เผยแพร่ |
---|
นับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นับแต่หลังรัฐประ หารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มีหลายปรากฏการณ์อันก่อคำถามอันแหลมคมในทางความคิด
อย่างเช่นการปรากฏขึ้นของ”เยาวชนปลดแอก” อย่างเช่นการปรากฏขึ้นของ”แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”เป็นคำถามถึงรูปแบบการเคลื่อนไหว และข้อเสนอการเมือง
เนื่องจากเป็นภาพอันแตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวในกาล อดีตที่แม้จะเริ่มจากจุดเล็กๆ แต่ภายในจุดเล็กนั้นก็สะท้อนลักษณะการจัดตั้งอย่างค่อนข้างรัดกุม
แต่การเคลื่อนไหวของ”เยาวชนปลดแอก”อ่อนหัดอย่างยิ่ง ข้อเสนอก็ดำเนินไปอย่างชนิด”เลยธง” ยิ่งที่มาจาก”แนวร่วมธรรม ศาสตร์และการชุมนุม”ยิ่งทะลุเพดาน
บรรดาเกจิทางการเมืองเห็นว่าไม่น่าจะ”จุดติด” ไม่น่าจะได้รับการสนับสนุนในทางสังคม คำประกาศการชุมนุมต่อเนื่องจากเดือนกรกฎาคมน่าจะแป๊ก ไปไม่รอด
แต่แล้วเมื่อ”เยาวชนปลดแอก”ผนึกกับ”แนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุม”ในเดือนสิงหาคม 2563 กลับอึกทึกครึกโครม
อีกทึกครึกโครมจนกลายเป็น”ปรากฏการณ์”ความต่อเนื่อง
แม้มีความพยายามจาก”เยาวชนปลดแอก”และ”แนวร่วมธรรม ศาสตร์และการชุมนุม”ในลักษณะแห่งการจัดตั้งกระทั่งสามารถยกระดับขึ้นเป็น”คณะราษฎร 2563”ขึ้นได้ในเดือนตุลาคม
แต่สายตาของ”นักจัดเจน”ไม่ว่าเมื่อเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ก็มองด้วยความเป็นห่วง
ยิ่งเมื่อประสบกับการโต้กลับอย่างรุนแรงนับแต่ปลายปี 2564 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน หลายฝ่ายก็มองเห็นว่าเป็นความผิด พลาดและล้มเหลวในทางความคิด ในทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรับในแบบ”น้องแบม น้องตะวัน” ไม่ว่าจะ เป็นการตั้งรับในแบบของ”น้องหยก” จึงมองไม่เห็นอนาคต มองไม่เห็นทิศทางในการขับเคลื่อน
เป็นการมองอย่างหดหู่ สิ้นหวัง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงสิ่งที่เสนอเมื่อปี 2563 ได้กลายเป็นวาระและประเด็นในทางสังคม
ถามว่าผลการเลือกตั้งอันดำเนินไปอย่างรวมศูนย์ผ่านคะแนนรวม 14 กว่าล้านของพรรคก้าวไกล ผ่านคะแนนรวม 10 กว่าล้านของ พรรคเพื่อไทยสะท้อนอะไร
ในเมื่อการโจมตีต่อพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย รุนแรงยิ่งเป็นการโจมตีจากพรรครวมไทยสร้างชาติถึงขั้นให้ไล่คนในประเภทที่เรียกว่า”ชังชาติ”ออกนอกประเทศ
ทั้งๆที่กว่า 14 ล้านเสียง กว่า 10 ล้านเสียง คือคำตอบ