เรือล่มในหนอง? | สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

เรือล่มในหนอง?

 

แม้จะมีการประเมินว่าเพื่อไทยและก้าวไกล มีโอกาสที่จะตัดคะแนนกันเองในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม

และนั่นจะนำไปสู่ความบาดหมางจนไม่อาจร่วมงานกันได้

อย่างไรก็ตาม จากคำแถลง ของ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการก้าวไกล มีแนวโน้มผ่อนคลายลง

โดยระบุว่ามีแนวโน้มที่ขั้วฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเพื่อไทย และก้าวไกล จะได้ ส.ส.รวมกันมากว่า 300 เสียง

น่าจะห่างจากขั้วรัฐบาลกว่า 100 เสียง

เมื่อสองพรรคหลักรวมกันเป็น 70%ของเสียงในสภา

จึงน่าจะเกิดสถานการณ์”เรือล่มในหนอง”

ไม่เปิดโอกาสให้สถานการณ์”ตาอยู่” เกิดขึ้น

หรือมีการจับขั้ว จัดตั้งรัฐบาลจากเสียงข้างน้อย จากขั้วรัฐบาลเดิมมาแข่ง

“เราจึงเชื่อมั่นว่าพรรคจากขั้วฝ่ายค้านเดิมจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน” คือสิ่งที่ นายชัยธวัช ตุลาธน ยืนยัน

และนั่นทำให้ กระแสการคาดหมายว่าพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจะแยกกันเดิน น่าจะลดระดับลง

เพราะเมื่อประชาชนแสดงเจตนารมณ์ผ่านการเลือกตั้ง ให้พรรคทั้งสองมีเสียงที่รวมกันแล้วเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดเพื่อ”เปลี่ยน”ประเทศแล้ว

ก็สมควรที่ทั้งสองพรรคคือ เพื่อไทยและก้าวไกล จะต้องเคารพ

และสนองเจตนารมณ์ของประชาชน ด้วยการร่วมกันทำงาน

จัดตั้งรัฐบาลและเสนอผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภาต่อไป

ไม่พลิกผันเปลี่ยนขั้ว หรือเล่นเกมจัดสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมือง เพื่อประโยชน์ต่อพรรคของตนเอง จนขัดแย้งกับเจตนารมย์ของประชาชนที่แสดงออกมา

ส่วนผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามหลักก็ควรมาจากพรรคที่ได้เสียงมากสุด

ซึ่งในตอนนี้ แนวโน้มยังอยู่ที่ พรรคเพื่อไทย สูง

แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะพุ่งแรง

ทำให้ราศีผู้นำฉายจับไปที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

แต่กระนั้นหลายฝ่ายก็เชื่อว่าคงยังไม่สามารถเอาชนะเสียงของเพื่อไทยได้

ดังนั้น 3แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม สันติศิริ จึงเป็นทางเลือก ที่มีโอกาสเป็นนายกฯมากที่สุด

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของพรรคมีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่กระนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตอนนั้นว่าสังคมเรียกร้องต้องการอย่างไร

และเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่จะตัดสินขั้นสุดท้ายว่าใครจะเป็นธงนำได้

ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ดึงเป็นเกมเรียกร้องความสนใจ โดยระบุว่าทั้ง 3 แคนดิเดตมีโอกาสเท่าเทียมกัน

แต่ว่ากันจริงๆตอนนี้ก็เหลือเพียง น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา

ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่าพร้อมเป็น นายกรัฐมนตรี แต่น.ส.แพทองธาร จะพร้อมเผชิญแรงเสียดทานสูงในฐานะทายาทของนายทักษิญ ชินวัตรหรือไม่

เพื่อไทยคงประเมินหรือพิจารณาไปตามสถานการณ์จนถึงนาทีสุดท้าย จึงจะเคาะออกมา

ซึ่งในห้วงโค้งสุดท้าย แม้เรตติ้ง ของนายเศรษฐา ยังคงไม่อาจเทียบเคียงหรือแซงน.ส.แพทองธาร ได้

และตอนนี้กำลังเป็นเป้าถูกตอบโต้และดำเนินคดีทางกฏหมายจากพรรคภูมิใจไทย ในกรณีไปวิจารณ์นโยบายกัญชา และการไปกล่าวหาว่าเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

แต่กระนั้นด้วยแรงต้านที่มีน้อยกว่า

และประสบการณ์ความเป็นนักบริหาร

รวมทั้งมี”ดีเอ็นเอ”แบบเสรีนิยม ที่ดูจะไปกันได้กับก้าวไกล ทำให้นายเศรษฐาโดดเด่นไม่น้อย

และสอดคล้องแนวทาง”เรือล่มในหนอง” ที่เพื่อไทยและก้าวไกลควรต้องทำงานร่วมกัน

จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ อีกสัปดาห์เดียวก็คงพอจะเห็นเค้า