เกมรุกของ ‘คอแดง’ เกมต้านของ ‘คอเขียว’ หมาก ‘บิ๊กบี้ : บิ๊กแดง’

เกมรุกของ ‘คอแดง’ เกมต้านของ ‘คอเขียว’ หมาก ‘บิ๊กบี้ : บิ๊กแดง’ มอง ‘นย.-อย.-รบพิเศษ’ บนกระดานอำนาจ ทบ.

 

ในยามที่พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมอ่อนแอลง ขณะที่พรรคฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เข้มแข็งขึ้น ตามกระแสพลวัตของโลก

ผู้นำกองทัพจึงต้องเตรียมสร้างเกราะกำบัง ไม่ให้การเมืองแทรกแซงอำนาจกองทัพได้

ยิ่งมีความพยายามที่จะปฏิรูปกองทัพ กองทัพก็ยิ่งต้องผนึกกำลังสู้

ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังการเลือกตั้ง มีกลไกหนึ่งที่ถูกวางป้องกันไว้ล่วงหน้าคือ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904)

ตั้งแต่ยุคบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. ในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเป็น ผบ.ทบ.ที่ควบตำแหน่ง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรกเอง

จากที่วางไว้ว่าจะเป็นแค่หน่วยเฉพาะกิจ หรือ ฉก. จนมาถึงตอนนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุบ ฉก.ทม.รอ.904 นี้ เพราะตราบใดที่มีการรุกคืบของฝ่ายการเมือง ทหารคอแดงใน ทบ.ก็ยังคงต้องมีอยู่

เพราะการเป็นทหารคอแดง และ ฉก.ทม.รอ.904 จะอยู่นอกเหนืออำนาจฝ่ายการเมือง ในการจัดวางตัวนายทหารที่จะนั่งตำแหน่งสำคัญในกองทัพ

จนทำให้ ทบ.ถูกมองว่า อยู่ในสภาพ “กองทัพซ้อนกองทัพ” ทบ. มี ฉก.ทม.รอ.904 ทับซ้อนอยู่ และมีทหารคอแดงแทรกซึมอยู่ในกองทัพ ที่ส่วนใหญ่เป็นทหารคอเขียว

 

ปรากฏการณ์ใน ทบ.ฉากหนึ่ง ที่กำลังถูกมองว่า เป็นการรุกคืบของฝ่ายการเมือง ที่จะเข้ามาแชร์อำนาจ และแทรกแซง

โดยย้อนไปที่บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 สั่งย้าย 3 พันเอกกรมสไตรเกอร์ พล.ร.11 เข้ากรุ เพราะไปร่วมโต๊ะอาหารกับนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ จนมีการตีความว่า เป็นใน จ.ฉะเชิงเทรา เพราะเป็นพื้นที่ตั้งของ พล.ร.11 นั้น

แต่จากผลการสอบสวนของ ทบ. ระบุว่า 3 พันเอกที่ถูกกล่าวหาว่าไปร่วมโต๊ะกับนักการเมืองท้องถิ่น ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่ตั้งของกรมสไตรเกอร์ ที่แต่เดิมนักการเมืองท้องถิ่นคนนี้เป็นฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ย้ายไปอยู่พรรคฝ่ายค้าน

ด้วยเพราะพื้นที่ชลบุรีแข่งกันเข้มข้น ทั้งบ้านเล็ก บ้านใหญ่ บ้านใหม่ ย่อมมีการสอดส่องกันเอง จนข่าวไปเข้าหูนักการเมืองใหญ่สายบิ๊กตู่ ความจึงรู้ถึงตึกไทยคู่ฟ้า และสายตรงถึง พล.อ.ณรงค์พันธ์

ทั้งๆ ที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่มกราคม 2566 ก่อนความชัดเจนในเรื่องการย้ายพรรค

อีกทั้ง 3 พันเอกกับนักการเมืองท้องถิ่นนั้น รู้จักมักคุ้นกันมานาน เพราะทำงานประสานกันในการดูแลประชาชน ที่ชักชวนกันมากินข้าว เพื่อแสดงความยินดีที่ฝ่ายทหารได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งในเวลานั้น ยังไม่ย้ายพรรค

อีกทั้งเป็นเรื่องปกติที่ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่จะต้องมีความสัมพันธ์อันดี รู้จักมักคุ้นกับผู้บังคับหน่วยของส่วนราชการอื่นและเอกชน รวมถึงนักการเมือง เพื่อการประสานงานในการช่วยเหลือประชาชนและทำกิจกรรมต่างๆ ของจังหวัดหรืออำเภอ

แต่ในที่สุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็เซ็นคำสั่งย้ายเข้ากรุ ที่ถูกมองว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรง เพราะจากตำแหน่งหลัก รอง ผบ.พล.11 และผู้การกรม ร.111 และ ผบ.ร.112 แม้ว่าจะเป็นเด็กสร้างของบิ๊กบี้เองก็ตาม

เพราะการลงโทษทำได้หลายระดับ เช่น ย้ายไปตำแหน่งที่สำคัญๆ รองๆ ลงไป หรือย้ายระนาบ แต่เพราะกรณีนี้ ส่งตรงมาจากทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณรงค์พันธ์จึงสั่งเด้งเข้ากรุ แบบเสียประวัติกันเลยทีเดียว

แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะยังมีเรื่องคาใจกัน จนทำให้เกิดปัญหาภายใน พล.ร.11 เพราะการที่ภาพและเรื่องร่วมโต๊ะนักการเมือง เข้าหู “ผู้ใหญ่” อาจมีพรายกระซิบ ที่เป็นนายทหารที่เป็นสายตรงทำเนียบ หรือ บก.ทบ. จนเชื่อมโยงไปถึงศึกชิงเก้าอี้ในกองพล และใน ทบ.หรือไม่

เพราะ พล.ร.11 หรือกองพลสไตรเกอร์ กำลังเป็นกองพลที่บรรดาทหารคอเขียวหมายปองที่จะมาเติบโต เพราะถือเป็นกองพลที่ ทบ.ยกระดับขึ้นมาเป็นกองพลรบหลักของกองทัพภาคที่ 1 แทนกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ที่ทั้ง ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. กรมรบหลัก ถูกย้ายโอนไปเป็นหน่วยในพระองค์ กลายเป็นกรม ทม.ที่ 1 มหด.รอ. และกรม ทม.ที่ 2 มหด.รอ. กลายเป็นทหารคอแดงในพระองค์ไปแล้ว เหลือเพียง ร.31 รอ. ที่แม้ยังไม่ได้ย้ายโอน แต่ก็เป็นหน่วยทหารคอแดงที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904

ดังนั้น ทบ.จึงยกระดับ พล.ร.11 ขึ้นมาแทน เป็นกองพลทหารราบยานเกราะเบา ที่มีรถเกราะ Stryker ของสหรัฐ เป็นยุทโธปกรณ์หลัก โดยบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. มีบทบาทสำคัญในการพัฒนากองพลนี้ และโดยเฉพาะการจัดหารถเกราะสไตรเกอร์ รวมทั้งการวางตัวนายทหารไว้ในตำแหน่งสำคัญ

พล.ร.11 จึงกลายเป็นที่หมายของทหารคอเขียว เพราะเป็นกองพลที่มีความทันสมัย เพราะจะได้มีโอกาสไปฝึกศึกษาร่วมกับทหารสหรัฐในเรื่องรถเกราะ อีกทั้งมีทหารสหรัฐมาฝึกให้อยู่เนืองๆ

แต่หลังปรากฏการณ์ฟ้าผ่า พล.ร.11 ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของกำลังพลไม่น้อย

เพราะในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนั้น เมื่อ พ.อ.สังกาศ สร้อยคำ รอง ผบ.พล.ร.11 ถูกย้ายไปเป็นประจำมณฑลทหารบกที่ 11 แล้วให้ พ.อ.ธีรยุทธ์ เส้งรอด ผู้บังคับการกรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 9 ข้ามมาเป็นรอง ผบ.พล.ร.11

พ.อ.ถิรเดช ลิ้มคุณากูล ผบ.ร.111 ถูกย้ายไปเป็นนายทหารปฏิบัติการประจำ มทบ.11 โดยมีทหารคอแดง ผู้การจู พ.อ.อภิชัย จูสนิท จากรอง ผบ.12 รอ. จากแดนบูรพาพยัคฆ์ มาเป็น ผบ.ร.111 แทน

ส่วน พ.อ.กริช บุญเกิด ผบ.ร 112 กรมสไตรเกอร์ แห่งเกาะจันทร์ ชลบุรี ย้ายไปเป็นนายทหารปฏิบัติการประจำ มทบ.11 โดยมี พ.อ.ศรัณยนิษฐ์ สุทธวัจน์ชินเดช ออกจากกรุ ประจำ มทบ.11 มาเป็น ผบ.ร.112 แทน

ตามมาด้วยโผผู้พัน ที่มีการโยกทหารคอแดงมาเสียบเพิ่มอีกคือ พ.ท.เศกสรร บุญวงศ์ ผบ.ร.111 พัน 3 มาเป็น ผบ.ร.112 พัน 3 พ.ท.ธเนษฐ ชัยวัฒนธรรม หัวหน้าฝ่ายส่งกำลังบำรุง พล.1 รอ. มาเป็น ผบ.ร.111 พัน 3

ทั้งนี้เพราะบรรดาทหารคอเขียวก็ตั้งความหวังว่า พล.ร.11 จะเป็นหน่วยที่เป็นรูระบายให้ทหารคอเขียว ทหารทั่วไป ที่ไม่ใช่ทหารคอแดง ได้เติบโต ท่ามกลางการสยายปีกของทหารคอแดง คุมหน่วยสำคัญในกองทัพบกไว้หมดแล้ว ตั้งแต่เก้าอี้ ผบ.ทบ. มาจนถึงแม่ทัพภาคที่ 1 ผบ.พล.1 รอ. ที่ถือได้ว่าเป็นเส้นทางเหล็กสูงเก้าอี้ ผบ.ทบ.

แม้แต่เก้าอี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็กำลังจะถูกทหารคอแดงยึดอีกเช่นกัน หลังจากที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดคอแดงคนแรกมา

ปัจจุบัน กำลังรบระดับกองพลในกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นทหารคอแดง คือ กองพลวงศ์เทวัญ พล.1 รอ. กองพลบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. ส่วนกองพลทหารม้าคอแดง กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ที่เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ขึ้นตรงกับ ผบ.ทบ.

จึงยังคงเหลือกองพลทหารคอเขียว แค่กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) กาญจนบุรี และ พล.ร.11 ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี

แต่ พล.ร.9 ก็เริ่มมีทหารคอแดงเข้าไปแทรกซึมอยู่ ก็เพราะทหารคอแดงบางนายไม่อาจเติบโตในหน่วยกองพลคอแดง ใน ฉก.ทม.รอ.904 ได้ ผู้บังคับบัญชาก็ต้องหาที่ลงให้ จึงตัองแยกไปอยู่กองพลทหารคอเขียว

เช่น ในโผระดับผู้บังคับกองพันที่ผ่านมา ก็มี พ.ท.พีรพุฒิ แย้มจิตร์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน พล.1 รอ. ที่เป็นทหารคอแดงได้ไปลงตำแหน่งเป็น ผบ.ร.29 พัน 3

เรื่องทหารคอแดง กับทหารคอเขียว จึงยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายความสามารถ ในการบาลานซ์อำนาจในกองทัพ เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกสั่งสมจนกลายเป็นระเบิดเวลาในอนาคต

 

ในขณะที่ทหารคอแดงก็สยายปีก ยึดทั้ง ทร. และ ทอ. ในส่วนที่เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ด้วยเพราะ ผบ.ทบ.ที่ควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยนั้น จะคุมกำลังทหารคอแดงของทั้ง 3 เหล่าทัพ

ในส่วน ทร. มีทหารนาวิกโยธิน (นย.) ที่เป็นหน่วยรักษาพระองค์ หรือที่เรียกว่า นย.คอแดง อยู่ 2 กองพัน คือ กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน (พล.นย.) และกองพันที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 พล.นย.

จึงทำให้ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) ต้องไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง ของ ทม.รอ. 3 เดือน และกลายเป็นทหารคอแดง แต่ทว่า การเป็นทหารคอแดงใน ทร. ไม่สามารถจะขึ้นเป็น ผบ.ทร.ได้ เพราะจะต้องเป็นพรรคนาวินเท่านั้น แต่เป็นพรรค นย. จะไม่สามารถเป็น ผบ.ทร.ได้

ในห้วงที่ผ่านมา บิ๊กค็อก พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันท์ ตอนเป็น ผบ.นย. เคยมีชื่อให้ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง แต่ฝึกไปได้ไม่กี่วัน เกิดโควิดระบาดหนักข้ามปี จึงยกเลิกการฝึก และเป็นจังหวะที่เกษียณราชการพอดี พล.ร.ท.รณรงค์จึงไม่ต้องไปฝึก และไม่ได้เป็นทหารคอแดง

จนมาถึงบิ๊กเดิม พล.ร.ท.เผดิมชัย สุคนธมัต ผบ.นย.คนปัจจุบัน ที่ขึ้นมาเมื่อตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ก็มีชื่อไปฝึกเมื่อต้นปี และเพิ่งจบหลักสูตรเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา จนกลายเป็นนายพลทหารคอแดงของ ทร.คนแรก และเป็น ผบ.นย.คอแดงคนแรก เป็นนักรบรีคอน คอแดงคนแรก

แต่ทว่า ตามประเพณีแล้ว คนที่จะเป็น ผบ.ทร.ได้นั้น จะต้องเป็นพรรคนาวินเท่านั้น แม้จะเป็นทหารคอแดง แต่เป็น นย. จึงไม่อาจเป็น ผบ.ทร.ได้

อีกทั้ง ผบ.นย. ส่วนใหญ่กว่าจะได้มาเป็น ผบ.นย.ได้นั้น อายุก็ใกล้เกษียณพอดี เช่น พล.ร.ท.เผดิมชัย ที่แม้เป็น ตท.23 แต่จะเกษียณกันยายน 2566 นี้แล้ว

พล.ร.ท.เผดิมชัย สุคนธมัต

ส่วนทหารคอแดงที่ทัพอากาศ ก็ในส่วนของหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) ที่มีกรมต่อสู้อากาศยาน รักษาพระองค์ จึงทำให้ ผบ.อย. ต้องไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง 3 เดือนด้วย และกลายเป็น “อย.คอแดง” ที่เคยมีมาแล้วหลายคนก่อนหน้านี้

แต่คราวนี้ ในขณะที่บิ๊กควร พล.ร.ท.ธนัญชัย พึ่งทัศน์ ตอนเป็น ผบ.อย. มีชื่อไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง พอฝึกครบ 3 เดือน ก็มีคำสั่งเปลี่ยนตัว ผบ.อย.พอดี โดยให้บิ๊กยุทธ พล.อ.ท.ยุทธนา สุรเชษฐพงศ์ รอง ผบ.อย. เป็น ผบ.อย.คนใหม่แทน แต่เพราะจะเกษียณกันยายนนี้อยู่แล้ว พล.อ.ท.ยุทธนาจึงไม่ต้องไปฝึกหลักสูตรคอแดง

ความมีอยู่ของทหารคอแดงใน ทอ. ในเหล่า อย. ไม่มีผลต่อ ทอ. เพราะ ผบ.ทอ.จะต้องเป็นเหล่านักบินเท่านั้น เหล่าอากาศโยธิน เป็น ผบ.ทอ.ไม่ได้

แต่ทว่า ใน ทอ.ตอนนี้ ก็มีทหารคอแดง ที่เป็นเหล่านักบินแล้ว แต่ในระดับนาวาอากาศเอก เช่น ผู้การเงาะ น.อ.พุทธพงศ์ ผลชีวินอดีต ผบ.กองบิน 7 ที่ได้รับการคัดเลือกไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศประจำกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ที่หากยังคงความเป็นทหารคอแดงได้ก็น่าจับตามองยิ่ง

 

แต่ก็น่าแปลก ที่ในส่วน ทบ. ที่กรมรบพิเศษที่ 3 กลายเป็นหน่วยรักษาพระองค์ แต่ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) กลับไม่มีชื่อไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง ทั้งๆ ที่เมื่อเทียบกับการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยที่เป็นรบพิเศษ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ก็คล้ายคลึงหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน

ประการหนึ่งอาจเป็นเพราะบิ๊กต้น พล.ท.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ผบ.นสศ. เป็นเหล่าราบ เตรียมทหาร 24 และมีอายุราชการถึง 2568 หากได้ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดงก็จะกลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. แข่งกับทหารสายบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินีทันที

อาจกล่าวได้ว่า ทหารรบพิเศษหมวกแดง เจอเกมการเมืองภายในทหารคอแดง สกัดจนไม่สามารถแปรสภาพเป็นทหารรบพิเศษคอแดงได้

ทหารรบพิเศษ คงต้องรอตั้งความหวังกับผู้การเอิร์ธ พ.อ.อินทนนท์ รัตนกาฬ ผบ.กรม รพศ.3 รอ. ที่เป็นหมวกแดง คอแดงไปแล้ว และถูกมองว่า จะเป็น ผบ.นสศ. และ ผบ.ทบ.ในอนาคตเลยทีเดียว

ดังนั้น ในกระดานอำนาจที่ ทบ.เป็นผู้เล่น เป็นเหล่าทัพใหญ่และมีบทบาทอำนาจแฝงทางการเมืองมายาวนานหลายยุคสมัย เหล่าทัพอื่นจึงเป็นแค่ “หมาก” ขณะที่ใน ทบ.ด้วยกันเอง การบาลานซ์อำนาจยังไม่มีจริง แต่อำนาจจะอยู่ในมือสายวงศ์เทวัญ ทหารเสือฯ บูรพาพยัคฆ์ รบพิเศษ สลับกันไป

 

ความแปลกแยกและความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของทหารคอเขียว อาจส่งผลต่อยูนิตี้ของกองทัพในการเลือกตั้งด้วย ไม่มากก็น้อย

แต่ท้ายที่สุด ทุกอย่างอยู่ในเกมอำนาจของทหารคอแดง ที่มีเดิมพันของการปกป้อง การรุกคืบ ยึด ทบ.จากนักการเมือง ด้วยนั่นเอง

ในขณะเดียวกัน ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงเกมการเมืองภายในสายคอแดงด้วยกันได้

จึงเป็นความท้าทายยิ่ง ต่อการทิ้งทวนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่กำลังจะเกษียณในอีกราว 4 เดือนข้างหน้า และรวมถึง Man behind the scene. ด้วยนั่นเอง