ในประเทศ/เบื้องลึกทีมศึก ประยุทธ์ 5 “หวังสูง” ดึงมืออาชีพเสริมทัพ ปรับนโยบาย ศก. เข้าถึงจับต้องได้

ในประเทศ

เบื้องลึกทีมศึก ประยุทธ์ 5 “หวังสูง”

ดึงมืออาชีพเสริมทัพ ปรับนโยบาย ศก. เข้าถึงจับต้องได้

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 5 มีการลดบทบาทของทหารให้น้อยลง เป็นไปตามเจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ในความตั้งใจของบิ๊กตู่ คือต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม โดยหวังสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ให้ประชาชนพึงพอใจ

ดังนั้น เมื่อคิดจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งใน ครม. พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องมองหาผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์หรือมืออาชีพเข้ามาเสริมทีม

เริ่มจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เปลี่ยนยกเซ็ตโดยให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ไปเป็นรองนายกฯ แล้วให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) อย่าง น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ไปเป็น รมช.พาณิชย์ ส่วนทีมใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่างงานเกษตรชุมชนและเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีใหม่อย่าง นายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่รู้วิธีในการดำเนินนโยบายให้เข้าถึงประชาชนได้เป็นอย่างดี ในแง่การเมืองนั้น นายกฤษฎาทำงานเข้ากับรัฐบาล คสช. ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ รมช.ใหม่ป้ายแดง “นายลักษณ์ วจนานวัช” ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องของความเป็นมืออาชีพ เพราะเขาเป็นอดีตผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ยาวนานถึง 7 ปี

นิตยสารดอกเบี้ย และหนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ ประกาศให้เขาได้รับรางวัลเกียรติยศ นักการธนาคารแห่งปี พ.ศ.2556

ส่วน ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ย้ายจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดำรงตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ผ่านมาบิ๊กตู่ค่อนข้างพอใจในผลงานของ ดร.สุวิทย์ เขาผู้นี้เป็นคนที่จุดประกายและโครงสร้างการเตรียมคนไทยเข้าสู่ประเทศ 4.0 ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.สุวิทย์ รับผิดชอบงานหลายด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ป.ย.ป. ที่เดินหน้าทั้งเรื่องปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง

การนี้บิ๊กตู่ต้องการให้ ดร.สุวิทย์มาขับเคลื่อนสตาร์ตอัพโดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาด้านงานวิจัยและนวัตกรรม เพราะงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ผู้นำรัฐบาลพูดอยู่เสมอ โดยหวังให้คนไทยหันมาสนใจ เพราะจะเป็นสิ่งที่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในการแข่งขัน

ขณะที่รัฐมนตรีหน้าใหม่ แต่คลุกคลีอยู่กับรัฐบาลนี้มาโดยตลอดอย่าง ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ขยับจากผู้ช่วยรัฐมนตรี มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะเมื่อ ดร.สุวิทย์ ซึ่งรับหน้าที่ฝ่ายเลขาฯ ของ ป.ย.ป. และฝ่ายประสานงานของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ได้ย้ายไปอยู่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เหตุนี้เอง ดร.กอบศักดิ์ จึงต้องเข้ามาทำหน้าที่แทน

ในการทำงาน ดร.กอบศักดิ์ เป็นคนละเอียดรอบคอบ ทั้งยังรอบรู้งานด้านเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกับ “ดร.กบ” อำพน กิตติอำพน ในฐานะผู้อำนวยการพีเอ็มดียู ของ ป.ย.ป. และทำงานกับคณะกรรมการปฏิรูปได้อย่างไม่มีปัญหา

ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ไม่มีการปรับเปลี่ยนตัว รมว. อย่างที่คาดการณ์ล่วงหน้าไว้ เพราะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังไว้ใจรัฐมนตรี อาคม เติมพิทยาไพสิฐ จึงขอว่าอย่าได้ปรับเลย

แต่กระนั้นก็มีการเสริมมืออาชีพอย่าง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เข้ามาเป็น รมช.คมนาคม

โดยหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนกระทั่งจัดตั้งรัฐบาลทหาร นายไพรินทร์ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา และกรรมการในคณะกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ สำนักขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้เพราะนายสมคิดเชื่อมั่นว่านายไพรินทร์จะทำงานได้ดีกว่า นายพิชิต อัคราทิตย์ ที่หลุดจากตำแหน่งไป

การนำมืออาชีพเข้ามาเสริมทัพครั้งนี้เห็นได้ชัดจากกระทรวงพลังงาน ที่ได้รัฐมนตรีใหม่คือ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ซึ่งเข้ามาแทน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ถูกโยกไปอยู่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายศิริมีความเชี่ยวชาญด้านปิโตรเคมี คนในวงการให้การยอมรับเขาคนนี้ เพราะไฮไลต์ในการรับตำแหน่งครั้งนี้คือเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21

สำหรับการปรับเปลี่ยนหัวเรือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะก่อนหน้านี้รัฐมนตรีอย่าง นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ดีนัก แต่กลับไปมุ่งเน้นที่การประชาสัมพันธ์แม้จะเป็นการสร้างความตื่นตัวในการท่องเที่ยว แต่ไม่ใช่วิธีการบริหารงานที่ยั่งยืน

ขณะเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่กำกับดูแลในระดับรองนายกฯ คือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ก็ไม่มีการประสานงานกับกระทรวงเศรษฐกิจที่รับผิดชอบโดยนายสมคิด ทำให้เป้าหมายที่นายสมคิดตั้งไว้ว่าจะใช้งบประมาณท่องเที่ยวลงไปสู่ชุมชนให้มากที่สุด ไม่เกิดขึ้นเสียที เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในรัฐบาลนี้แยกออกอย่างชัดเจนกับกระทรวงเศรษฐกิจ

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จึงได้รับความไว้วางใจมารับตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวฯ คนใหม่แทน ถึงแม้จะเป็นนักวิชาการ และเป็นนักการเมือง แถมยังมีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ เลขานุการประธานรัฐสภา เลขานุการประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ เลขานุการประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายวุฒิสภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย

ที่สำคัญยังเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีผลงานโดดเด่นคือเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศโต 30% และผลงานอื่นๆ อีกมากมาย นายกฯ จึงตัดสินใจทาบทามด้วยตัวเอง

ที่ผ่านมา นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าอีอีซีได้อย่างน่าพอใจ แต่นายอุตตม ก็เป็นนักวิชาการมากเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาในการผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม ดังนั้น จึงต้องดึงผู้ที่มีพลังในการผลักดันเข้ามาช่วยเสริม

โดยไปลงเอยที่ นายสมชาย หาญหิรัญ ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รู้จักคนนอกคนไหนในแวดวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ย่อมมีอิทธิพลในการผลักดันเรื่องต่างๆ ได้รวดเร็วทันใจ เพราะปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นกับนายอุตตม คือการดิวงานกับข้าราชการ ที่ว่ากันว่า “ไม่บู๊”

ปรับ ครม. ครั้งนี้ เพื่อนอีกคนของนายสมคิด คือ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลื่อนขั้นจาก รมช.พาณิชย์ มาเป็น รมว.พาณิชย์ เพราะอดีตรัฐมนตรีหญิง นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ไม่เฉียบขาดในการทำงาน กล้าๆ กลัวๆ กั๊กๆ ไม่เข้าตา การให้นายสนธิรัตน์ขึ้นมาครั้งนี้ ในแง่ของการเมืองมองได้ว่าต้องการเร่งผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่เข้าถึงชุมชนให้มากที่สุด โดยหลังจากนี้งานของกระทรวงพาณิชย์จะไม่ใช่แค่ดำเนินนโยบายเพื่ออนาคตระยะยาว แต่จะเฉพาะเจาะจงไปที่ประชาชน ให้คนไทยจับต้องได้

เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อนายสนธิรัตน์มาจับงานผนวกร้านธงฟ้าประชารัฐ ให้เข้ากับบัตรคนจน ก็สามารถสร้างความตื่นตัวแก่ประชาชนได้มากทีเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นร้านธงฟ้าประชารัฐ เงียบอย่างกับไม่มีตัวตน

ครม.ประยุทธ์ 5 เป็นการจัดทัพปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับงานด้านเศรษฐกิจ ให้เข้าถึง โดนใจประชาชน โดยเสริมสร้างโครงการและนโยบายที่จะสามารถจับต้องได้

ต้องดูกันไปอีกว่า เมื่อจัดกระบวนทัพใหม่แล้วเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นได้ขนาดไหน!!!