‘Hunger-Manit’ ฮุน มานิต สุดสไตล์ ลูกชายเตโช

อภิญญา ตะวันออก

พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ในเซฟโซนเยี่ยงเจ้าชายหนุ่มของกัมพูชาตามอำนาจบิดามาอย่างยาวนาน จนแทบจะนึกไม่ออกว่า จะมีอะไรอีกที่ท้าทายสามหนุ่มพี่น้องตระกูลฮุนอีกแล้ว

ฮุน มาแนต-ฮุน มานี พี่คนโต น้องคนเล็ก

และ ฮุน มานิต ลูกชายคนกลาง ที่ดูเหมือนไม่มีบทบาทเป็นที่จับตาของสมเด็จฮุน เซน

พลัน ในมุมอับแสงที่ค่อยเบิกกว้างไปตามเงาแสงของบิดาซึ่งในระยะหลังได้กำหราบคู่ต่อสู้จนสิ้นไร้ และส่งผลให้ลูกๆ ของเขาทั้ง 3 กลายเป็นเป็นดาวฤกษ์ไปเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ขณะทุกฝ่ายให้ความสำคัญต่อ พล.อ.ฮุน มาแนต และเอกอุดมฮุน มานี มาหลายปีด้วยเหตุผลเป็นทายาทเบอร์ 1 และเบอร์สำรองทางการเมืองของบิดา

แต่ฮุน มานิต ในฐานะลูกชายคนกลาง จึงไม่ใช่ตัวเปิดให้ใครคอยจับตา

เชื่อไหม ความเป็นลูกชายคนกลาง/Wednesday Child ดูจะเข้าตำราในความลึกลับที่ว่าของฮุน มานิต ซึ่งได้ชื่อว่า มีไลฟ์สไตล์แตกต่างไปจากพี่ชายมาแนตและน้องชายมานีอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะ “มาแนต-มานี” ที่หลายครั้งสื่อก็มักจะหยิบพวกเขามาเสี้ยมเสียดสีให้ริษยากันเองไปเสีย ขณะที่ฮุน มานิต นั้นแทบจะไม่มีให้เห็น

มานิตเป็นลมใต้ปีกให้พี่ชายมากกว่าใครทั้งหมด

ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้ว ประสบการณ์การเมืองของมานิตนั้น อยู่ในระดับพระกาฬเชียวล่ะ!

เคี่ยวกรำ อย่าง “ลากไส้” กว่าทุกคนตระกูลฮุนก็ได้ เพราะว่า ฮุน มานิต ถูกฝึกมา โดยต้องไม่ลืมว่า เขาคือผู้อำนวยการกรมข่าวกรอง ที่เปรียบเสมือนอุปกรณ์เครื่องมือและทุกสิ่งทุกอย่างต่อการวางยุทธศาสตร์กำจัดฝ่าย “ขมัง” ของบิดา

ตัวอย่าง การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2013 นั่น ที่ลูกชายคนนี้ต้องทำภารกิจพิชิตขั้วตรงข้ามอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู กระนั้น กว่าจะโค่น “กึม สกขา-สัม รังสี” ลงได้ ฮุน มานิต ก็แทบจะขึ้นแท่น-เครื่องจักรสังหารแห่งการทำลายศัตรูของบิดาอย่างน่าเหน็ดเหนื่อย

และไม่น่าเชื่อว่า คนหนุ่มวัย 32 ปีเวลานั้น จะทำสำเร็จด้วยดี-ชนิดที่พ่อเองก็ภูมิใจ

ส่วนฮุน มานิต นั้น คงจะเหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อย ในชีวิตไลฟ์สไตล์ของเขาจึงเต็มไปด้วยการเข้าป่าส่องล่าสัตว์และนอนแคมป์กับหน่วยพิเศษของตน ไม่ได้ออกงานสังคมหรูหราแบบฮุน มานี หรือสายวีไอพี แบบพี่ชาย

อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่คล้ายจะเรียบง่ายแบบนั้น ช่างตรงข้ามกับ “ยุทธการ” เด็ดปีกฝ่ายตรงข้ามทีละคนจนหมดสิ้นสมาชิกพรรคสงเคราะห์ชาติ

ตัวอย่าง หลายปีก่อน โดยกว่าจะรู้ทัน จากการปะติดปะต่อ จนน่าเชื่อได้ว่า ฮุน มานิต คือผู้อยู่เบื้องหลังการส่งเด็กสาววัยใสนามว่า ธี โสวันทา ขณะอายุ 18 ปีที่ยังไม่จบมัธยมปลาย ไปปฏิบัติการสำคัญ

ธี โสวันทา คนนี้แหละที่เป็นตำนานเน็ตไอดอลคนแรกของกัมพูชาด้วยวลีเด็ดของแคมเปญเลือกตั้งปีนั้น ที่มันทำให้เธอดังไปทั้งประเทศ

เธอร้องตะโกนว่า “ไสหัวออกไป! ฮุน เซน!”

แต่ใครจะเชื่อว่า ไม่กี่ปีต่อมา ก็เด็กสาวคนนี้แหละที่กลายเป็น “สายลับสองหน้า” ปฏิบัติการ “ล้วงตับ” พรรคฝ่ายค้าน!

ตามบัญชาการของหน่วยเหนือที่มีนายใหญ่นามว่า-ฮุน มานิต!

ปฏิบัติการโมงยามแห่งการดักเหยื่อให้บิดาเพื่อสังหารแบบนี้ที่ถูกดำเนินการอย่างเป็นระบบนั้น ดูเหมือนฮุน มานิต จะทำมันเป็นอย่างดี

ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่จะใช้ในการเล่นงานตัวบุคคลแต่ละรายเหล่านั้นซึ่งล้วนแต่อยู่ในมือของฮุน มานิต ในวัย 42 ปีที่หลักเหลี่ยมความชำนาญดูจะเริ่มทบทวี ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ไปริเริ่มทำการในทางอื่น

ต่างจากคนอื่นในตระกูลที่ว่า ฮุน มานิต มิได้ถือครองธุรกิจใดๆ เยี่ยงพี่น้องคนอื่นโดยเฉพาะฮุน มานี ที่มีภรรยาถือครองอสังหาริมทรัพย์ในโครงการใหญ่ๆ เขตจโรยจังวา หรือฮุน มาลี-ฮุน มานา ก็เช่นกัน

แต่นั่นก็ทำให้เรารู้ว่า สมเด็จฮุน เซน แคร์ลูกชายคนนี้อย่างเกินคาด

โดยเฉพาะการส่งฮุน มานิต กลับเข้ากองทัพในตำแหน่งรอง ผบ.แทนฮุน มาแนต พี่ชายที่กำลังเป็นแคนดิเดตตำแหน่งของพ่อ

แต่หลายปีมานี้ ฮุน มานิต เองก็ลงไปถือครองธุรกิจสีเทาบ่อนกาสิโนอย่าง “นากาเวิร์ล” ที่ตกเป็นเป้าจากการเรียกร้องของอดีตพนักงานจากการถูกปลดตอนวิกฤตโควิด และยังเป็นปัญหาระดับชาติด้านสิทธิมนุษยชนจนถึงขั้นที่ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติต้องลงพื้นที่รายงาน

บัดนี้ บ่อนนากาเวิร์ล ที่ได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจสีเทากลับได้รับการปกป้องจากเบื้องบนคนของรัฐ โดยทายาทสายตรงตระกูลฮุน ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจบนทำเลทองอันลึกลับ อันปราศจากตัวตนในเจ้าของกิจการมาแรมปี กระทั่งวันหนึ่งนี่คือ 1 ในธุรกิจลับฮุน มานิต

ไม่เพียงเท่านั้น ความพิสดารกว่า ยังพบว่า เขามีนอมินีเป็น “ออกญา” แบบเดียวกับบิดาที่สร้างผู้ถือครองแทนตนขึ้นมา

ทว่า ออกญาเลง ณวัตรา นอมินีของฮุน มานิต นั้นมีพื้นภูมิที่แตกต่าง

อดีตกรรมกรหนุ่มที่ฝักใฝ่พรรคการเมืองฝ่ายค้านและเป็นหัวหอกปลุกระดมแรงงานในเกาหลีใต้เมื่อ 10 ปีก่อน เลง ณวัตรา ในวันนี้ กลายเป็นนักอสังหาริมทรัพย์ผู้มั่งคั่ง อายุน้อยหลายร้อยพันล้าน (บาท) และสินทรัพย์ของเขาเกือบทั้งหมดมาจากอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงพนมเปญและหัวเมืองใหญ่

รวมทั้งธุรกิจทำสวนป่าซาฟารีใกล้เขตป่าสงวนของจังหวัดกันดาล ที่ก่อชนวนการต่อต้านจากประชาชนจนเริ่มจะบานปลาย จนฮุน เซน ต้องประกาศระงับโครงการไปก่อนเมื่อปีกลาย

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีธุรกิจบันเทิงอื่นๆ ซึ่งถือครองโดยออกญารูปนี้

ทั้งหมดทั้งปวง ล้วนเผยให้เห็นถึงความไม่ปกติของระบอบฮุนเซนและทายาท ซึ่งบัดนี้ “เปิดหน้า” ลงมาถือครองธุรกิจพิสดารมากมาย จากที่เมื่อ 15 ปีก่อนเป็นหน้าที่ของปลายสาแหรกรุ่น 2 รุ่น 3 อย่างหลานฮุน โต และคนอื่นๆ

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มันถูกรวบเข้ามาสู่ศูนย์กลางอำนาจในที่สุด

แต่เมื่อวิกฤตโควิด-19 ระบาด ทำให้ทุนจีนที่สะพัดเหล่านี้มีอันตีบตันจนหลายโครงการในนามนอมินีบางราย กำลังถึงคราวล้มครืน

ในจำนวนโดมิโนเหล่านี้ มีฮุน มานิต อยู่ในลิสต์นั้นด้วย

ไม่มีใครเลยมองออกว่า ร่วมทศวรรษมานี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังภาคการเมืองของฮุนเซน กลับเป็นลูกชายคนกลางที่ชื่อฮุน มานิต คนที่สังคมมองข้าม แต่ทักษะของเขานั้น สุดล้ำไปไกลไม่ต่างจากบิดาเลยทีเดียว

หลายกรณีที่เราคิดไม่ถึง หลายกรณีเหล่านั้น มีทั้งการทำให้สมเด็จพ่อฮุน เซน สามารถออกคำสั่งให้ติดคุก จองจำ หรือแม้แต่ริบเอาทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาลราว 1,800 ล้านบาทจากที่ปรึกษานักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน!

ถ้าหากกรณีอดีตผู้นำการเมืองอย่างกึม สกขา ถูกศาลตัดสินให้จองจำในบ้านพักเป็นเวลา 17 ปี คือเรื่องปกติแล้ว ก็ขอให้พินิจว่า กรณีฮุน มานิต ที่มีตำแหน่งเป็น ผอ.ข่าวกรอง และถูกโยกไปนั่งเป็นรอง ผบ.กองทัพแทนพี่ชายซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยในประเทศอื่น

แต่เกิดขึ้นแล้วที่นี่ กัมพูชา ภายใต้อาวุธพิเศษที่บ่มเพาะโดยฮุน เซน

มันยังเผยให้เห็นถึงตัวตนในรูปแบบต่างๆ ที่ยากจะเชื่อว่า นี่คือการเมืองของศตวรรษปัจจุบันของกัมพูชาหรือว่าในโลก?

แน่นอนมันไม่ใช่ระบอบการเมืองของภาคปกติ แต่เป็นภาคพิสดาร โดยเฉพาะที่เราได้เห็นเด็กหนุ่มตระกูลฮุนผู้ใสซื่อเมื่อ 20 ปีก่อน และวันนี้ การเติบโตเป็น ‘Hunger’ เกมล่าอำนาจตามฉบับของบิดา มันได้มาถึงแล้ว

สำหรับ “บองทม” คนใหม่! ผู้มีนามว่า ฮุน มานิต