“ผมหวังว่าลูกทั้งสองจะมีความสุข เขาจะอยู่ที่ไหนก็ตามอยากให้เขามีความภาคภูมิใจว่าพ่อเขาได้ทำเต็มที่”

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เปิดใจเรื่องส่วนตัว ในรายการ [X]CLUSIVE ดำเนินโดยสรกล อดุลยานนท์ ในแคมเปญ “มติชนเลือกตั้ง ’66 บทใหม่ประเทศไทย”

: คุณเศรษฐามีความผูกพันกับคุณแม่มาก คำสอนของคุณแม่มีอะไรบ้าง

คุณแม่สอนหลายเรื่อง เช่น วิธีการไหว้ หรือก่อนเข้านอนต้องคิดว่าเราทำอะไรให้สังคมบ้าง

คุณแม่บอกตลอดเวลาว่า อย่าทำตัวเป็นภาระของใคร

ปัจจุบันท่านก็ไม่ได้ทำตัวเป็นภาระ ถึงแม้ท่านจะอายุ 95 แล้ว ก็มีอายุมากแล้ว ท่านก็สอนหลายอย่าง การทำงาน ให้รับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ

เรามีหน้าที่อะไรเราก็ทำไป

: วันที่ตัดสินใจเรื่องการเมือง ได้ไปคุยกับคุณแม่ไหม

ไม่ได้คุยเลย วันนี้ท่านก็คงไม่รู้ด้วย ก็แก่มากแล้ว ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง

: ทำไมลูกชาย 2 คนทำงานที่ต่างประเทศ ทั้งที่อยู่เมืองไทยสบายกว่า

สบายกว่าเยอะครับ บางคนก็บอกว่าลูกชายผมสองคนหนีทหาร ต้องไปอยู่ต่างประเทศ คือผมก็มีใบ สด. 9 มาแล้ว รวมถึงใบอื่นๆ ที่เป็นหลักฐาน ผมก็มีอยู่ ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เขาไปอยู่เมืองนอกไม่ได้เป็นคนหนีทหาร เขาผ่านการเกณฑ์ทหารเรียบร้อย

เขาไปอยู่เมืองนอกเพราะว่าเขามีความสุขมากกว่าทางด้านจิตใจ อยู่ที่นี่มีรถใช้มีอะไรใช้ทุกอย่าง แต่อยู่ที่นั่นมีสิทธิเสรีภาพ เรื่องเพศสภาพ หรือคนมีสิทธิ์เท่ากัน

เขาเคารพกฎหมาย เขาไม่ได้ไปทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

ถามผมเองผิดหวังไหมก็ผิดหวัง ในเชิงส่วนตัวที่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เข้าใจและดีใจ ที่เขาได้มีความเป็นตัวของตัวเอง และเข้าใจที่เขาเลือกเส้นทางที่เขามีความสุข โชคดีที่เขาได้ทำงานที่ดี มีเงินเดือนเยอะ สามารถบินมาเยี่ยมได้บ่อยๆ และผมเชื่อว่าเขาก็เป็นคนไทย และจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติได้ในอนาคต

: นี่คือเรื่องในใจที่อยากสร้างความหวังให้คนรุ่นใหม่

เป็นเรื่องที่กินใจผมมาก บอกตรงๆ ไม่ได้กินใจเพราะลูกตัวเองออกไปอยู่ต่างประเทศอย่างเดียว

แต่กินใจที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน ที่อยู่ในวงการการเมือง และออกมาด้อยค่าคนที่เขาอยากไปอยู่เมืองนอก

เขาอยากอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เพราะว่าเขาจะไม่ได้รักชาติ

แต่เขาอยากมีอนาคต เขาไม่เห็นผู้ใหญ่ที่พยายามอยากจะรับฟังความคิดเห็นของเขา พอเห็นต่างก็บอกว่าชังชาติ มันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นการที่เด็กหรือเยาวชนไปอยู่ต่างประเทศแสดงว่าเขามีศักยภาพที่เขาจะไป เรายิ่งต้องการ ยิ่งปัจจุบันในสังคมสูงวัยที่คนสูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องการเยาวชนที่มีศักยภาพที่ดีที่มาดูแลผู้สูงวัยให้สังคมไทยเยอะขึ้น

ถ้าเกิดผมได้รับเกียรติอันสูงสุดให้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องแรกที่ต้องได้พบปะพูดคุยกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชน แล้วอยู่กันเป็น Multi Generation เป็น GEN X Gen Y Gen Z แต่ละคนรักอะไรแตกต่างกันไป เบบี้บูมเมอร์ก็รักคนต่างกันไป แต่การอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุขพอประมาณในสังคมนี้ สำคัญที่สุด

ผู้นำสูงสุดของประเทศไม่ใช่ทำแค่เรื่องการอยู่ดีกินดี ไม่ใช่แค่นั้น

แต่เป็นการที่จะหล่อหลอมให้ทุกๆ Generation ทุกๆ อายุอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไร้ความแตกแยก

: เป็นคนที่ให้ความสำคัญเรื่องเพศสภาพ ถึงขนาดมีห้องน้ำสีรุ้งที่แสนสิริ ถ้าเป็นนายกฯ ห้องน้ำที่ทำเนียบมีโอกาสไหมที่จะได้เห็นห้องน้ำสีรุ้ง

ทำครับ ง่ายเลยติดป้ายเลย ถ้ามีโอกาสเป็นนายกฯ ผมทำทันทีไม่ต้องพึ่งใคร อันนี้เป็นอำนาจโดยตรง

แต่แก่นสารสำคัญมากกว่า มากกว่าเชิงสัญลักษณ์ คือกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะต้องมีหลายๆ อย่างมีกฎหมายมารองรับ

แต่ว่าการบริหารความคาดหวังของพี่น้อง LGBTQ+ ก็ต้องบริหารหลายอย่างพอสมควร ไม่ใช่ว่าจะได้ทั้งหมด ก็ต้องทำทีละสเต็ป ทั้งยวง เอากฎหมายมารองรับก่อน

บางทีอาจจะต้องขอ ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้คำว่านาง นางสาว ตามต้องการที่อยากจะใช้ ผมเข้าใจว่าเป็นตัวตนของเขา ว่าเป็นผู้หญิงสวยแต่ยังเป็นนายอยู่ แต่ก็ต้องเห็นใจว่ากฎหมาย รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ว่าชายไทยต้องเป็นทหารก็มีช่องว่าง วันนี้อาจจะเป็นนาย วันหนึ่งอาจจะเป็นนางสาวเพราะติดเรื่องการเกณฑ์ทหาร ก็ต้องมีการแก้ไขไปพร้อมๆ กัน มันก็ต้องมีการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไปพร้อมกันคือการแก้ไข

อย่างเกณฑ์ทหาร ควรเกณฑ์ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ยกเลิก

เพราะคำว่ายกเลิก อาจจะหมายถึงว่าไม่ต้องเป็นทหารแล้ว เกณฑ์ทหารสมัครใจคือถ้าคุณอยากเป็นทหารคุณไปเป็น สถาบันทหารเป็นสถาบันที่มีคุณค่าเป็นเสาหลักอันหนึ่งของประเทศ

แต่การบังคับให้คนไปเป็นทหาร ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ไม่ได้หมายความว่าคนไม่ได้อยากเป็นทหาร แล้วเขาจะสร้างชาติเขาอยากเป็นหมอเขาอยากเป็นครู เขาอยากเป็นพยาบาล เขาอยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เขาก็ช่วยเหลือสังคมได้ จะได้ไม่ต้องมีคนมาด้อยค่าสถาบันทหารตามที่มีคนใช้วาทกรรมมาต่อว่ากัน อย่างน้อยก็ชี้แจงนะว่าคุณเป็นทหาร จบ 2 ปีแล้วคุณจะเป็นอะไรต่อ สถาบันทหารเป็นจุดเริ่มต้นไปกับโรงเรียนอันหนึ่งที่มีเกียรติ

: คุณเศรษฐาเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมามาก แต่ในทางการเมืองอาจจะต้องนุ่มนวลหน่อย จะทำอย่างไร?

ผมว่าในเรื่องของการเมืองมีหลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจอย่างเฉียบขาด มีหลายเรื่องที่ต้องใช้และให้ความสำคัญเรื่องของกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ มีหลักรัฐศาสตร์

เพราะฉะนั้นผมว่าประสบการณ์ของผมที่สะสมมาในการบริหารบริษัท 30 กว่าปี ผมคิดว่าให้ความพร้อมกับผม ในการที่ผมจะต้องตัดสินใจ การตัดสินใจต้องพูดตรงไปตรงมาขนาดไหน เพราะบางทีการพูดจาอ้อมค้อมนิดหน่อย คนที่ฟังอาจจะแกล้งโง่ได้ เพราะฉะนั้นผมถือว่าอาจจะต้องพูดจาอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งกับคณะทำงานที่มีความใกล้ชิดกันต้องพูด จะได้เข้าใจตรงกันและสื่อสารให้ตรงกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ถือว่าเป็นตำแหน่งบริหารที่สูงสุด ถ้าได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนมาเราจะต้องมีความเด็ดขาด เราต้องเข้าใจว่าพี่น้องประชาชนต้องการอะไร ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งจริงๆ

การเป็นตัวของตัวเองนั้นจริงๆ แล้วต้องเคารพสภาพแวดล้อมก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ วันแรกเดินเข้าไปพูดจาตรงไปตรงมาโผงผาง

มันต้องสะสมต้องทำให้คนเห็นก่อนว่าเรามีความพยายามที่จะเข้าถึงทุกคน มีความพยายามที่จะปรับตัว

แต่วันนี้ 14 พฤษภาคมเป็น target หลักอย่ามัวแต่รำอยู่ ถ้ารำเยอะเดี๋ยวจะไม่ได้ผลที่ต้องการ

: เป็นคนหนึ่งคนที่อยู่บนยอดพีระมิด ทำไมมาสนใจเรื่องความเหลื่อมล้ำ ทั้งๆ ที่ตัวเองได้เปรียบ

ได้เปรียบคือความสบายกาย แต่ความไม่สบายใจมันมีอยู่เยอะ ไม่ใช่ว่าสบายใจอย่างเดียวแล้วจะอยู่ได้ โดยรายละเอียดค่อนข้างจะชัดเจนเวลาผมไปประชุมที่ไหนอย่างไร บางบริษัทเวลาเอาน้ำให้ผมจะเป็นน้ำแร่ แต่คนประชุมท่านอื่นจะเป็นน้ำที่กดมา บางคนไม่ทันได้ดูแต่ผมดู แล้วผมมีความอึดอัด

เวลาไปรับประทานอาหารที่ไหนก็ตาม ถ้ามีโต๊ะ VIP ผมเบื่อ แม้กระทั่งการไปเล่นฟุตบอลถามว่าจะไปเล่นทีมไหน ถ้าเป็นทีม VIP ผมก็จะไม่ไป ผมจะหลีกเลี่ยงผมไม่ชอบ

จะเป็นพลเอกหรือคนเป็นร้อยตรี เวลามาร่วมสนุกกันไม่ควรจะมียศ ไม่ควรจะมีอะไรพวกนี้ แล้วมันจะเกิดความไม่สบายใจ และก็เห็นแล้วว่า เรามีรถ 3-4 คันมีนาฬิกาเป็น 10 เรือน คนที่อยู่ข้างเราตลอดเวลาเขาไม่มี คุณจะ Enjoy ได้อย่างไร ตกลงแล้วคุณ Enjoy กับการที่คุณได้ใช้ของดี หรือคุณ Enjoy เพราะคุณมีความรู้สึกว่าคุณได้อยู่เหนือคนอื่น

ผมมีความสุขกับคนที่มีน้อยกว่าและได้ร่วมกิจกรรมด้วยกัน

ชมคลิป

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022