“พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์” แรงดูด พลังสูง คุณตาแม้ว ‘ขออนุญาต’ กลับมาเลี้ยงหลาน

เป็นความยินดีของครอบครัวชินวัตรอีกครั้ง

ภายหลังจากที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ให้กำเนิดทายาทคนที่สองอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังอุ้มท้องเดินสายหาเสียงทั่วไทยมาเกือบ 9 เดือน

โดยตั้งชื่อว่า “น้องธาษิณ-เด็กชายพฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์” ซึ่งสร้างความดีใจให้กับคนในครอบครัวชินวัตรและสุขสวัสดิ์เป็นอย่างมาก

ภายหลังจากคลอดลูกชาย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ได้โพสต์รูปคู่กับสามีและลูกชาย พร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Ing Shinawatra ระบุว่า

“สวัสดีครับ ผมชื่อเด็กชาย พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ชื่อเล่นชื่อ ‘ธาษิณ’ ครับ ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันนี้ คุณแม่รอแข็งแรงก่อนจะไปพบพี่ๆ สื่อมวลชนครับ”

โดยมีคนในครอบครัวเพื่อไทย แฟนคลับพรรค และคนดังในหลากหลายวงการร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก

 

ขณะที่คุณตา “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ได้ทวีตข้อความลงทวิตเตอร์ @ThaksinLive ต้อนรับหลานคนที่ 7 ของบ้าน ระบุว่า

“เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ”

รวมถึง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีศักดิ์เป็นอาของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ก็ได้ทวีตข้อความลงทวิตเตอร์ @PouYingluck โดยระบุว่า

“ดีใจที่สุด! ขอแสดงความยินดีกับหลานอิ๊งค์และปอนะจ๊ะที่ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าหลาน ‘ธาษิณ’ แล้ว หลังจากรอคอยอุ้มท้องหาเสียงด้วยความอดทนมานาน ขอให้หลานมีสุขภาพกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เข้มแข็งเหมือนแม่ และเชื่อว่าคุณตาคงอดใจรอจะอุ้มหลานไม่ไหว ส่วนอาก็รอวันที่จะได้อุ้มหลานนะ”

การลืมตาขึ้นมาดูโลกของพฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ยังไม่ทันพ้นวันก็เกิดกระแสดราม่าย่อมๆ ขึ้นมา หลัง “ซินแสเข่ง อาจารย์ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง” ผู้อำนวยการสถาบัน โหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ออกมาผ่าดวงลูกชายของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร แบบทันที

โดยระบุว่า “ดวงไม่เสริมบารมีแม่ให้ประสบความสำเร็จ”

ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของซินแสเข่งขึ้นในโลกออนไลน์ ที่มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม บางคนก็ถามหามารยาทและจรรยาบรรณ

ขณะเดียวกัน “เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ก็ได้ทวีตข้อความตอกกลับซินแสเข่ง ที่ออกมาทำนายดวงเด็กแรกเกิดออกสื่อ โดยที่พ่อแม่เขาก็ไม่ได้ขอ ว่า

“อ้างว่ามีวิชาโหร ใครเชื่อก็ว่าไป แต่เด็กเพิ่งคลอดไม่กี่ชั่วโมง พ่อแม่เขาก็ไม่ได้ขอให้ดูดวง ไปหยิบเอามาทำนายออกสื่อ ใจต้องสกปรกขนาดไหน เลอะเทอะฉิบหายเลย”

 

ล่าสุด 3 พฤษภาคม 2566 อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร พร้อมกับสามี ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่โรงพยาบาลพระราม 9 หลังคลอด “น้องธาษิณ พฤจ์ธาษิณ” พร้อมเล่าว่ามีอาการท้องแข็งตั้งแต่คืนวันที่ 29 เมษายน เดิมทีตั้งใจว่าจะคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ แต่ในช่วงเตรียมคลอด อัตราการเต้นหัวใจของน้องธาษิณตกลง ทีมแพทย์ที่เฝ้าดูอาการลงความเห็นว่าการผ่าคลอดจะปลอดภัยที่สุด ตนเลยตัดสินใจผ่าคลอดตามที่ทีมแพทย์แนะนำ

สำหรับชื่อ “พฤจ์ธาษิณ” ที่หลายคนให้ความสนใจนั้น เป็นการตั้งขึ้นมาเองจากชื่อของคนในครอบครัวทั้งคุณตาและคุณยาย โดย “พฤจ์” มาจากชื่อคุณหญิงพจมาน และ “ธาษิณ” มาจากชื่อของคุณตา ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากให้มีทั้งสองชื่ออยู่ในชื่อลูก เป็นชื่อที่มีความผูกพันกับคนในบ้านเป็นคอนเซ็ปต์หลัก

ส่วนกรณีที่คุณตาทักษิณทวีตข้อความขออนุญาตกลับมาเลี้ยงหลานคนที่ 7 และถูกลากไปโยงกับประเด็นทางการเมือง

อุ๊งอิ๊งกล่าวว่า คุณพ่อมีความตื่นเต้นและหวังจะมีโมเมนต์อยู่หน้าห้องคลอดบ้าง ก่อนหน้านี้เคยวางแผนตั้งแต่ตอนท้องน้องธิธารว่าอยากไปคลอดประเทศที่คุณพ่ออยู่ แต่ด้วยความยุ่งยากเรื่องเอกสารเลยต้องพับโครงการไป

“คุณตาเขาก็อยากจะเห็นหลานในวันแรกเกิดอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ท่านก็พูดอยู่หลายๆ โอกาส อิ๊งว่ามันเป็นโอกาสที่น่าหวังมากกว่าที่มีหลานคนใหม่ เกิดมาเขาก็อยากกลับแหละ มันเป็นสิ่งที่เขามีความหวัง แน่นอนในสิ่งที่เขาพูดมันก็ส่งผลในเรื่องของการเมือง แต่ในความรู้สึกของครอบครัว อิ๊งมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดที่จะหวัง ไม่ผิดเลยโดยเฉพาะวันที่บ้านมีเรื่องดีๆ”

“ตัวอิ๊งเองการที่พ่อจะกลับบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่อิ๊งกำลังเดินหาเสียงอยู่ โอเคมันแยกยากนิดนึงเพราะคุณพ่อเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แล้วก็มีหลายๆ คนที่ยังเชื่อในคุณพ่อ เชื่อในประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็ยังมีความหวัง ในขณะที่อิ๊งเป็นลูกเองก็ไม่สามารถตัดขาดได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น มันก็มีความหวังต่อเนื่องกันมา อันนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้กำหนด มันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ แต่ว่าแน่นอนค่ะว่าทุกวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น คุณพ่ออยากกลับมาเลี้ยงหลาน พูดมาตลอด เขาไม่เคยพูดว่า เขาอยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถูกไหม เขาอยากกลับมาเลี้ยงหลาน เขาพูดทุกครั้งที่อยากกลับมา เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นความจริงมันไม่เกี่ยวกันเลย แต่คนก็ชอบผูกให้มันเกี่ยวกันซึ่งก็ไม่แปลกค่ะ”

“อิ๊งว่าการที่คนเราไปอยู่ต่างประเทศแบบนั้น 17 ปีที่แล้ว แล้วคุณพ่อพูดว่าผมไม่มีวันได้กลับ จิตใจเขาจะเป็นยังไงเนอะ อันนี้ก็ขอแค่ความเข้าใจพื้นฐานความเป็นมนุษย์ค่ะว่า มนุษย์ต้องมีความหวัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม คุณพ่อก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความหวัง เพราะฉะนั้น อิ๊งดีใจที่ผ่านมาหลายปีเขายังหวังอยู่และเขายังพูดแบบนี้อยู่ อิ๊งว่าสิ่งที่เขามีความหวังเหล่านี้ทำให้เขาสุขภาพยังแข็งแรง จิตใจยังดีอยู่ ในทางกลับกันคนที่เชียร์คุณพ่อคนที่สนับสนุนครอบครัวเราก็มีความหวังไปด้วย ซึ่งอิ๊งคิดว่าความหวังเป็นเรื่องดี”

 

เมื่อถามถึงสิ่งที่น่าจับตาหลังจากนี้ จะเห็นภาพอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร กลับคืนเวทีไปช่วยลูกพรรคหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ อุ๊งอิ๊งกล่าวว่า ตนได้แจ้งทีมไปแล้วว่ามีอะไรขอให้บอกพร้อมช่วย แต่อย่างน้อยปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันที่ 12 พฤษภาคม ตนไปเข้าร่วมแน่นอน พร้อมเดินหน้าย้ำนโยบายเพื่อให้ประชาชนเห็นภาพที่ชัดเจนประกอบการตัดสินใจ ส่วนกรณีผลโพลที่พรรคก้าวไกลมีกระแสแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อกระแสความนิยมของพรรคอย่างไรบ้าง อุ๊งอิ๊งกล่าวว่า

“โพลบางอันก็เชื่อถือได้บางอันก็เชื่อถือไม่ได้ เพราะฉะนั้น ประชาชนต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณานโยบายของพรรค และภาพรวมว่าพรรคใดที่สามารถเปลี่ยนอนาคตของประชาชนได้จริงๆ เราลำบากมาหลายปีแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น เราจะไม่รอแล้ว เราต้องเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนประเทศ เลือกตั้งให้มีระบบเลือกตั้งให้มียุทธศาสตร์ เลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลาย ไม่ใช่ว่าต้องไปรอลุ้น เหมือนปี 2562 ที่เราได้เสียงข้างมากแต่เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เราลุ้นไม่ไหวแล้วไม่มีอะไรน่าลุ้นอีกแล้ว เราต้องเปลี่ยนเลย”

นอกจากดันตัวนโยบาย จะทำให้ตัวบุคคลมีกระแสเพิ่มมากขึ้นได้อย่างไร อุ๊งอิ๊งยังคงย้ำว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลก็พร้อมจะลุยไปพบพี่น้องประชาชนเท่าที่ทำได้ รวมถึงส่งตัวแทนของพรรคไปด้วย เพราะมีแคนดิเดตถึง 3 ท่าน ที่พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีและพร้อมจะทำเพื่อประชาชน

แม้จะมีภาระหน้าที่ในบทบาทของแม่น้องธาษิณเพิ่มขึ้นมาในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังร้อนแรงขึ้นทุกขณะ แต่อุ๊งอิ๊งก็ยังคงย้ำคำตอบเดิมของตนถึงความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

พร้อมกับความหวังที่จะได้เห็นคุณพ่อกลับมาเลี้ยงหลาน ตามที่หวังไว้เช่นกัน