพราะหากพรรคเพื่อไทยตั้งเงื่อนไขว่า ต้องไม่มี 2 ลุง ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะยิ่งเป็นการผลักไสให้ พล.อ.ประวิตรกลับไปจับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลสูตรที่ 3 ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะเอาแต่ พล.อ.ประวิตร และ พปชร.เท่านั้น ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ และ รทสช.

ดังนั้น พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเดินคนละแผน คนละเกม และกลายเป็นคนละขั้ว เพราะอาจเกิดการแย่งชิง 250 ส.ว.กันเกิดขึ้น ระหว่าง 2 พี่น้อง ในการโหวตเลือกนายกฯ หากเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่อาจทำให้เกมพลิก เป็น พล.อ.ประวิตร ในที่สุดก็ได้

เพราะสายบ้านป่ารอยต่อฯ ก็ยังคงมีความหวังว่า สถานการณ์จะทำให้พรรคเพื่อไทยยอมให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ เพราะมีข่าวสะพัดในแวดวงว่าบ้านจันทร์สองหล้าไฟเขียวเพราะยังไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กต้องไปเสี่ยงกับสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้

หากพรรคเพื่อไทยยอมให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ และเป็นหลักประกันความปลอดภัยในการกลับประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นการหยุดแผนของฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้

แต่ในกรณีที่เล่นกันแรง ถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น จนไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในสูตรที่ 3 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ หาก พล.อ.ประวิตรยอมจับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ รวมเสียง 2 พรรคเข้าด้วยกัน ที่จะมากกว่าพรรคภูมิใจไทย

แต่ก็ต้องจับตามองนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังรอวัดใจ 2 ลุง ในการเจรจาต่อรองกับพรรคเพื่อไทย เพื่อหนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ คนกลาง เพราะทั้ง พปชร.-รทสช.-ภท. รวมกันก็ได้มากกว่า 140 เสียง ที่จะกลายเป็นสูตรพิเศษ

 

ที่ต้องจับตาคือ ในขณะที่พรรคก้าวไกลกำลังจัดตั้งรัฐบาล แม้จะรู้ว่าไม่ผ่านด่าน แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคลื่อนไหว ปลุกกระแสปกป้อง ม.112 ปกป้องสถาบัน และโจมตีสหรัฐอเมริกาแทรกแซงการเมืองไทย ผ่านทางมวลชนคนเสื้อเหลือง ที่อาจนำไปสู่ความวุ่นวาย

จนมีกระแสข่าวลือว่า อาจถึงขั้นมีการจลาจล เปิดทางให้ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และเป็นตัวกลางเจรจา จนนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่อาจมีนายกฯ คนนอก หรืออาจเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่รักษาการอยู่นั่นเอง แต่สูตรนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก

ที่สำคัญ และต้องจับตาคือ ความเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แม้จะเป็นมือขวาของ พล.อ.ประวิตร แห่ง พปชร. เพราะมีสายข่าวยืนยันว่า ได้กลับมาคืนดีกับ พล.อ.ประยุทธ์แล้วหลังเลือกตั้ง โดยมีการต่อสายคุยกันจนเป็นที่มาของ “มิชชั่นลับ”

ที่คาดว่า น่าจะเป็นปฏิบัติการล่างูเห่าเข้ากรงทอง เพื่อเตรียมไว้โหวตหนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกฯ ในสภา เพื่อที่จะไม่ต้องใช้เสียง ส.ว. ให้เป็นที่ครหา

แม้ ร.อ.ธรรมนัสจะเคยโดน พล.อ.ประยุทธ์ปลดฟ้าผ่า พ้นเก้าอี้ รมต. พร้อมยัดข้อหา คิดล้มนายกฯ มาก็ตาม แต่สถานการณ์เวลานี้ ที่ต้องสกัดพรรคก้าวไกล และปกป้องสถาบัน ในฐานะที่เป็นทหารเก่า สายเลือดเตรียมทหาร สายเลือด จปร. ทำให้ต้องยอมร่วมมือ

นั่นหมายถึงว่า สูตรนี้จะเกิดขึ้น หลังสูตรต่างๆ เดินหน้าไปไม่ได้แล้ว และในที่สุด พล.อ.ประวิตรต้องยอมร่วมมือด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ในการเจรจากับพันธมิตรทางการเมือง

เช่นนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมแพ้ประกาศวางมือทางการเมือง และทำให้คนรอบข้างและผู้สนับสนุนมีความหวังว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยนั่นเอง

 

ขณะที่กองทัพ ที่แม้ทหารส่วนใหญ่ที่เป็นระดับล่าง ตั้งแต่พลทหาร นายสิบ และทหารขั้นประทวน จะโหวตเลือกให้พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา จนมีการตั้งฉายาว่า ค่ายทหารสีส้ม ก็ตาม

แต่ในส่วนยอด ส่วนหัวของกองทัพ ส่วนใหญ่ยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป ด้วยเพราะเป็นการวางทายาทอำนาจต่อเนื่องมาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. จนมาเป็นนายกฯ อีก 9 ปี

ดังนั้น กองทัพจึงยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะโผโยกย้ายใหญ่กันยายนนี้ ก็คาดว่ายังมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหมรักษาการอยู่

ที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือ ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ที่จะมาแทนบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่จะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้ ที่มีแนวโน้มว่า บิ๊กต่อ พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ.คอแดง สายทหารเสือราชินี น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทบ.อยู่แล้ว จะได้เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ โดยมีสัญญาณสนับสนุนจากใน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย โดยจะเป็นแค่ปีเดียว เพราะมีอายุราชการถึง 30 กันยายน 2567

หากแผนของ พล.อ.ประยุทธ์สำเร็จ ได้เป็นรัฐบาล และเป็นนายกฯ อีกสมัย พล.อ.เจริญชัย ในฐานะ ผบ.ทบ. ก็คงต้องถูกจับตามอง เพราะคาดว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้มาเป็นนายกฯ อีกสมัย จะมีความวุ่นวายตามมา ทั้งจากม็อบส้ม และม็อบแดง

ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ คาดว่าจะเป็นบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง ที่ย้ายจาก ทบ.มาจ่อรอไว้แล้ว

โดยที่บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ. สายบูรพาพยัคฆ์คอแดง แคนดิเดตอีกคน คาดว่าจะเป็นรอง ผบ.ทบ. ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ พล.อ.เจริญชัย เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ผบ.ทบ. พร้อมรับสถานการณ์ จะไม่ได้ข้ามไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เพราะกฎของบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนแรก คือ ต้องเป็นคนใน บก.ทัพไทย แม้จะมาจาก ทบ. แต่ก็ต้องมาอยู่ บก.ทัพไทยก่อน ไม่ใช่ข้ามมา “เสียบยอด” เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า หากแคนดิเดต ผบ.ทบ.ที่พลาดเก้าอี้ จะข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด โดยเฉพาะ พล.อ.เจริญชัย ที่ครองอัตราจอมพล หากไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. จะถูกส่งข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

 

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นรัฐบาล ก็คาดกันว่า จะมีความวุ่นวายตามมา ที่จะทำให้กองทัพยังคงถูกจับตามองเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร

แม้ พล.อ.ณรงค์พันธ์เคยประกาศว่าการปฏิวัติเป็นศูนย์-ติดลบ และให้ลบออกจากพจนานุกรมของทั้งกองทัพและผู้สื่อข่าว แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้แล้ว

ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่จึงถูกจับตามองอย่างหนัก โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เป็นคีย์หากมีการกระทำอะไรบางอย่าง

ยิ่งเมื่อมองโครงสร้าง ทบ.ที่มีการปรับเปลี่ยน ให้กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ที่เคยเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่ขึ้นตรงกับ ผบ.ทบ. ให้มาขึ้นตรงกับแม่ทัพภาคที่ 1

ถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บ เพิ่มอำนาจคุมกำลังให้บิ๊กปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 คอแดง น้องรักบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.

ด้วยเป็นที่รู้กันดีว่า พล.ม.2 รอ. เคยได้ชื่อว่า เป็นกองพลทหารม้าปฏิวัติ ที่ใช้ในการรัฐประหารทุกครั้ง เพราะมีรถถัง โดยกำลังหลักอยู่ที่สนามเป้า และที่สระบุรี

นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ยังคุม พล.1 รอ. กองพลวงศ์เทวัญคอแดง กองพลปฏิวัติ และ พล.ร.2 รอ. กองพลบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่ขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 และ พล.ร.9 กองพลทหารคอเขียว กาญจนบุรี

โดยที่ พล.ท.พนา ถูกจับตามองว่าเข้าไลน์ที่จะขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ. ในโยกย้ายสิงหาคมนี้ จ่อเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.เจริญชัย ที่จะเกษียณกันยายน 2567

ทั้งนี้เพราะสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน แต่มีแนวโน้มของความวุ่นวาย และอาจถึงขั้นมีม็อบลงถนนและก่อการจลาจลขึ้น

ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่าสถานการณ์จะนำไปสู่การเปิดทางให้ทหารยึดอำนาจได้ โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์เกษียณ

จึงทำให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่คาดว่าจะเป็น พล.อ.เจริญชัย น้องรัก พล.อ. ประยุทธ์ จะถูกจับตามองยิ่งขึ้น