E-DUANG : ชัยชนะ ของก้าวไกล เพื่อไทย บนฐาน ความหงุดหงิด ของ”ลุง”

ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ต่อการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม

ล้วนประสบชะตากรรมในทางการเมืองซึ่งละม้ายเหมือนกันอย่างมิได้คิดคาดและมาดหมายมาก่อน การพ่ายแพ้ต่อกว่า 10 ล้านของพรรคเพื่อไทย อาจ”รับ”ได้

เนื่องจากพรรคเพื่อไทยดำรงอยู่ในสถานะผู้พิชิตตั้งแต่การเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544 และที่รุนแรงลึกซึ้งยิ่งในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2548

จึงรับรู้และปรับตัวได้เพราะมีความต่อเนื่องมายังการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 การเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 แม้กระทั่งการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562

จากยุคพรรคไทยรักไทย มาสู่พรรคพลังประชาชน มาสู่พรรค เพื่อไทย แต่ ณ เบื้องหน้าความพ่ายแพ้ต่อกว่า 14 ล้านคะแนนเสียง

อันมาจากพรรคก้าวไกลยังเป็นรสชาติอย่างใหม่และยากเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถโอบรับได้อย่างง่ายดาย

จึงหงุดหงิดยิ่งเมื่อเห็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชัดเจน

 

ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจึงเป็นประสบการณ์อีกประสบการณ์หนึ่งซึ่งหลายพรรคการเมือง และหลายนักการเมืองผู้เปี่ยมด้วยความจัดเจนจำต้องปรับความรู้สึก

ยิ่งมองเห็นหน้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยิ่งมองเห็นหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยิ่งบังเกิดความร้าวราน

ทั้งนี้แทบไม่ต้องกล่าวถึงใบหน้า นส.พรรณิการ์ วานิช ท่วงทำนองของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงดำรงอยู่อย่างบาดตาเป็นอย่างสูง ภาพของมวลชนที่แวดล้อมไม่ว่าจะเมื่ออยู่บนรถแห่ที่ลานคนเมือง ไม่ว่าจะเมื่ออยู่ที่ตลาดนกฮูก

แทนที่จะมองเห็นความสดใหม่ แทนที่จะมองด้วยความชื่นชมต่อการวางตัวอย่างเหมาะสมในท่ามกลางการแวดล้อมอย่างอบอุ่นของมวลชนเรือนพันเรือนหมื่น

ตรงกันข้าม กลับทำให้กระบอกตาร้อนผ่าวด้วยความริษยา

 

อย่าได้แปลกใจหากจะปรากฏน้ำเสียงสบประมาทกลายเป็นมีมใหม่ในทางการเมือง แม้จะมีกว่า 14 ล้านเสียง แม้เมื่อรวมเข้ากับกว่า 10 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย

จะปรากฏตัวเลขกว่า 24 ล้านในจำนวนกว่า 30 ล้าน ความไม่สามารถยอมรับได้ต่อจำนวนกว่า 24 ล้านเสียง ความไม่สามารถยอมรับได้ต่อชัยชนะที่อยู่ในมือพรรคก้าวไกลประสานเข้ากับที่อยู่ในมือพรรคเพื่อไทยคือความเจ็บปวด

เมื่อเจ็บปวดก็ย่อมจะต้องออกมา”ขวาง”อย่างเต็มเรี่ยวแรง