ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 มิถุนายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | The Gratitude Diary ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตนี้มีความหมาย |
ผู้เขียน | ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ |
เผยแพร่ |
1
Rehan Stanton เป็นนักศึกษาที่ Harvard Law School และกำลังจะเรียนจบ
วันหนึ่ง เขากำลังเดินไปเรียนหนังสือที่คณะ เขาเห็นภารโรงกำลังทำความสะอาดอยู่ จึงกล่าวทักทาย
“สวัสดีครับ คุณเป็นไงบ้าง” Rehan ทัก
“คุณทักฉันเหรอคะ?” ภารโรงคนนั้นหันมาด้วยความประหลาดใจ
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้เลยว่าคุณพูดกับฉัน” แล้วเธอก็เงียบไป
“ปกติแล้วเวลานักศึกษาเดินมาเห็นฉัน พวกเขาจะมองไปที่กำแพง มากกว่าจะพูดคุยกับฉันน่ะค่ะ”
Rehan รู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร
2
ก่อนที่จะมาเป็นนักศึกษากฎหมายในสถาบันอันทรงเกียรติ เขาก็เคยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดมาก่อน
และเป็นเพื่อนร่วมงานชาวพนักงานทำความสะอาดนั่นแหละที่สนับสนุนให้เขาเรียนต่อมหาวิทยาลัยให้ได้
ทุกครั้งที่เขาเห็นภารโรง คนที่ไม่มีใครเคยมองเห็น
เขาจึงมองเห็นตัวเขาเองด้วย
เพราะเขาก็เคยเป็นคนที่ไม่มีใครมองเห็นมาก่อนเหมือนกัน
3
ก่อนที่จะเข้า Harvard Law of School ได้ Rehan ทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะหาเงินเลี้ยงชีพและเรียนไปด้วยพร้อมกัน
เขาต้องเก็บขยะในตอนเช้าแล้วรีบมาเรียนให้ทัน
วันไหนที่ไปเก็บขยะแล้วกลับไปอาบน้ำไม่ทัน เขาจะไปนั่งอยู่แถวหลังสุดของห้องเรียน เพื่อหลบเร้นจากสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่มองมาที่เขาด้วยความรังเกียจ
ครอบครัวของ Rehan ก็เป็นพนักงานทำความสะอาดเหมือนกัน
เขาจึงเข้าใจดีว่างานประเภทนี้ต้องเผชิญความยากลำบากอะไรบ้าง ทั้งการทนอยู่กับความไม่สะอาดที่ไม่มีใครอยากอยู่ รายได้ที่ไม่เพียงพอ ฯลฯ
เขายังจำความหิวโหยได้ดีว่าเป็นอย่างไร
4
สำหรับ Rehan เขารู้สึกว่าพนักงานทำความสะอาด ภารโรง ช่างไฟ เจ้าหน้าที่ตำแหน่งเล็กๆ ทั้งหลายในมหาวิทยาลัย เป็นเหมือน “ครอบครัว” ของเขา
เขาจึงไม่รู้สึกแปลกที่จะทักทายหรือใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ครอบครัว” ตัวเอง
การมาเรียนสำหรับเขาจึงเหมือนการได้เจออีกครอบครัวหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะเรียนจบ เขาอยากทำบางอย่างเพื่อคนที่ไม่เคยมีใครมองเห็นเหล่านี้
คนที่เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนให้ชีวิตของผู้คนในมหาวิทยาลัยดำเนินต่อไปได้อย่างดี แต่กลับไม่มีใครเคยมองเห็น
Rehan อยากให้พวกเขารู้ว่า มีคนเห็นคุณค่าของเขา
“ปกติแล้วเวลานักศึกษาเดินมาเห็นฉัน พวกเขาจะมองไปที่กำแพง มากกว่าจะพูดคุยกับฉันน่ะค่ะ”
คำพูดของภารโรงคนนั้นยังฝังใจเขา
5
หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เขาได้ฟังคำพูดที่น่าเจ็บปวดของภารโรงคนนั้น Rehan ใช้เงินเก็บจากการทำงานช่วงฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยเพื่อซื้อของขวัญให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ของมหาวิทยาลัยทุกคน พร้อมกับเขียนโน้ตขอบคุณพวกเขาแต่ละคนด้วยลายมือ
ไม่เพียงเท่านั้น Rehan ยังตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรชื่อ “Reciprocity Effect”
เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงยกย่องให้เกียรติเจ้าหน้าที่ให้เป็นที่รู้จักและมีตัวตน
คนเหล่านี้คือ “ฮีโร่ผู้อยู่เบื้องหลังที่ไม่มีใครมองเห็น”
งานของพวกเขามีส่วนช่วยให้นักศึกษา Harvard มีชีวิตการศึกษาที่ดี ในขณะที่พวกเขาอาจไม่เคยเรียนจบที่ Harvard เลยด้วยซ้ำ
บริษัทแรกที่มาร่วมบริจาคให้กับ Reciprocity Effect คือ Bates Trucking & Trash Remover
เป็นบริษัทที่ Rehan เคยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด
และเป็นบริษัทที่อยากให้เขามาเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้
6
Rehan และนักศึกษากลุ่มเล็กๆ ช่วยกันระดมเงินบริจาคจนได้เงินมากกว่า 70,000 เหรียญ
วันที่เปิดตัว Reciprocity Effect พวกเขาจัดงานมอบรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัย
มีนักศึกษาร่วมกันแสดงความยินดีและแสดงความขอบคุณ
เจ้าหน้าที่หลายคนทำงานในมหาวิทยาลัยมานานแต่ไม่เคยสักครั้งที่จะได้รับการยอมรับเท่านี้
พวกเขาไม่ได้มาเพื่อเสิร์ฟอาหารหรือบริการใคร แต่มาเพื่อได้รับการยกย่องความทุ่มเทที่พวกเขามีมาตลอดหลายปี
จากเดิมที่ผู้คนเลือกจะมองดูกำแพงมากกว่าคนที่อยู่ตรงหน้า
ตอนนี้พวกเขามองเห็นคนตรงหน้า
และกำแพงได้ถูกทำลายลง
7
หลังจากเรียนจบ Rehan กำลังจะเริ่มต้นงานใหม่ที่สำนักงานกฎหมายที่ New York
เขายังคงตั้งใจที่จะนำสิ่งที่เขาทำที่ Harvard ขยายผลไปสู่สถาบันการศึกษาทั้งประเทศ
เขาอยากให้คนตัวเล็กๆ ได้รู้ว่าตัวเองมีคุณค่า
และอยากให้คนได้มองเห็นพวกเขาเต็มตาและเต็มหัวใจ
8
เมื่อมีคนอยู่ตรงหน้า
เราเลือกหันไปมองกำแพง
หรือมองเห็นคนที่อยู่ตรงนั้น
และเมื่อเรามองเห็นเขา
มองให้เห็นความเป็นมนุษย์เหมือนกัน
มองให้เห็นชีวิตของเราในชีวิตเขาเชื่อมโยงกัน
มองให้เห็นความเป็นเราที่เท่ากัน
มองให้เห็นคุณค่าของกันและกัน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022