‘ประจักษ์ ก้องกีรติ’ ชี้ประชาชน ‘ส่งเสียง’ ดังมาก-ชัดมาก ส.ว.มาขวาง ‘อันตราย’

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม เมื่อผลการเลือกตั้งทั่วไปปรากฏออกมาว่าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง เฉือนเอาชนะพรรคเพื่อไทยที่ตามมาเป็นอันดับสองอย่างหวุดหวิด ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี ก็ติดต่อขอสัมภาษณ์ “รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทันที

นี่คือ “ปัจจุบัน” และ “อนาคต” ของสังคมการเมืองไทย ในทรรศนะของนักวิชาการผู้นี้

: วันนี้ ฝั่งประชาธิปไตย “แลนด์สไลด์” ร่วมกันแล้วใช่ไหม?

ใช่ๆ ชัดเจน เพียงแต่ว่าไอ้ที่ทุกคนวิเคราะห์ผิด คาดการณ์ผิด คือ (จำนวน) ที่นั่งของเพื่อไทยกับก้าวไกล แต่คะแนนรวม ที่นั่งรวม มันชัดเจนว่าเป็น “แลนด์สไลด์” ของฝ่ายค้านร่วมกัน

: ผลเลือกตั้งที่เกิดขึ้น อาจารย์เซอร์ไพรส์ไหมกับคะแนนของก้าวไกล?

เซอร์ไพรส์มาก แต่ในแง่หนึ่งต้องให้เครดิตมติชน คือกลายเป็นว่าโพลมติชน-เดลินิวส์ แม่นสุด เพราะว่าเป็นโพลเดียวที่ออกมาแล้วมันใกล้เคียงว่าเพื่อไทย-ก้าวไกลนี่สูสี กระทั่งก้าวไกลนำเพื่อไทยในปาร์ตี้ลิสต์ อันนี้มันมีในโพลของมติชน-เดลินิวส์ (หมายเหตุ – โพล “มติชน x เดลินิวส์” รอบสอง ยังชี้ด้วยว่าก้าวไกลมีคะแนนนำเพื่อไทยในส่วน ส.ส.เขต) ก็ไม่น่าเชื่อ

: ถ้าคะแนนที่ออกมาแบบนี้ เราพูดได้หรือยังว่าพรรคฝ่ายค้านปิดสวิตช์ฝั่งรัฐบาลปัจจุบันไปแล้ว?

ในแง่นี้ (พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยได้ ส.ส.รวมกันเกิน 290 เสียง) ก็ตรงกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะได้ถึง 300 เฉียดๆ 300 แล้วยิ่งดูคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ สองพรรคนี้รวมกันก็กวาดปาร์ตี้ลิสต์เกือบหมด ฝั่งขั้วรัฐบาลปัจจุบันพ่ายแพ้อย่างชัดเจน จะเรียกว่ายับเยินเลยก็ได้ ทั้งในแง่ปาร์ตี้ลิสต์และในแง่ ส.ส.เขต อันนี้คือมติมหาชนมันชัดเจน

ต่อให้ได้ไม่ถึง 376 ที่จะปิดสวิตช์ไปเลยอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าเสียงขนาดนี้ มติมหาชนมันดังมาก การเลือกตั้งมันคือการส่งเสียงของประชาชน ครั้งนี้ ประชาชนส่งเสียงที่ดังมากและชัดมาก ถ้า ส.ว.มาขวาง ผมว่าอันตราย

เพราะว่า ส.ว.ต้องเห็น ถ้า ส.ว.เห็นผลการเลือกตั้งวันนี้ ส.ว.เป็นแค่คน 250 คน แล้วคุณเห็นคนเป็นกี่สิบล้านคนโหวตอย่างนี้ แล้วถ้า ส.ว.มาขวาง ส.ว.นั่นแหละจะกลายเป็นแพะรับบาป แทนที่จะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) ยอมรับผลการเลือกตั้งและพ่ายแพ้ แล้วก็เกษียณอายุทางการเมืองไป

ถ้า ส.ว.มาอุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นว่า ส.ว.มาสร้างวิกฤตในบ้านเมือง เพราะมันชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ที่มาจากเสียงข้างน้อย ที่ได้คะแนนน้อยมาก และมันไม่มีเสียงของประชาชนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเลยในครั้งนี้

: นอกเหนือจาก ส.ว. คะแนนเลือกตั้งที่ออกมาแบบนี้ถือเป็นเสียงเตือนไปยังผู้มีอำนาจกลุ่มอื่นๆ ที่มีความคิดพิสดารจะใช้ช่องทางต่างๆ ในการขัดขวางพรรคที่ชนะการเลือกตั้งด้วยใช่หรือไม่?

ถูก ผมว่าอย่าไปคิดเลย รัฐประหารหรือยุบพรรคหรือตัดสิทธิ์ เพราะผลการเลือกตั้งวันนี้มันพิสูจน์ว่าวิธีการเหล่านั้นมันไม่ได้ผลเลย ถ้ามันได้ผล คุณไม่แพ้เละเทะขนาดนี้

คุณยุบมากี่พรรคแล้วล่ะ? ไทยรักไทย พลังประชาชน ไทยรักษาชาติก็ยุบ อนาคตใหม่ก็ยุบ ปรากฏว่าเขาโตกว่าเดิม ถูกไหม? เผลอๆ (ผลคะแนนที่ออกมา) มันเป็นปฏิกิริยาความไม่พอใจด้วยซ้ำ ต่อการที่ถูกอำนาจรังแก ประชาชนก็เลือกมาถล่มทลาย

คุณรัฐประหารก็ครองอำนาจได้ไม่กี่ปี คุณกลับมาสู่เกมเลือกตั้ง คุณก็แพ้ มันพิสูจน์ไงว่าวิธีเหล่านั้น ถ้าจะเอากลับมาใช้อีก มันจะไม่ได้ผลแล้ว เผลอๆ จะยิ่งทำให้ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลเขาโตยิ่งกว่าเดิม คนจะยิ่งปฏิเสธ (การใช้อำนาจนอกระบบ)

การเลือกตั้งครั้งนี้มันเปรียบคล้ายๆ กับเป็นประชามติกลายๆ ต่อ “ระบอบประยุทธ์” ว่าคนไม่เอา ไม่เอาการเมืองแบบ 8 ปีที่ผ่านมา คนไม่พอใจผลงานการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ 8 ปีที่ผ่านมา

: การที่ก้าวไกลกับเพื่อไทยมีคะแนนใกล้เคียงกันแบบนี้ ถ้าจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันมันจะมีปัญหาไหม?

ก็ไม่ง่าย แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าคะแนนมาอย่างนี้ ก้าวไกลจะไปจับกับใคร? ถ้าไม่ใช่เพื่อไทย แล้วเพื่อไทยจะไปจับกับใคร? มันเหมือนเป็นไฟต์บังคับแล้ว ที่สองพรรคนี้มันต้องจับกัน

แต่แน่นอน การเจรจาต่อรองคงเข้มข้น เพราะว่าเราไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในการเมืองไทย อันนี้คือภูมิทัศน์การเมืองใหม่อย่างแท้จริง มันจะกลายเป็นว่าการจัดตั้งรัฐบาล พรรคที่หนึ่งกับพรรคที่สองมาตั้งร่วมกัน ปกติ มันพรรคที่หนึ่งไปจับกับพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ พรรคที่สองก็เป็นฝ่ายค้านไป อย่างสมัย “ไทยรักไทย vs ประชาธิปัตย์”

ตอนนี้ มันกลายเป็นว่าพรรคอันดับหนึ่ง-อันดับสองมาจับร่วมกัน แล้วที่สำคัญ ที่มันแปลกพิสดารไปกว่านั้นอีกก็คือ พรรคอันดับหนึ่ง-อันดับสอง ที่นั่งจะเกือบเท่าๆ กัน ไม่ห่างกันมาก มันจะแบ่งเก้าอี้ ครม.กันยังไง? มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เพื่อไทยจะกำหนดได้ทั้งหมดเหมือนเดิม หรือก้าวไกลก็จะกำหนดทั้งหมดไม่ได้เช่นกัน มันจะต้องแบ่งกันแบบว่าพอดีๆ

: ถ้าก้าวไกล-เพื่อไทยจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล บวกพรรคอื่นๆ ที่เขาพอจะคุยกันรู้เรื่อง สิ่งที่ปรากฏขึ้นในการเมืองไทยหลังจากนี้ มันจะเป็นฉากทัศน์ใหม่ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นใช่ไหม? และนอกเหนือจากที่ทั้งสองพรรคต้องมาจับมือร่วมกัน จะมีอะไรอื่นอีกไหมที่อาจเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งครั้งนี้?

ผมว่านี่เป็น “การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์” ก็คือว่าฉีกทุกตำรา หักทุกปากกาเซียน คือมันฉีกทุกตำราจริงๆ ตำราทางการเมือง การวิเคราะห์ทางรัฐศาสตร์ ต้องยกทิ้งไปหมดเลย ตัวผมเองด้วยนะ เราก็วิเคราะห์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ต้องยอมรับเลย

แสดงว่ามันมีอะไรบางอย่างที่นักวิเคราะห์ทุกคนพลาดไป สื่อเองก็พลาดไป กูรูทั้งหมดก็พลาดไป โพลก็พลาดไป ใครจะไปคิดว่ามันออกมาเป็นอย่างนี้ คือทฤษฎีว่าก้าวไกลเป็นพรรคของคนเมือง กับพรรคของเจนแซดเท่านั้น ใช้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้น เขาไม่ชนะมาเยอะขนาดนี้

ที่เขาชนะมาเยอะขนาดนี้ แสดงว่าเขาไปได้เสียงคนเจนอื่นๆ มาด้วย เจนวาย เจนเอ็กซ์ กระทั่งคนแก่ เราเห็นเลย ตอนนี้มันเริ่มมีข้อมูลมามากขึ้นแล้ว คนแก่หันมาเลือกก้าวไกลมากขึ้น ผมไปลงพื้นที่มาที่อุบลฯ ก็มีคนให้ข้อมูลผมอย่างนี้ แต่ผมเองน่ะไม่เชื่อ เรายังไม่เชื่อ เฮ้ย! ก้าวไกลจะไปได้เสียงจากคนแก่มาได้ยังไง แต่ว่าพอผลการเลือกตั้งอย่างนี้ แสดงว่าเขาได้จริง

และแสดงว่าก้าวไกลทะลุทะลวงไปออกนอกเขตเมืองของตัวเองแล้ว ที่เป็นเขตที่ตัวเองเก่ง เพราะครั้งนี้ ถ้าไปดูหลายจังหวัด ก็คือเขตรอบนอกก็ได้ใช่ไหม มันไม่ใช่แค่เขต 1 เขตเมือง เขตมหาวิทยาลัยเท่านั้นแล้ว มันเปลี่ยน ทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยใช้ไม่ได้แล้ว เมืองกับชนบท ทฤษฎีบอกมีสงครามระหว่างรุ่นก็ใช้ไม่ได้เสียทีเดียว

เพราะตอนนี้ ก้าวไกลเขาครองเสียงคนหลายรุ่นแล้ว กลายเป็นพรรคใหญ่ คือการเมืองไทยเปลี่ยนอย่าง 360 องศาเลยหลังจากนี้ สะท้อนว่าสังคมไทยมันเปลี่ยน ถ้าสังคมไทยไม่เปลี่ยนขนาดนี้ ก้าวไกลไม่ชนะขนาดนี้