‘ว่างเปล่า’ | ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

แสงแดดของเวลาบ่ายสี่โมง ทอทาบกับทุ่งหญ้าเล็กๆ ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยแนวป่าทึบ บริเวณทุ่งหญ้าอยู่ในสภาพแสงเงางดงาม แสงยามบ่ายในช่วงฤดูฝน ที่ฝนทิ้งช่วงไปสักสอง-สามวัน สวยงามเช่นนี้เสมอ

ทุ่งหญ้าสวยงาม ถูกห่มคลุมไว้ด้วยความเงียบ ไร้เสียงเก้ง เสียงนก ไม่มีแม้แต่เสียงกระรอกที่จะคอยเฝ้าระวังภัย

บรรยากาศแห่งความเงียบ รวมทั้งทุ่งหญ้าว่างเปล่า เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เช้า จะว่าไป ไม่เพียงแค่เช้าวันนี้หรอก ผมอยู่ในซุ้มบังไพร ในบรรยากาศแบบนี้มาแล้วร่วมสัปดาห์

ผมมาถึงที่นี่ วันแรกฝนตกตลอดวัน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฤดูฝน เป็นเรื่องปกติที่โป่ง หรือแหล่งอาหารเสริมที่สัตว์ป่าต้องการ จะไม่คึกคักสักเท่าใด

นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่อาหารขาดแคลน

 

ถึงวันที่สี่ ฝนก็หายไป ในความว่างเปล่า สภาพแสงในช่วงเช้าและบ่าย สวยงาม ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตจะลงมากินน้ำในแอ่งน้ำซับเล็กๆ

ผมมีเวลาจดบันทึกในสมุดบันทึก ผมเขียนเรื่องราวซ้ำๆ เหมือนที่เคยเขียนในช่วงเวลานี้ของทุกปี

อาหารมีอยู่ทุกหนแห่ง น้ำมีทั่วไป หน่อไม้ในดงไผ่เชิงเขาโผล่พ้นดิน ฝูงสัตว์ป่ารู้ พวกมันได้รับการถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ต่อๆ กันมาจากบรรพบุรุษ รู้ว่าช่วงเวลาใดจะไปที่ไหน

ไม่ใช่ช่วงเวลาอันยากลำบากของสัตว์ป่า

สำหรับผม ช่วงเวลานี้ คือเวลาเรียนอีกบทหนึ่ง

 

สภาพแสงสวยงาม จนอดไม่ได้ที่จะมีจินตนาการ จะสวยเพียงใดนะ ถ้ามีช้างสักโขลงมายืนตรงแสงสวยๆ นั่น และถ้าเสือดาว หรือเสือโคร่งมาหมอบกินน้ำใกล้หินก้อนนั้นล่ะ แสงที่ส่องมาจากทางด้านหลังคงทำให้เกิดเงาสวยที่ปลายขนของเสือแน่

ภาพในใจเช่นนี้ ช่วยทำให้เวลาของการเฝ้ารอกับความว่างเปล่า คล้ายจะผ่านไปเร็ว

แต่อย่างนั้นก็เถอะ ผ่านไปหลายวัน ผมเริ่มรู้สึกถึงความคับแคบของซุ้มบังไพรมากขึ้น และหากบังเอิญมีนกเล็กๆ สักตัวมาเกาะกิ่งไม้ตรงหน้า ผมพิถีพิถันอย่างมากในการกดชัตเตอร์ อยากบอกนกด้วยซ้ำไปว่า อย่าเพิ่งรีบไปนะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน

นกไม่ได้ยินหรือสนใจผมหรอก ครู่เดียวก็บินไปทำหน้าที่ของมัน

 

ป่าคือบ้านของเหล่าสัตว์ป่า ผมเข้ามาอยู่ในสังคมของพวกมัน ซึ่งแน่นอนว่า ผมคือสิ่งแปลกปลอมอันไม่น่าวางใจ เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกร้องให้นกอยู่เป็นเพื่อน การที่พวกมันยินยอมให้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นสิ่งดีที่สุดแล้ว

ผมยอมรับความจริงมานานแล้วว่า ไม่ว่าจะซ่อนตัวอย่างแนบเนียนมิดชิดแค่ไหน สัตว์ป่าก็สัมผัสได้ไม่ยาก กลิ่นกายของคน เป็นกลิ่นกายของนักล่า ที่สัตว์ป่าจะหลีกเลี่ยงเสมอ

ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเข้ามาในสังคมของพวกมัน โดยถือสิ่งใดอยู่ในมือ

 

การคิด หรือรู้สึกแบบเดียวกับสัตว์ คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีโอกาสได้พบกับสัตว์ป่าบ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมรับให้อยู่ในหมู่พวกมัน

ความเข้าใจ ทำให้ “ระยะห่าง” ของเราสั้นลงเท่านั้น

ในฤดูกาลที่สัตว์ป่ามีอาหารสมบูรณ์อย่างนี้ ข้อดีของการอยู่ในซุ้มบังไพรคือ แสงสวยงาม รวมทั้งแมลงมีไม่มาก อากาศไม่ร้อนอบอ้าว ในซุ้มบังไพรเรียกได้ว่า สบายพอสมควร

นี่ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมสำหรับการบันทึกภาพสัตว์ป่า

เป็นเวลาที่จะได้อยู่ในบรรยากาศดีๆ

เรียนรู้ ทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ในตัวเอง

ลิงวอก – หลังฝนตก ลิงหนุ่มๆ จับคู่ฝึกซ้อมการต่อสู้

แคมป์อยู่ติดลำห้วยสายเล็ก พื้นล่างเป็นทรายและกรวด สายน้ำไหลกระทบก้อนหินใหญ่น้อย เย็น ใส แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฝน อีกทั้งใบไม้ในป่า ไม่หนาทึบนัก กลางคืน แคมป์อยู่ใต้ท้องฟ้าใส ดาวส่องประกายระยิบ

เช้ามืด ผมใช้เวลาราว 45 นาที เดินถึงซุ้มบังไพร

แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงถึงหญ้าเขียวๆ ตอน 7 โมงเช้า

นกเขาเปล้า นกหกเล็กปากแดง ซึ่งจะวนเวียนอยู่รอบๆ รวมทั้งนกกระเต็นอกขาว ก็หายไป พวกมันคงมีแหล่งอาหารอันน่าสนใจกว่า

เหมือนอย่างทุกวัน ผมนึกถึงความสวยงาม ถ้ามีสัตว์สักตัวเข้ามาในบริเวณแสงสวยนั้น

 

วันนี้ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนกลับมาแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มตั้งแต่เที่ยง และฝนตกจนถึงบ่ายสามโมง

ฝนจางหาย ผมมองออกไปในดงหญ้าเขียวๆ ลิงวอกหลายตัวเดินออกมาจากชายป่า ขนเปียกชุ่ม หลายตัวขึ้นไปบนต้นไม้เตี้ยๆ สอง-สามตัวจับคู่ฝึกซ้อมการต่อสู้

ฝูงลิงทยอยเดินจากไป ผมเก็บของ เดินกลับแคมป์ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด

 

ดวงจันทร์เสี้ยวบางๆ ของคืนขึ้นสองค่ำ อยู่ท่ามกลางดาวระยิบ

พรุ่งนี้ผมจะเดินไปซุ้มบังไพรอีก

การอยู่ในซุ้มบังไพรแคบๆ เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักตัวเองคือ บทเรียนที่ดี

ผมเริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพสัตว์ป่า

วันหนึ่ง ป่าและสัตว์ป่า ก็สอนให้ผมรู้ถึงความหมายของความ “ว่างเปล่า”… •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ