ฟ้า พูลวรลักษณ์ : น่าประหลาด! สิ่งที่มีค่าที่สุด กลับเป็นสิ่งธรรมดาที่สุด และสิ่งนั้นคือ…

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๙๗)

สมองมนุษย์ที่จริงคิดได้เพียงสี่มิติ เกินกว่านั้น สมองคิดไม่ไหว

ข้อความข้างต้น เป็นฉันคิดไปเองหรือเปล่า เพราะสมองของฉันไม่เข้มแข็งพอ ไม่เฉียบคมพอ หรือเพราะนี่เป็นความจริงพื้นฐานของมนุษย์

ฉันคิดถึงหมากรุก ซึ่งเป็นการเล่นบนสองแกน คือ x กับ y

เคยมีคนคิดเกมหมากรุกสามแกน คือเพิ่มแกน z เข้ามาด้วย หากคิดผิวเผิน มันคงสนุกขึ้น ตื่นเต้นขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น มันกลับทำให้เกมหมากรุกไร้สาระ มันยากเกินไป มากเกินไป เกินความพอดี เพราะหมากรุกสองแกนนั้นก็ยากเหลือจะประมาณได้ มีความเปลี่ยนแปลงจนเป็นอนันต์ เรียกว่าสมองมนุษย์ระดับสูงสุด หรือคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่สุดมาเล่น ก็ยังคิดได้ไม่หมด

เท่ากับว่า หมากรุกไปได้ไกลสุดเพียงสองมิติเท่านั้นเอง

ความมีขอบเขตน่าสนใจ ฉันคิดว่าในจักรวาลนี้ ฉันคิดได้แค่สี่มิติเท่านั้นเอง คือกว้าง ยาว ลึก และกาลเวลา เกินกว่านั้น ฉันคิดไม่ไหว

เกินกว่านั้นเป็นเพียงทฤษฎี เป็นเพียงนามธรรม

เพียงแค่ห้ามิติ ฉันก็จนมุม ยังไม่ต้องพูดถึงสิบมิติ สามสิบสองมิติ หากความเป็นจริงของจักรวาลนี้ ประกอบด้วยมิติมากมายดังกล่าว ก็แสดงว่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะไปเข้าใจมันได้ คงต้องรอสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่น ที่เจริญกว่าเรา มีวิวัฒนาการสูงกว่า

ฉันไปได้ไกลสุดเพียงเท่านี้

หลุมดำฉันคิดได้

แต่หลุมดำที่ขับเคลื่อนดั่งดาวหาง ฉันคิดไม่ได้

มนุษย์เปราะบางเหลือเกิน บอบบางเหลือเกิน ฉันตั้งคำถามว่า อารยธรรมมนุษย์เริ่มต้นจากอะไร คำตอบที่น่าเป็นไปได้ที่สุด คือ ภาษา

เพราะนาม คือก้าวแรกแห่งความเข้าใจ หากเราไม่มีคำพูดเรียกชื่อสิ่งต่างๆ รอบกาย เราจะไม่มีวันเข้าใจมันได้เลย

แม้บางคำจะไม่ได้ให้ความหมายชัดเจน ไม่ได้บอกเราอย่างสมบูรณ์ ยังเป็นสิ่งคลุมเครือ แต่อย่างน้อย มันก็เป็นการเริ่มต้นแห่งความเข้าใจ

เช่น มะเร็ง เมื่อเรามีนามเรียกมัน เราก็เริ่มเข้าใจ แม้วันนี้เรายังเข้าใจมันไม่หมด แต่เราก็เริ่มสามารถรักษามันได้บางส่วน รักษาได้บางกรณี แม้ยังไม่ทุกกรณี

ที่เห็นชัดเจนยิ่งกว่า คือคำว่า ไฟ หากเราไม่มีนามเรียกสิ่งนี้ว่าไฟ เราจะไม่มีวันเข้าใจมันเลย ทุกครั้งที่เจอมัน เราจะหวาดกลัว วิ่งหนี เพราะสิ่งนี้จะลี้ลับเกิน กลายเป็นผี เป็นเทพเจ้า

วันใดที่มนุษย์มีคำเรียกมันว่าไฟ มันก็หยุดนิ่ง กลายเป็นความธรรมดา เป็นสิ่งที่ให้คุณและให้โทษ กลายเป็นสิ่งที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ นี่คือการเริ่มต้นของอารยธรรมมนุษย์

เราควบคุมมันได้ ด้วยภาษาก่อน ด้วยการตั้งชื่อ

วันใดเครื่องจักรหยุดทำงาน วันที่เราไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำมัน ไม่มีประปา ไม่มีคอมพิวเตอร์ เราคงลำบากแน่ แต่ตราบใดที่เรายังมีภาษา เรายังไม่ตาย

เพราะภาษา เป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง

มันคือจุดเริ่มต้น

น่าประหลาด สิ่งที่มีค่าที่สุด กลับเป็นสิ่งธรรมดาที่สุด สิ่งพื้นฐานที่สิ่งมีชีวิตใช้เวลาสั่งสมมาช้านานเป็นล้านปี กว่าจะเกิดสิ่งที่สื่อสารกันได้ด้วยภาษา

เป็นล้านปี กว่าเราจะอ้าปากคุยกันได้

เป็นล้านปี กว่าเราจะสามารถขีดเขียนตัวหนังสือ

จิตมนุษย์นี้ ดีที่สุดคือความพอดี มากไปไม่ดี น้อยไปไม่ดี

ในวันที่เกิดวิกฤตการณ์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ

๑ คนที่ตื่นตระหนกตกใจเกินไป

๒ คนที่ไม่ยอมรับความจริง และไม่ยอมตกใจเลย

คนที่พอดี คือคนที่ไม่ตกใจจนเกินไป แต่ก็ต้องเตรียมตัว และเคลื่อนไหว

แต่ทว่า หากโลกจะแตก คนเกือบครึ่งโลกจะคลุ้มคลั่ง และคนอีกเกือบครึ่งโลกจะไม่ยอมรับความจริง พวกเขาจะยังออกไปช้อปปิ้ง ไปเสริมสวย เหมือนเดิม เพราะไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

คนพอดีจะมีน้อยกว่าน้อย เพราะเราไม่ได้ถูกฝึกมาให้เป็นคนพอดี

คําถามเรียบง่าย คือคำถามที่ต้องถามเสมอ นั่นคือ

๑ ใคร

๒ อะไร

๓ อย่างไร

๔ ทำไม

มันถามวนไปเวียนมา อย่าคิดว่าง่าย เพราะมันคือหัวใจ มันครอบคลุมทุกพื้นที่

เช่น ไวรัสคือใคร

มันไม่เพียงแค่เป็นอะไร เพราะมันมีชีวิต

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

มันทำไมถึงมีอยู่

มันเจาะทะลุทะลวงไปสู่ความเป็น being ของไวรัส

คนรอบกายของฉัน ฉันคิดถึง being ของพวกเขา

เช่น แฟนของฉัน ฉันต้องคิดถึง being ของเธอ จึงจะพอเข้าใจเธอได้ น้อยกว่านั้น ก็จะไม่เข้าใจ ไปไม่ถึงแก่นข้างใน ขนาดคนใกล้ชิดที่สุด หากใช้เพียงแค่เหตุผล ยังยากที่จะเข้าไปถึง being ของเธอ

มันจำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ เพราะนี้คือความเอาจริงเอาจังระดับสูงสุด แต่ก็เป็นความเรียบง่าย เหมือนอาหารที่เรียบง่าย

แค่ถามว่า ใคร อะไร อย่างไร ทำไม

ไปสู่ being ไกลสุดเท่าที่สมองของฉันจะไปถึง และแม้จะมีเพียงสี่มิติ แต่มันก็เป็นอนันต์ เป็นเกมหมากรุก ที่เซียนระดับไหนก็เล่นไม่ได้ดีกว่า