เปิด ทุก ‘ความลับ’ ความลับ ของ โจรดอกเหมย เบื้องหน้า ‘อาฮุย’

บทความพิเศษ

 

เปิด ทุก ‘ความลับ’

ความลับ ของ โจรดอกเหมย

เบื้องหน้า ‘อาฮุย’

 

แรกทีเดียวเมื่อรับฟังบทสรุปของลี้คิมฮวงทั้งในแง่การสังเคราะห์ ทั้งในแง่การวิเคราะห์ และตั้งข้อสังเกต อาฮุยอาจรับฟังอย่างเงียบๆ

แต่พลันที่ประสบเข้ากับ “คัมภีร์” มันพลัน “ตาสว่าง”

เป็นความสว่างจากสถานการณ์ใน “อดีต” ประสานเข้ากับสถานการณ์ใน “ปัจจุบัน” พร้อมกับตัวอย่างอย่างเป็นรูปธรรม ณ เบื้องหน้า

จำเป็นต้องนำท่วงทำนองในแบบที่ลี้คิมฮวงสำแดงออกมาใช้

เพียงแต่กระบวนการพิสูจน์ทราบจากแต่ละพยานหลักฐานของอาฮุยอาจไม่ราบรื่น ปราดเปรียวเหมือนกับลี้คิมฮวง

ลี้คิมฮวงที่อยู่ในสถานะแห่ง “ลี้ถ้ำฮวย”

น่าสนใจก็ตรงที่กระบวนการนำเสนอของอาฮุยดำเนินไปในท่ามกลางการโต้แย้งของลิ้มเซียนยี้

เหมือนกับจะเป็นมวยคนละชั้น กระบวนท่าคนละเชิง

กระนั้น การไล่เรียงแต่ละพยานหลักฐานก็มาจากการจัดระบบอย่างเป็นกระบวนการในแบบของอาฮุยเอง

ต้องอ่าน

 

ท่านรอคอยข้าพเจ้าอย่างไร ท่านทราบดีว่าข้าพเจ้าพอเข้าตัวตึกของซิงเล่าซาก็ไม่มีวันได้กลับออกมาอีก

ขณะที่แป๊ะเฮี่ยวเซ็งกับเสียงงักมอบคัมภีร์เสียวลิ้มยี่ให้แก่ท่าน

ท่านก็ใช้ให้พวกมันขุดหลุมพราง วางกับดักในห้องของซิงเล่าซา ท่านมิเพียงคิดร้ายต่อข้าพเจ้า ทั้งยังมุ่งร้ายต่อลี้ชิ้มฮัว

ย่อมเป็นท่าน นอกจากท่านแล้วไม่มีผู้ใดทราบว่าข้าพเจ้าจะไปหาซิงเล่าซา

(ลิ่มเซียนยี้เอามือปิดหน้า ร่ำไห้ รำพันว่า “แต่เหตุใด ข้าพเจ้าจึงคิดร้ายต่อท่าน เพราะเหตุใด”)

ทั้งนี้ เพราะท่านคือ “โจรดอกเหมย”

มิผิด ท่านคือ “โจรดอกเหมย” คนที่ถูกข้าพเจ้าฆ่าตายเพียงถูกท่านใช้เป็นเป้าอำพราง เป็นหุ่นเชิดที่ใช้หันเหความสนใจของผู้คน

ท่านทราบว่าเสื้อเกราะใยทองตกอยู่ในเงื้อมมือลี้ชิ้มฮัว

ท่านทราบว่าลี้ชิ้มฮัวไม่หลงกลท่าน ดังนั้น พบว่าตัวเองอยู่ในสถานะอันล่อแหลม ค่ำคืนนั้นจึงจงใจนัดหมายลี้ชิ้มฮัวมายังที่อยู่ของท่าน

ท่านใช้ให้หุ่นเชิดนั้นจงใจลักพาตัวท่านไป

จุดประสงค์เพื่อให้ลี้ชิ้มฮัวช่วยเหลือท่าน ให้ลี้ชิ้มฮัวฆ่าหุ่นเชิดนั้น รอจนผู้คนทั้งแผ่นดินเข้าใจว่า “โจรดอกเหมย” ตายแล้ว ท่านก็จะนอนตาหลับ ปราศจากความกังวลใดๆ ท่านมิเพียงคิดหลอกใช้ลี้ชิ้มฮัว

ยังใช้ให้เพื่อนพ้องท่านเป็นปีศาจตายแทน

แต่ท่านคาดคิดไม่ถึงว่า ลี้ชิ้มฮัวประสบเหตุไม่คาดหมาย ถูกเล้งเซ่าฮุ้นสยบไว้ ยิ่งคาดคิดไม่ถึงว่าข้าพเจ้าจะช่วยเหลือท่าน

(“หากข้าพเจ้าเป็นโจรดอกเหมยไยต้องช่วยเหลือท่าน” เป็นถามจากลิ้มเซียนยี้)

ทั้งนี้เพราะตอนนั้นเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นท่านยังคิดหลอกใช้ข้าพเจ้า ดังนั้น ท่านซุกซ่อนข้าพเจ้าไว้ที่นี้กลับไม่มีผู้คนมาตรวจค้น

ตอนนั้นข้าพเจ้าเริ่มระแวงสงสัยแล้ว

 

ต้องยอมรับอาฮุยแม้จะเติบใหญ่ในป่าเขา รกเรื้อ ห่างไกลความเจริญ แต่มันมิได้เป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา

เพียงแต่มันตกอยู่ใน “โมหะ” อันเท่ากับ “ความหลง”

คำถามอยู่ที่ว่าระหว่าง 1 ลิ่มเซียนยี้ กับ 1 เล้งโซ่วฮุ้น ทุกอย่างดำเนินไปในลักษณะ “สมคบคิด” หรือไม่

เพราะทุกอย่าง “คล้าย” กับดำเนินไปอย่างเหมาะเจาะ

ขอให้พิจารณาจากคำถามของลิ้มเซียนยี้ที่ว่า “ท่านเห็นว่าเล้งเซ่าฮุ้นและพวกเป็นคนสมรู้ร่วมคิดกับข้าพเจ้า”

คำตอบจากอาฮุยเฉียบขาดอย่างยิ่ง

“พวกมันย่อมไม่ล่วงรู้แผนการของท่าน เพียงแต่ถูกท่านหลอกใช้ อย่าว่าแต่เล้งเซ่าฮุ้นริษยาอาฆาตลี้ชิ้มฮัวตั้งแต่แรก มันทำเช่นนี้เพื่อตัวมันเอง”

“คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นลี้ชิ้มฮัวสอนให้ท่านกล่าว”

“ท่านเข้าใจว่าบุรุษทั้งแผ่นดินล้วนเป็นตัวโง่งม ล้วนถูกท่านล่อลวงได้ ในใจท่านอาจเพียงครั่นคร้ามต่อลี้ชิ้มฮัวคนเดียว ดังนั้น เพียรพยายามกำจัดเขา ท่านมิเพียงใจดำอำมหิต มิหนำซ้ำ ละโมบไม่สิ้นสุด

แม้แต่คัมภีร์วิชาฝีมือของเสียวลิ้มยี่ท่านล้วนคิดครอบครอง กระทั่งหลวงจีนเสียวลิ้มยี่ท่านก็ไม่ยอมปล่อยปละละเว้น

ข้าพเจ้าไม่ได้ดูท่านผิด”

 

มาถึงตอนนี้จำเป็นต้องพลิกไปหา “ฤทธิ์มีดสั้น” สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง เริ่มจาก น้ำตาของลิ่มเซียนยี้หลั่งไหลลงอีกแล้ว

นางเดินมาหาอาฮุย เดินช้าอย่างยิ่ง

แต่ฝีเท้ากลับมั่นคงอย่างยิ่ง คล้ายดั่งตกลงใจแน่แน่วแล้ว ลมกำลังกระโชกรุนแรง เปลวไฟในดวงโคมสั่นไหว

แสงสั่นไหววูบวาบ ส่องต้องใบหน้าสะคราญที่ซีดจางของนาง

สาดส่องต้องน้ำตาอันสุกใสของนาง นางเหม่อมองอาฮุยจนซึมเซา เนิ่นนาน เนิ่นนานให้หลังจึงกล่าวเสียงละห้อย

“ข้าพเจ้าทราบว่าท่านมาเพื่อฆ่าข้าพเจ้า ใช่หรือไม่”

อาฮุยกำหมัดแนบแน่น เม้มปากแนบแน่น ลิ่มเซียนยี้พลันฉีกอกเสื้อนางออก เผยเห็นอกอูมที่ขาวเป็นยองใยราวหยกเนื้อดี

นางชี้กลางทรวงอก “ที่เอวท่านมีกระบี่ไฉนยังไม่ลงมือ ข้าพเจ้าเพียงหวังให้ท่านแทงเข้าไปในที่นี้”

มือของอาฮุยกำด้ามกระบี่ไว้แนบแน่น

ลิ่มเซียนยี้พริ้มตาลง กล่าวเสียงนุ่มนวล “ท่านรีบลงมือเถิด ได้ตายกับมือท่าน ข้าพเจ้าแม้ตายก็ยินยอม”

ทรวงอกของนางสะท้อนขึ้นลง

คล้ายสั่นระริกอยู่เบาๆ ขนตางอนยาวของนางพริ้มคลุมหนังตามีหยาดน้ำสุกใสติดอยู่ 2 หยด

อาฮุยไม่กล้ามอง หลุบตามองกระบี่ กระบี่ที่ไร้หัวใจ เย็นและคมกริบ

อาฮุยขบกรามเค้นเสียง “ท่านยอมรับโดยสิ้นเชิงแล้ว”

ลิ่มเซียนยี้ลืมตา เพ่งมองอาฮุยแน่วนิ่ง ในประกายตาของนางเปี่ยมความรันทดหดหู่ เปี่ยมความโศกเศร้าเสียใจ

เปี่ยมความรัก และก็เปี่ยมความแค้น

ในโลกนี้ต้องไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นสะเทือนใจได้รุนแรง ยิ่งกว่าประกายตานางอีกเล้ว มุมปากของนางปรากฏรอยยิ้มอันรันทดขึ้นเล็กน้อย

“ท่านเป็นคนเดียวที่ข้าพเจ้ารักมากที่สุด หากแม้กระทั่งท่านยังไม่เชื่อถือข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีชีวิตก็ไร้ความหมาย ขอเพียงท่านมีความเห็นข้าพเจ้าเป็นบ๊วยฮวยเต๋า ขอเพียงท่านมีความเห็นข้าพเจ้าเป็นสตรีที่ชั่วร้ายอำมหิตผู้นั้น

ท่านก็ฆ่าข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้า ไม่ขุ่นแค้นท่านเด็ดขาด”

 

เบื้องหน้าสถานการณ์เช่นนี้ “โกวเล้ง” วาดภาพของอาฮุยออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผ่านสำนวน ว. ณ เมืองลุง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผ่านสำนวน น.นพรัตน์

ล้วนน่าติดตาม

ติดตามเพื่อทำความเข้าใจ “อาฮุย” ติดตามเพื่อทำความเข้าใจ “โกวเล้ง” ติดตามเพื่อทำความเข้าใจตัวเราเอง

เบื้องต้นอาฮุยไม่กล้ามองนาง หลุบตามองกระบี่ของตัวเอง

ต่อมามือของอาฮุยกำกระบี่แนบแน่นกว่าเดิม จนข้อนิ้วซีดขาว หลังมือมีเส้นเอ็นขึ้นเขียว ด้ามกระบี่แข็งแกร่ง เย็นยะเยียบ

ด้ามกระบี่แข็งแกร่งและเย็นเฉียบ

มือของอาฮุยกลับเริ่มสั่นระริก นี่เป็นกระบี่ที่ไร้น้ำใจ กระบี่ที่ไร้น้ำใจ แต่คนเล่า คนไหนเลยไร้น้ำใจได้

เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า “บทจบ” จะดำเนินไปอย่างไร

 

โคมไฟดับไปแล้ว แต่ยามอยู่ในความมืด บุคลิกอันงามเฉิดฉายของลิ้มเซียนยี้ยิ่งชวนรัดรึงใจ นางไม่ได้กล่าววาจา

แต่ในความมืดที่สิ้นหวัง เสียงลมหายใจของนางฟังดูคล้ายเสียงกระซิบอันนุ่มนวล

คล้ายกับเสียงครวญครางที่ชวนให้ผู้คนใจแหลกลาญสลาย ในโลกยังมีพลังอันใดที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังแห่งความรักอีก

ยามเผชิญหน้ากับสตรีเช่นนี้

เผชิญหน้ากับอารมณ์ ความรู้สึกที่รุนแรงที่สุดในชีวิต เผชิญหน้ากับความมืดมิดที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้ กระบี่ของอาฮุยใช่ยังแทงออกไปได้หรือไม่

กระบี่ไร้น้ำใจ คนกลับมากรัก