เปิดปมฆาตกรต่อเนื่อง ตร.รวบ “แอม ไซยาไนด์” ล้างหนี้-หวังทรัพย์สิน หมายจับอดีตสามีด้วย

กลายเป็นเรื่องช็อกสังคมไปตามๆ กัน สำหรับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย

สำหรับกรณีการวางยาฆ่า ที่ล่าสุดยอดพุ่งถึง 15 ศพแล้ว โดยมีสาว “แอม” ตกเป็นผู้ต้องหา

ด้วยพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการลงมือ และเสียชีวิตในกลุ่มวงแชร์ กลุ่มคนสนิท หรือแม้แต่กระทั่งสามี โดยทั้งหมดมีอาการใกล้เคียงกัน คือหัวใจล้มเหลว หลังจากดื่ม หรือกินอาหาร หรือพบปะกับ “แอม” ขณะเดินทางไปทำธุระหรือทำบุญด้วยกัน

อำมหิตอย่างร้ายกาจ!!

และทั้งหมดจะเกี่ยวพันกับทรัพย์สิน เงินทอง ของเหยื่อที่หายปริศนา

ซึ่งหากครอบครัวของเหยื่อรายหนึ่งไม่ติดใจ ไปร้องเรียนให้สอบสวน เรื่องราวก็คงไม่แดงขึ้นมา จนลุกลามไปในการตรวจสอบว่ามีอีกนับสิบศพที่เป็นเหยื่อวางยามรณะครั้งนี้

เป็นเรื่องที่ต้องทำให้คลี่คลายว่ามีทั้งหมดกี่ศพ ที่เป็นเหยื่อ และมีใครอีกหรือไม่ที่รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องดังกล่าว

รวมทั้งดูแลไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ อันจะกลายเป็นภัยสังคมในอนาคต!!!

เก็บหลัฐาน

ช็อก!วางไซยาไนด์ฆ่าเพื่อน

สําหรับคดีหฤโหดครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน โดยครอบครัวของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย อายุ 32 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี เข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของ “ก้อย” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา โดยระบุว่าก้อยเสียชีวิตขณะไปปล่อยปลากับเพื่อนสนิท ที่ริมท่าน้ำแม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต่อมาเกิดเป็นลมวูบหมดสติ เสียชีวิตที่บริเวณศาลาประชาคมริมแม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มีทรัพย์สินส่วนตัวสูญหายไปกว่า 4 หมื่นบาท ทั้งนี้ ตอนแรกไม่ทราบว่าไปกับใคร

จนกระทั่งตรวจสอบวงจรปิด พบว่ามีหญิงคนหนึ่งขับรถพาไป และทราบว่าชื่อแอม หรือนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี โดยพบว่าเป็นภรรยาของนายตำรวจระดับรอง ผกก.ในพื้นที่ เกรงว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ขณะที่จากการตรวจสอบวงจรปิด พบว่า”แอม”ได้เดินทางไปกับ “ก้อย” จริง โดยเมื่อจอดรถโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ สีขาว ทะเบียน กต 9532 นครปฐม ที่ท่าน้ำ “ก้อย” เป็นคนเดินลงไปที่ท่าน้ำคนเดียว เพื่อจะปล่อยปลา แต่”แอม”กลับเดินไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะเดินวนกลับมา และเมื่อ “ก้อย” ล้มฟุบลงที่ท่าน้ำ กลับไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วย

สุดท้ายพบว่า “แอม” เดินลงไปท่าน้ำก่อนกลับขึ้นมา ในมือมีโทรศัพท์มือถือคล้ายกับของ “ก้อย” แล้วขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุทันที

ผิดวิสัยเพื่อนสนิทที่ไปด้วยกัน!!!

เมื่อสอบถามญาติของ “ก้อย” ระบุว่าเมื่อทราบว่าไปกับ “แอม” ก็พยายามติดต่อ แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง แถมตอนที่ก้อยออกไปนั้นมีเงินสด และกระเป๋าแบรนด์เนมที่หายไป ซึ่ง “แอม” ก็ให้การกลับไปกลับมา อ้างว่าปิดบังการไปทำบุญกับก้อย เพราะ “ก้อย” จะไปพบกิ๊ก และปฏิเสธไม่ทราบว่าทรัพย์สินของก้อยหายไปที่ไหน

ส่วนที่ไม่ไปช่วยเหลือเพราะว่าตั้งครรภ์ไม่สะดวกที่จะลงไปท่าน้ำ

เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์สารคัดหลั่งจากศพของ “ก้อย” ก็พบสารไซยาไนด์ในเลือด โดยมีปริมาณที่เป็นสาเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จึงเชื่อว่าเป็นการวางยาพิษโดย “แอม” เพื่อหวังผลเอาทรัพย์สิน

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง ก็พบว่ามีกรณีใกล้เคียงกัน มีเพื่อนที่สนิทสนม เล่นแชร์วงเดียวกัน หรือกระทั่งสามี ที่เสียชีวิตในลักษณะดังกล่าวนับสิบคน

ดูแล้วไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน!!!

นาทีจับแอม

พบเหยื่ออื้อ-พุ่งเกิน 15 ราย

เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานได้เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำกำลังบุกจับนางสรารัตน์ หรือแอม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1285/2566 ลงวันที่ 25 เมษายน โดยจับกุมได้ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กทม. ขณะที่แอมเดินทางมาร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ไม่ได้รับความเป็นธรรม

พร้อมคุมตัวสอบสวนที่กองบังคับการกองปราบปราม

ทั้งนี้ หลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การจับกุม ก็คือกระปุกสารพิษ โพแทสเซียมไซยาไนด์ ที่ค้นพบหลังบ้านของแอมเอง ทั้งนี้ ทราบว่าแอมได้นำถุงดำที่มีกระปุกไซยาไนด์ พร้อมสิ่งของอื่นๆ อาทิ กรอบป้ายทะเบียน บัตรเอทีเอ็ม และเอกสารการเสียชีวิตของนายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ หรือแด้ แฟนของผู้ต้องหา ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 12 มีนาคม 2566 ที่ จ.อุดรธานี ไปฝากไว้กับกลุ่มวัยรุ่น เพื่อให้ไปซุกซ่อน ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยึดเป็นหลักฐานได้

ขณะที่จากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่ามีอีกนับสิบศพ ที่เข้าไปเกี่ยวพันกับ “แอม” และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ที่เป็นพิรุธมากก็คือกรณีของ “แด้” แฟนหนุ่ม ที่คาดว่ามีลูกด้วยกัน โดยพบว่าหลังจากที่ “แด้” เสียชีวิต “แอม” ให้รถมูลนิธิไปส่งศพแด้ที่ จ.ราชบุรี ขณะที่เจ้าตัวอยู่ฉลองวันเกิดต่อ โดยไม่มีอาการสลด

เมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็ต้องตะลึง เมื่อพบว่าน่าจะมีเหยื่อของ “แอม” มากกว่า 15 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทยอยออกหมายจับ ในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 11 หมายจับ

ประกอบด้วย 1.คดีของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เท้าแชร์ 2.คดีของ พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ 3.คดีของ น.ส.รสจรินทร์ นิลห้อย หรือน้อยผัก 4.คดีของ ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ หรือผู้กองนุ้ย 5.คดีของนางมณีรัตน์ พจนารถ หรือครูต่าย 6.คดีของนายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ หรือแด้ 7.คดีของนายสุรัตน์ ทรพับ หรือบี 8.คดีของ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ หรือเอ๊ะ 9.คดีของ น.ส.นิตยา แก้วบุปผา หรือนิด 10.คดีของ น.ส.ผุสดี สามบุญมี หรือครูอ๊อด 11.คดีของนางจันทรรัตน์ วงศ์ไกรสิณ หรือจุ๋ม

อีก 1 หมายจับเป็นคดีพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คือ คดีของนางกานติมา แพสอาด หรือปลา

ส่วนอีก 3 คดี คือกรณีของ น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ หรือหนิม พื้นที่ จ.มุกดาหาร และคดีของ น.ส.ดาริณี เทพหวี หรือฟ้า ในพื้นที่ จ.นครปฐมนั้น และยังมีคดีที่เกิดในพื้นที่ สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2558 อีกหนึ่งคดี ที่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน

และยังไม่รู้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะไปหยุดที่ตรงไหน!!!

หมายจับอดีตสามี

แจ้งข้อหาอดีตสามี พ.ต.ท.ด้วย

และด้วยการก่อเหตุต่อเนื่องที่มีเหยื่อจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่ามีใครที่สมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ และในที่สุด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ศาลจังหวัดนครปฐมก็อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 2 ข้อหา อดีตสามีของแอม ประกอบด้วย ร่วมกันรับของโจร และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการและใช้เอกสารราชการปลอม

ก่อนที่ พ.ต.ท.วิฑูรย์จะเข้ามอบตัวกับ ตร.สภ.เมืองนครปฐม จากนั้นถูกคุมตัวไปสอบสวนที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ

โดยมีรายงานว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์เดินทางไปรับ “แอม” และขับรถเชฟโรเลต แคปติวา สีขาว ของนายแด้ จาก จ.อุดรธานี กลับมากรุงเทพฯ หลังจากนายแด้เสียชีวิต และร่วมกันนำรถยนต์ของนายแด้ไปจำนำใน จ.นครปฐม และยังพบว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม ไปร่วมก่อเหตุ 1-3 เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีของ “แอม” ก่อนหน้านี้

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบคดีดังกล่าว ระบุว่า ที่ออกหมายจับอดีตสามีที่เป็นตำรวจ เนื่องจากผลการตรวจค้นรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ที่แอมและอดีตสามีใช้ร่วมกันนั้น พบยาแคปซูลที่ระบุว่าเป็นยาสมุนไพร แต่จากการตรวจสอบตัวยาภายในพบว่ามีไซยาไนด์ผสมอยู่ด้วย อีกทั้งจากพฤติกรรมการก่อเหตุของแอม ที่มักจะลงมือก่อเหตุช่วงสุดสัปดาห์ คือวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เป็นหลัก หลังก่อเหตุยังมีพฤติกรรมการเดินทางออกนอกพื้นที่ไปค้างคืนที่ต่างจังหวัด คล้ายพยายามสร้างหลักฐานที่อยู่ให้ตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เชื่อว่าจะต้องมีคนคอยสอนและบอกให้ทำ เพื่อให้พ้นจากการตรวจสอบของตำรวจ

จึงต้องสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงหรือไม่

นอกจากนี้ ยังระบุว่า จากการสอบสวนทราบว่า “แอม” มีปัญหาติดหนี้บัตรเครดิต และติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร ซึ่งเกิดจากการเล่นพนันออนไลน์ ส่วนการหย่ากันของแอมและ พ.ต.ท.วิฑูรย์ เกิดจากเรื่องสถานะทางการเงินในครอบครัว

ทั้งนี้ จากการสอบสวนพฤติกรรม “แอม” คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเงิน เป็นการลงมือเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ และพบพฤติการณ์เข้าไปตีสนิทเหยื่อ ชวนลงทุน หยิบยืมเงิน จากนั้นเหยื่อก็จะเสียชีวิตปริศนา

ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งติดตามหาแหล่งซื้อไซยาไนด์ ซึ่งเป็นยาพิษในการก่อเหตุครั้งนี้ รวมทั้งสอบสวนต่อไปว่ามีเหยื่อเพิ่มขึ้นหรือไม่

เชื่อว่าคงจะได้ข้อสรุปโดยเร็วๆ นี้!!!