เพื่อไทย-ก้าวไกล | หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

เหลืออีกไม่กี่วันก็ถึงเวลาการหย่อนบัตรเลือกตั้งแล้ว

ผมเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนมีพรรคการเมืองในใจแล้วว่าจะเลือกใคร

การเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นที่ผ่านมา เพราะผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึก “อยากเลือกตั้ง”

อยากให้ถึงวันเลือกตั้งเร็วๆ

การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อสัปดาห์ก่อน สะท้อนความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี

นอกเหนือจากอัตราการใช้สิทธิสูงถึง 94% แล้ว

ความอดทนต่ออากาศร้อนระดับทอดไข่ดาวสุกกลางแดด และการจราจรที่ติดขัด

ต่อคิวกันยาวเหยียดนานเป็นชั่วโมง

แต่ทุกคนก็ยอมทนเพียงเพื่อจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ทั้งที่ “การเลือกตั้ง” เป็น “สิทธิ” ที่เราสามารถจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้

รถติดมากๆ จะเลือกกลับรถกลับบ้านก็ได้

หรืออากาศร้อนมากก็หนีกลับได้เช่นกัน

แต่ทุกคนเลือกที่จะทน

เพื่อใช้ “สิทธิ” ในการเลือกตั้ง

เห็นภาพผู้คนในวันใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วรู้สึกได้เลยว่าคนต้องการ “ความเปลี่ยนแปลง”

และยิ่งเห็นผลโพลต่างๆ ที่ออกมา ผมมั่นใจว่าลมการเมืองเปลี่ยนทิศแล้ว

พรรครัฐบาลจะแพ้อย่างยับเยินแบบที่ไม่เคยนึกมาก่อน

“2 ลุง” น่าจะถึงเวลายุติบทบาททางการเมือง

และวันหนึ่งเมื่อได้นั่งปรับทุกข์กัน อาจมีใครสักคนเอ่ยคำนี้ขึ้นมา

“รู้งี้”

รู้งี้ ไม่แยกไปตั้งพรรคใหม่ ยังอยู่พรรคเดียวกันดีกว่า

คงเจ็บปวดน้อยกว่านี้

แพทองธาร ชินวัตร

สําหรับพรรคเพื่อไทยที่คาดการณ์กันว่าจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้แบบขาดลอย

ตามปกติแค่ได้ที่หนึ่งก็น่าจะพอแล้ว

แต่พรรคเพื่อไทยหวังถึงขั้นแลนด์สไลด์ ได้ ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

เพราะเขารู้ว่าต้องสู้กับ ส.ว. 250 คน

กระบวนท่าของ “เพื่อไทย” ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า “เก๋า” มาก

การเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงถึงความเอาจริงในการเลือกตั้งครั้งนี้

ยิ่งมีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ “ตัวจริง-เสียงจริง” มาโชว์ตัวสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเป็นเอกภาพขึ้น ส.ส.เก่าที่จะย้ายออกก็ไม่ย้าย

และยังดึง “บ้านใหญ่” เข้ามาร่วมได้อีก

กระบวนการวางแผนหาเสียงของ “เพื่อไทย” ยังใช้กลยุทธ์เดิมที่เชี่ยวชาญ คือ การคิดนโยบายที่โดนใจชาวบ้าน

ผลงานในอดีตที่ยาวนานกว่า 20 ปี อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ยังนำมาใช้หาเสียงได้

“เพื่อไทย” ได้เปรียบพรรคอื่นเรื่อง “ความเชื่อมั่น”

เชื่อมั่นว่าจะทำได้จริงตามนโยบายที่หาเสียงไว้

ผมคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งตอนที่เริ่มหาเสียง ฟังวิธีการจัดการทั้งเรื่องการยิงนโยบายแต่ละเรื่อง การแบ่งทีมหาเสียงเป็นทั้งทีมใหญ่ ทีมกลางและทีมเล็ก

แม้แต่การจัดการเรื่องคนมาฟังการปราศรัยก็คิดอย่างละเอียด

กลยุทธ์การหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยเป็นทักษะที่สั่งสมจากประสบการณ์ที่ยาวนาน

ช่วงต้นๆ กระแสของพรรคเพื่อไทยแรงมาก

การปูพรมคำว่า “แลนด์สไลด์” ล่วงหน้าหลายเดือน และภาพของคนมาฟังการปราศรัยเต็มแน่นทุกเวที

ทำให้คนเริ่มเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิแลนด์สไลด์

“เพื่อไทย” ยังใช้กลยุทธ์เดิมเหมือนกับการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา

คือ ไม่ส่ง “ตัวจริง” สู้ในเวทีดีเบต

ตั้งแต่สมัยคุณทักษิณ ชินวัตร คุณสมัคร สุนทรเวช คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ไม่มีใครขึ้นเวทีดีเบตเลย

เพราะในอดีต คู่ปรับของเขาคือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

และวันนี้ คือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ของพรรคก้าวไกล

“เพื่อไทย” เลือกเล่นเกมไม่สู้ในเวทีที่สู้ไม่ได้

เขาจึงส่งคุณหมอพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ลงชนแทน

แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่น

สื่อต่างๆ จัดเวทีดีเบตเยอะมาก ไม่เพียงแค่สื่อทีวีเหมือนในอดีต

สื่อออนไลน์ทุกที่ก็จัดเหมือนกัน และมีหลายรูปแบบ

ที่สำคัญก็คือ โซเชียลมีเดียวันนี้มีบทบาทสูงมาก

คลิปของการดีเบตแต่ละครั้งถูกนำมาตัดเป็นคลิปสั้นๆ ยิงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tiktok

พรรคก้าวไกลจึงเริ่มโดดเด่นขึ้นมาเทียบเคียงกับพรรคเพื่อไทย

นี่คือ จุดเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าถามว่าพรรคการเมืองใดที่น่าจับตามองที่สุด

ส่วนใหญ่จะตอบเหมือนกันว่า “พรรคก้าวไกล”

แม้ว่าจะยังไม่รู้ผลการเลือกตั้งว่า “ก้าวไกล” จะได้จำนวน ส.ส.กี่คน

แต่สีสันในการหาเสียงของเขาได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในการเมืองไทย

เป็นความสดใหม่แบบ “คนรุ่นใหม่” อย่างแท้จริง

ถ้าใครติดตามการปราศรัยหาเสียง การดีเบตของขุนพลพรรคก้าวไกล เราจะสัมผัสได้ถึงมวลอารมณ์ของ “ความกล้า-ความบ้า-ความฝัน” และ “ความหวัง” อย่างชัดเจนมาก

เขาสร้างภาษาการเมืองรูปใหม่ที่ “ชัดเจน-ตรงไปตรงมา”

ไม่ต้องใช้สำนวนให้ตีความ

ทุกคนพูดเหมือนกันหมด

ถ้าเป็นมวยก็เป็นมวยที่ยืนแลกหมัดตั้งแต่ยกแรกจนยกสุดท้าย

คู่ชกจะใหญ่แค่ไหนก็ลุย

มวยแบบนี้ คนดูชอบ

พรรคอนาคตใหม่ในอดีต มีขุนพลคือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล – ‘ช่อ’ พรรณิการ์ วานิช”

แต่พอพรรคอนาคตใหม่โดนยุบ แปลงกายเป็นพรรคก้าวไกล

ขุนพลใหม่พรึบไปหมด

4 ปีในสภา ในสถานะฝ่ายค้าน ก้าวไกลโชว์ฝีมือได้ดีมาก และกำเนิดขุนพลที่เป็น “ดารา” ขึ้นมาจำนวนมาก

บนเวทีดีเบต “ขุนพล” ของก้าวไกลแต่ละคนโชว์ฝีปากได้ประทับใจคนดู

กลายเป็นคลิปสั้นๆ ในโซเชียลมีเดีย

นอกจากนั้น กลุ่มหัวคะแนนธรรมชาติของพรรคก้าวไกล ที่เป็น “จิตอาสา” ยังตัดคลิปต่างๆ มากมาย

ถ้าคุณเข้าไปในโซเชียลมีเดีย ต้องบอกเลยว่า “ก้าวไกล” ล้อมไว้หมดแล้ว

จากโลกโซเชียล จุดเปลี่ยนของ “ก้าวไกล” อยู่ที่การตั้งเวทีที่สามย่านมิตรทาวน์

คนเยอะมาก และเห็นถึงพลังของคนหนุ่มสาวอย่างชัดเจน

แตกต่างจากเวทีปราศรัยของพรรคการเมืองอื่น

นับจากวันนั้นเป็นต้น ความนิยมของพรรคก้าวไกลก็ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความจริงที่เห็นคนฟังตัวเป็นๆ ไม่ใช่ยอดวิวในหน้าจอ

ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย สมุทรปราการ นนทบุรี บางแสน ฯลฯ

และตามด้วยคาราวานหาเสียงจากทุกภาคเข้า กทม.

เป็นสีสันการเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

นอกจากคนหนุ่มสาวที่เป็นฐานเสียงหลักของก้าวไกล

พลังแห่งโซเชียลมีเดียที่ทะลุทะลวงเข้าถึงบ้านคน ไม่ใช่เพียงแค่คนในเมืองเท่านั้น

ทำให้เราได้เห็นภาพของผู้ใหญ่ และผู้สูงวัยในเวทีของก้าวไกลในต่างจังหวัด

แต่ทั้งหมดจะแปร “กระแส” เป็น “คะแนน” ได้หรือไม่

และจะสู้กับระบบอุปถัมน์และ “กระสุน” ในช่วงท้ายๆ ได้หรือไม่

เป็นประเด็นที่นักวิเคราะห์การเมืองทุกสำนักยังตั้งคำถามอยู่

และจะได้ “คำตอบ” ที่ชัดเจนในวันที่ 14 พฤษภาคม

 

การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มพรรครัฐบาลกับกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน

การต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็น่าสนใจ

เหมือนมวยที่เก๋าเกม สู้กับมวยที่สดใหม่

ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงชนะการเลือกตั้ง

แต่ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส.กี่คน

เพราะจำนวน ส.ส.ของก้าวไกลจะบ่งบอกทิศทางของการเมืองและสังคมไทย

ถ้าได้แค่ระดับ 50-60 คน ถือว่าสังคมไทยยังไม่เปลี่ยนอะไรมากนัก

โลกแห่งความจริงของเมืองไทยยังเหมือนเดิม

แต่ถ้าก้าวไกลได้เกิน 80 คน หรือทะลุ 100 คน

นี่คือสัญญาณของ “ความเปลี่ยนแปลง”

จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะบอกว่าคนไทยนิยมพรรคก้าวไกลมากแค่ไหน

แต่ ส.ส.เขต จะเป็นคำตอบเชิงลึกในหลายเรื่อง

ถ้าได้ ส.ส.เขตใน กทม.และปริมณฑล ยังไม่แปลกมาก

แต่ถ้าได้แค่หัวเมืองต่างจังหวัด

แบบนี้เริ่มน่าตกใจ

แต่ถ้า “ก้าวไกล” ได้ ส.ส.ในต่างอำเภอด้วย

ประเทศไทยเปลี่ยนแน่นอน •

 

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

www.facebook.com/boycitychanFC