“แม่ร่วมบุญ” | เรื่องสั้น : กาฝาก

“แม่ร่วมบุญ” | เรื่องสั้น

กาฝาก

 

เสียงนกกาเหว่าร้องเรียกชื่อตัวเองอยู่บนต้นจามจุรี

ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับนกกาเหว่าถูกเก็บซุกอยู่ในกำปั่นรวมกับตำราทำนายฝันและตำราพรหมชาติ เป็นเวลานานมากแล้ว

เพลงกล่อมเด็กให้เกียรติใส่ชื่อนกกาเหว่าไว้ในบทเพลง

หูฟังทำหน้าที่ท่อลำเลียงส่งเสียงเพลงสุนทรียศาสตร์จากเทคโนโลยีสมาร์ตโฟนรุ่นที่ 5 ด้วยถ้อยภาษาและการเรียบเรียงเสียงประสานนอกบรรทัด 5 เส้น ไปสู่โสตประสาท นวัตกรรมหุ่นยนต์อุตสาหกรรม

ใต้ต้นจามจุรีขนาดยักษ์แผ่กิ่งขนาดใหญ่ยื่นไปรอบทิศทาง แสงแดดลอดลงมาได้เพียงรำไร โปรยใบสีเหลืองอ่อนห่มคลุมโคนต้น ใกล้เวลาเห็นฝักแก่สีน้ำตาลไหม้หล่นเกลื่อนพื้น ลานดินค่อนข้างโล่งเตียนเพราะล้อรถยนต์บดย่ำเพื่ออาศัยหลบแดดภายใต้เงารูปทรงกลม

ฤดูฝนเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ดินยังหมาดนุ่ม หญ้าสดเขียวเร่งรีบทำงานเตรียมตัวรับมือความแล้งแห่งคิมหันตฤดูอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พลังงานถูกรวบรวมเก็บสะสมไว้ในฝอยราก ทยอยใช้อย่างประหยัดรอให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากของฤดูกาลเหมือนเช่นทุกปี

 

ตู้ปันสุข-ตั้งวางหน้าบ้านคนใจดี สถานที่เปิดโล่งสาธารณะ ทางผ่านคนเดินคุ้ยเขี่ยควานหาความหวังรางๆ และอื่นๆ เปิดตัวราวกับพายุฝนต้นฤดู เมื่อโรคห่าระบาดเบาๆ รอบที่ 1 ค่อยๆ ซบเซาลงรอบที่ 2 หายวับไปรอบที่ 3 เป็นที่แน่ชัดว่าสาบสูญรอบที่ 4 หลังเกิดไวรัล ตู้ปันสุขถูกยกเค้าเมื่อรอบที่ 2-3

พ่อค้าวัคซีนตีราคาชีวิตไว้ที่สี่แสนบาทขาดตัวต่อคน

คุณหมอวางเข็มฉีดยาไว้บนกองเสื้อกาวน์ ลุกขึ้นตอบข้อซักถามแทนรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวเนื่องกับความไม่โปร่งใสวิธีการจัดหาวัคซีนมาใส่แขนประชาชนพลเมือง

ผู้คนวัยต่างๆ นัดรวมตัวทำกิจกรรมกลางถนนเพื่อทวงถามสัญญาปากเปล่าผ่านเพลงฝันของนายกรัฐมนตรี ตำรวจจากสถานีต่างๆ นัดรวมตัวกันตั้งแถวเข้าควบคุมการทำกิจกรรมตามยุทธวิธีสากลโลก ก่อนถูกหักค่าแรงส่วนหนึ่งเข้ากองกลางอันไม่สอดคล้องความเป็นจริง

พระภิกษุสองรูปชักชวนกันแสดงธรรมเทศนาผ่านการถ่ายทอดสด มียอดผู้ตามดูเรือนแสน กลายเป็นกระแสคลื่นความร้อนรบกวนใจผู้ศรัทธา ขณะที่สินค้าแบรนด์ดังระดมสรรพกำลังร่วมอนุโมทนา

ชาวบ้านถามหาความเหมาะสมแก่สมณสารูป

ชาวบ้านร่วมกับสื่อสาธารณะแห่ชื่นชม เป็นการแสดงกุศโลบายธรรมโน้มน้าวกวักมือเรียกให้วัยรุ่นหลั่งไหลเข้าวัดได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติการเผยแผ่ศาสนธรรมร่วมสมัย

คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร นิมนต์เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ประชาชนกล่าวโทษเรื่องความไม่สำรวมเพื่อหาข้อยุติตามข้อตกลง และ…พบกันครึ่งทาง

หมายความว่าสำรวมครึ่ง ไม่สำรวมครึ่ง

 

“ฉลาดเกินนกกาเหว่า” เจ้าของรถกระบะเอารถเข้ามาจอดนอนรอของมาส่ง…บอกพร้อมกับขยายความต่อ…

“มันแอบไข่ไว้ในรังอีกาแล้วเขี่ยไข่อีกาทิ้งเท่าจำนวนที่มันไข่เพื่อหลอกเจ้าของรังให้หลงเข้าใจผิดว่าเป็นไข่ตัวเอง” ฟังคำบอกเล่าด้วยน้ำเสียงช่างเศร้าหดหู่ใจจริงๆ

คำให้การของเจ้าของรถกระบะที่ว่า ฉลาดเกินนกกาเหว่า แปลว่านกกาเหว่าทั่วไปไม่ฉลาด หรืออาจตีความเป็นพหุนัยอย่างอื่นได้อีก ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ความฉลาดเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ช่วยส่งเสริมสนับสนุนความมีอยู่ของคอร์รัปชั่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มเผ่าพันธุ์แพร่กระจายได้รวดเร็ว ยึดครองโลกรัวๆ หากเปรียบเทียบเชิงปริมาณที่พบเห็นชินตา อีกามีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัวแน่นอน

เสียงร้องของนกกาเหว่าบอกได้เพียงว่ามีนกกาเหว่าหนึ่งตัว สองตัว…เกาะอยู่แถวนั้น ตามหาตัวได้ยาก ตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์จนล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ใครเคยเห็นเจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟักแบบตัวเป็นๆ

แหงนคอตั้งบ่าจนคอเคล็ด มองหาตัวมันให้เจอสิ

ความฉลาดของนกกาเหว่า มันจะไม่บินลงต่ำ ไม่ชอบใกล้ชิดคน ยอดไม้สูง ใบไม้ดกหนา พรางตัวด้วยลวดลายลวงตาจากขนมอซอ คือที่หลบซ่อนของเจ้าหัวขโมยจอมเจ้าเล่ห์

“พอฟักออกมาเป็นตัว ลูกนกกาเหว่าทั้งเบียดทั้งดันเพื่อให้ลูกอีกาตกจากรัง” เจ้าของรถกระบะชวนไปดูหลักฐานยืนยันประจักษ์พยาน สีหน้าเหมือนคนเบื่อโลก บ่นพึมพำ

“สืบสันดานความคดโกงโดยสายเลือด”

เปลือกไข่กับซากลูกนกแห้งกรัง ร้องขอความเป็นธรรมอย่างน่าสงสาร อีกไม่นานจะพอกพูนก่อตัวเป็นจอมปลวก ถัดจากนั้นจะแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์ไม่เป็นธรรม

ผู้ถูกกระทำย่อมเป็นฝ่ายถูกกระทำ

คนเชื่อกันมานาน ถ้าอีกายกพวกมาจิกตีกันใกล้บ้านหรือบนหลังคา ถือว่าเป็นอัปมงคล ต้องรีบนิมนต์พระมาทำพิธีปัดรังควานขับไล่ความชั่วร้ายโดยไม่ชักช้า

รถเข็นของเอาของมาจอดเทียบท้ายรถกระบะ วัยรุ่นสองคนช่วยกันยกขึ้นรถ งานใช้แรงที่คนไทยไม่ถนัด เพราะไม่หมั่นท่องจำข้อความเตือนใจ “อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย”

ของชิ้นหนึ่งกลิ้งหล่นจากรถ เขาเถียงกันด้วยภาษารู้เฉพาะกลุ่มชน

“ในสองคนนี้ วันข้างหน้าจะมีคนใดคนหนึ่งได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้บริหารระดับสูง” เจ้าของรถกระบะไม่ตำหนิเด็กทำของตกต่อหน้าต่อตา

“เป็นประจำ” เขายืนยันว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก

นอกจากรู้จริงเรื่องนกกาเหว่าแล้ว ยังรอบรู้ตำรานรลักษณ์ศาสตร์ด้วย เมื่อถามว่า คนไหน เขาเฉลยคำตอบทันทีทันใด

“คนทำผิดแล้วไม่ยอมรับ…”

เดชะบุญ สองเขากับสองเราพูดคนละเผ่าภาษา

รถกระบะเคลื่อนถอยออกไปตามทางที่เข้ามา ทิ้งรอยล้อเป็นร่องลึกเพราะน้ำหนักรถเพิ่มขึ้นเมื่อสักครู่ ทิ้งร่มเงาจามจุรีไว้ตรงนั้น ลืมเรื่องเล่าเกี่ยวกับนกกาเหว่าเจ้าปัญญากับอีกาผู้โง่เขลาไว้ชั่วขณะ อีกไม่กี่วันหญ้าจะขึ้นคลุมจนมองไม่เห็น แต่รอยนั้นจะยังอยู่ในสภาพเดิมใต้พงหญ้าโตวันโตคืน

เวลาใกล้โพล้เพล้มักมีคนนำเสื่อมาปูนั่งพักผ่อน คุยกันไป ตบยุงกันไป ไม่มีสักคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมใต้ต้นจามจุรียุงจึงชุกชุมยิ่งนัก

รอยของล้อรถเป็นแอ่งขังน้ำ

เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้ดี ฯลฯ

เสียงนกกาเหว่าร้องเรียกชื่อตัวเองดังมาจากยอดจามจุรียักษ์

อีกาบินไปเกาะข้างรังของมัน มองดูไข่ยังอยู่ครบ

มันร้องเรียกชื่อตัวเอง

หมาไร้บ้านเดินไปที่กองซาก ล้มตัวลงกลิ้งเกลือก สี่ขาชี้ฟ้าตะกายอากาศวืดวาด มันกำลังฉีดน้ำหอม

 

เป็นอีกครั้งที่ต้องเอาความคิดร้ายๆ มาทบทวน วันใดหลังฝนตกหนัก ไปเดินดูรอบๆ บ้าน ใบอ่อนของต้นไม้มอบความอ่อนโยนละมุนตา เม็ดฝนค้างใบสะท้อนประกายวิบวับ ไอเย็นโรยมารินๆ ลมหายใจชุ่มฉ่ำส่งออกมาจากต้นไม้ทุกต้นทั้งไม้ดอกไม้ใบ

นั่นเป็นโรงงานผลิตออกซิเจนขนาดกลาง

“อยู่ในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หันหน้าไปที่โล่ง สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด ค้างไว้สี่วินาที ผ่อนลมหายใจออกมาให้หมด ช้าๆ ทำกลับไปกลับมาครั้งละหนึ่งนาที วันละสามครั้ง พยายามทำทุกวันเป็นกิจวัตร”

แพทย์เฉพาะทางแนะนำวิธีปฏิบัติตัวบรรเทาอาการภูมิแพ้เรื้อรัง

“ปลูกต้นไม้รอบบ้าน เลือกไม้ใบเป็นหลัก” เพื่อนที่เป็นหมออีกคนบอกพร้อมกับพูดถึงประโยชน์มหาศาลของต้นไม้

“ต้นไม้เป็นเพื่อนชีวิต” เขาสาธยายประโยชน์และความสำคัญของต้นไม้และใบไม้ไว้ไม่น้อยกว่าสิบสองอย่าง เน้นที่ข้อสำคัญคือ

“ใบไม้เป็นโรงงานผลิตออกซิเจน ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน”

ไม้ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนละมุนก็น่าจะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ คิดตามจริตคนรักไม้ดอก

รอบบ้านจึงเต็มไปด้วยไม้ใบกับไม้ดอกในปริมาณใกล้เคียงกัน

 

“ต้นอะไร?…” เวลาออกมานั่งรับลมที่ระเบียงชั้นสอง ข้อสงสัยนี้หวนกลับมาตั้งเป็นคำถามซ้ำๆ มีหลายคนบอกว่าใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปแล้วส่งไปถามกูเกิล ช่างมัน

หักกิ่งเอาไปถามยามหน้าประตูง่ายกว่าไหม

ไม่ได้สิ ทำอย่างนั้นไม่ได้

“รักต้นไม้ทุกต้นเหมือนคนที่เรารัก”

นี่ก็เป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง

“เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว”

ถ้าหักกิ่งสะเทือนไปถึงไหน

เห็นครั้งแรกเป็นเวลาค่ำแล้ว ไฟระเบียงไม่ได้เปิด มันโผล่ใกล้ท่อน้ำทิ้ง

“สวัสดี สบายดีไหม”

ระหว่างสามเดือนของฤดูแล้งต้องคอยรดน้ำต้นไม้วันเว้นวัน ย้ายกระถางเปลี่ยนที่ตั้งให้ต้นที่ไม่สู้แดด ค่อยๆ เรียนรู้นิสัยของต้นไม้แต่ละต้น เอาใจซะขนาดนี้ หลายต้นทยอยตายไม่บอกลา

เข้าปีที่ห้าหรือที่หก เจ้า “ต้นอะไร” ยังอยู่ดี ไม่เคยให้น้ำสักหยด เศร้าใจทุกครั้งที่จำใจหักต้นโยนลงข้างล่างปล่อยให้แห้งกรอบอย่างน่าสยดสยอง

อยากขึ้นผิดที่ผิดทางเองนี่นา

ลืมๆ สักพัก เห็นโผล่ขึ้นมาใหม่ตรงที่เดิม ลำต้นเดิม แตกก้านเล็กกระจิ๋วหลิว ใบสดมันวาวสะท้อนแสงสว่างไฟทางในหมู่บ้าน

เหมือนได้รับพลังความห่วงใยกลับคืนมา โรงงานเล็กๆ เริ่มจ่ายออกซิเจนได้เพียงนิดหน่อย นึกตำหนิตัวเอง เวลาที่ผ่านมาเฝ้าแต่ทวนถาม “ต้นอะไร” ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวจะถามว่า “หิวน้ำไหม” ขณะที่ต้นไม้ส่งมอบอากาศบริสุทธิ์ให้ด้วยความนอบน้อมเต็มใจและพวกมันถูกหักทิ้งในวันที่กำลังขยายโรงงานเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างเร่งรีบ

บ้านหลังติดกันก็มี “ต้นอะไร” ขึ้นขอบระเบียง เป็นพุ่มใหญ่ใบดกเขียวเข้มเป็นคนละชนิด หากินเก่ง ชอบความโลดโผน เอียงลำต้น 45 องศาพ้นชายคา แหงนหน้าคุยกับท้องฟ้า เกรงว่าจะหักหล่นใส่กรงหมาข้างล่างเพราะต้นใหญ่จะต้านแรงโน้มถ่วงของโลกไม่ไหว

ไม่หรอก มันใช้รากเป็นแขนเลื้อยเลาะเกาะทุกอย่างที่อยู่ใกล้เพื่อให้ลำต้นมั่นใจว่ายังใหญ่โตสูงกว่านี้ได้อีก ถึงฤดูฝน ฝนตกแทบทุกวัน พุ่มใบแบกรับน้ำซ้ำเข้าอีก ลำต้นค้อมลงผิดรูปน่าหวาดเสียว ชั่วข้ามวัน ถ้าฝนไม่ซ้ำ ได้แดดนิดหน่อยก็เด้งกลับคืนรูปเดิม คล้ายมีสปริง

ไม่ใช่ต้นไม้กรรมสิทธิ์ของบ้านใดบ้านหนึ่ง

ลำต้นโผล่ขึ้นตรงกลางระหว่างบ้านทั้งสองหลัง

รากเลื้อยคร่อมครอบครองอาณาบริเวณระหว่างบ้านทั้งสองหลัง

ใครไม่อาจอ้างถือเอากรรมสิทธิ์ในต้นไม้โดยฝ่ายเดียว

ต้นไม้ส่วนกลางต้นนี้ไม่เคยถูกกระทบกระเทือนจากสภาวะแวดล้อมใดๆ สองบ้านต่างมองดูอย่างเกรงใจ เคารพความมีอยู่ของกันและกัน เฉยเมย มันใหญ่โตแบบเงียบๆ เห็นครั้งแรกโดยบังเอิญ มองจากชั้นล่างโดยตั้งใจนั่นเพราะกำแพงและฝ้าเพดานปูนหล่อสำเร็จเป็นคราบดำอมเขียวรำคาญตา ปล่อยไว้นานไป คราบตะไคร่ขยายแผ่เป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดนิ่งแค่นั้น ทำได้เพียงใช้ด้ามไม้กวาดยื่นขึ้นไปกระทุ้งๆ แซะๆ เขี่ยๆ ส่วนที่พอกหนาร่อนเผยอให้ร่วงแล้วลากสายยางฉีดไล่ไหลไปลงท่อน้ำทิ้งฝังอยู่ใต้ถนนในหมู่บ้าน

เข้าใจว่าบ้านหลังนั้นคงทำเช่นเดียวกัน

 

ปีที่ร้อนอบอ้าวอุณหภูมิสูงถึง 41 องศา C คนเป็นฮีตสโตรก (heat stroke) อาการหนักจำนวนมาก “ต้นอะไร” แม้ไม่เจ็บป่วยตามคน แค่ดูเพลียๆ หลุบใบห่อเหี่ยวเหมือนคนยืนคอตก กระปรี้กระเปร่าเป็นบางวัน ลดน้ำให้บ้างในบางวัน นับถือเป็นเพื่อนชีวิตกันแล้ว ไว้วางใจกันแล้วทุกวัน ใช้ขันตักน้ำมาพรมตามใบครบทุกใบ และรดที่โคนต้นด้วยห่วงใยจริงใจ ผ่านไปสองสามชั่วโมงก็กลับงามเต่งตึงชื่นตาชื่นใจ มันต้องการมีชีวิตอยู่

พวกเราต้องการมีชีวิตอยู่

อธิบายตามทฤษฎีระบาดวิทยา ต้นไม้ต้นนี้หรือต้นไหนๆ ไม้ป่าหรือไม้บ้าน สามารถยกขึ้นเป็นหัวข้อตัวอย่างงานวิจัย บรรยายในชั่วโมงที่ว่าด้วยการระบาด และไม่เคยแนะนำวิธีรับมือเพื่อยับยั้งต่อต้านการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ สรุปเองแบบง่ายๆ…ชีวิตต้องสู้

มันถูกหักต้นโยนทิ้งลงชั้นล่างจำครั้งไม่ได้

ยังเห็นและรับรู้ถึงมิตรภาพเวลามานั่งรับลมตรงนี้

 

ฝนต้นฤดูตกติดต่อกันหลายวัน มีงานต้องทำคือเก็บกวาดขยะสารพัดรวมใส่ถุงดำรอทิ้ง น้ำไหลโชกอาบกำแพงใต้ต้นไม้ส่วนกลางซึ่งแหงนหน้าคุยกับท้องฟ้าไม่รู้จักเบื่อ ฝนตกไม่กี่วันแล้วเว้นช่วงให้แดดทำหน้าที่บ้าง แต่พื้นกำแพงยังเปียกชุ่มลามข้ามมาอาละวาดฝ้าเพดานฝั่งนี้เกือบเดือนแล้ว สีฉาบพื้นกำแพงเริ่มเปื่อยยุ่ย

เสาปูนกับกำแพงปริแยกจากกัน รากขนาดหัวแม่มือคนโตแทรกอยู่กลางรอยปริ บางรากเบียดล้นออกมาม้วนขดเหมือนลำตัวงู หมาในบ้านเห็นก็ช่วยกันเห่าจนเสียงแหบ รากฝอยเพิ่มขนาดใหญ่กว่าที่เห็นครั้งแรก เลื้อยพาดและพันคานปูนร่วมใช้เหมือนกำลังสำรวจเส้นทางเพื่อไปต่อ

การเจริญงอกงามเกินควบคุม บ้านฝั่งนั้นไม่ทน ใช้บันไดปีนขึ้นไปฟันฉับๆ จนขาดรุ่งริ่ง ได้แค่รุ่งริ่ง ลักษณะไม้เนื้อแข็งเปลือกเหนียว เครื่องมือไม่พร้อม ฐานที่ยืนไม่มั่นคง ทำท่าจะหล่นอยู่รอมร่อ พยายามออกแรงงัดให้หลุดจากร่องกำแพง สู้กันเป็นครึ่งค่อนวัน คนเป็นฝ่ายยอม ได้ติดมือเพียงส่วนลำต้นบอบช้ำ ไต่ลงมายืนเท้าเอวมองแบบหมดอาลัยตายอยาก อีกไม่กี่วันต้นอะไรต้นนี้จะแตกกิ่งก้านผลิใบเขียวเข้มผลิตออกซิเจนแจกจ่ายให้แก่บ้านทั้งสองหลัง

มุมที่เคยมองดูมืดกลับสว่างผิดจากความรู้สึกเดิม เงาครึ้มไม่อยู่แล้ว เคยรู้สึกอยากอยู่ตรงนี้ นั่งทำอะไรเพลินๆ ตรงนี้โดยมีร่มไม้ชายคาช่วยบังแดดให้ความร่มเย็น ต่างคนต่างมองต้นไม้ต้นเดียวกันแต่ความคิดเห็นและเข้าใจไม่ตรงกัน ใบร่วงลงฝั่งนั้นมากกว่าเพราะลำต้นเอนล้ำเข้าไป รากเกือบทั้งหมดมารวมอยู่ฝั่งนี้ คราบสีดำอมเขียวและทางน้ำไหลนองพื้นก็อยู่ฝั่งนี้

จะกล่าวอ้างอะไรมาปกป้องเพื่อให้มันไม่ถูกฆาตกรรม

“ถ้าขึ้นใหม่คราวหน้าจัดลำต้นให้เอียงมาทางฝั่งนี้ บ้านที่เลี้ยงหมา 7-8 ตัว ก้มลงคุยกับมัน อย่าเอาแต่แหงนมองท้องฟ้า ไม่ถึงกับต้องทำเป็นประจำ พอหมาส่งเสียงเห่าคอยเรียกชื่อมัน มีของกินก็โยนลงไปให้มัน เดี๋ยวก็เลิกเห่า กระดิกหางยอมเป็นมิตร”

หวังว่าต้นไม้ใบดกที่ถูกฟันขาดกลางต้นทิ้งหมาดๆ จะมีญาณวิถีรับทราบความหวังดีจากคนเป็นภูมิแพ้เรื้อรังและรักต้นไม้ทุกต้นเหมือนคนที่เรารัก

หลังฝนตกใหม่ๆ ต้นไม้ดูสดชื่น ใบเต่งก้านตึง พอตกเย็นต่อเนื่องไปจนดึก ไม้ดอกทำหน้าที่ตามปกติธรรมชาติของมัน จำพวกกลิ่นหอมเย็นอย่างดอกแก้ว ดอกมะลิซ้อน และการเวก-เริ่มส่งกลิ่นจากทุ่มถึงสามทุ่ม ต่อจากนี้เป็นจำพวกกลิ่นเย้ายวนอย่างกุหลาบแดง โมก และราตรีจะจางกลิ่นตอนใกล้เที่ยงคืน หรือกว่านี้เล็กน้อย ก่อนนกกางเขนออกทำงาน

คืนที่ออกมารับลม นั่งมอง “ต้นอะไร” สังเกตเห็นมันเริ่มสูงเห็นชัด สูงจนยอดแตะขอบราวบนสุดของลูกกรงระเบียงที่สูง 90 ซ.ม. แน่นอนมันจะเป็นโรงงานผลิตออกซิเจนที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีกหน่อย

 

ฝนปลายฤดูตกกะปริบกะปรอย บางวันแดดแรง ถึงเวลารดน้ำต้นไม้ข้างล่าง ลากสายยางลอดรั้วออกไป

ต้นไม้ที่ไปซื้อมาลงไว้ในกระถางมีอาการไม่ดีเลย ขอบใบไหม้ กิ่งแห้ง ดอก-ลีบไม่ยอมบาน เน่าคาก้าน, มะนาวแป้นที่หมายตาไว้ไม่ทันแก่ก็ร่วงเกลื่อนโคนต้น ดอกมิกกี้เมาส์ยิ้มปากแดงตลอดปีไม่เหลือติดต้นสักดอก ลำดวนดอกเล็กจนผิดสังเกต ได้ชื่อว่าต้นไม้จอมอดทนในทุกสภาพภูมิอากาศ สัญลักษณ์ของผู้สูงอายุ (คนแก่) กำลังจะตายจาก

“ต้นอะไร” ขึ้นไปอยู่ในกระถางโดยเปิดเผย แข็งแรงสดงามทุกต้น เห็นความพยายามของพวกมันแล้วยอมใจ ความคิดแรกเห็นคือรีบถอนทิ้ง

ตำนานเกี่ยวกับ “ต้นอะไร” เป็นเรื่องล้วนแต่ไม่ดี มันไปขึ้นที่ไหน ที่นั่นจะมีแต่บรรยากาศสมรภูมิรบ ปรักหักพัง และความตายเป็นเขตแดนชีวิตของพวกมัน

ลากสายยางแวะไปทักทาย ให้น้ำพวกมัน เผื่อว่าต้นที่เป็นเจ้าของกระถางยินดีต้อนรับให้อยู่ด้วยแล้วงอกงามไปด้วยกัน เว้นเสียแต่ว่าเจ้าของกระถางแย่งน้ำสู้ไม่ได้ หมดแรง เหี่ยวเฉาตรอมใจตายไปอย่างน่าอเนจอนาถเพียงลำพัง

ลืมตำนานเกี่ยวกับ “ต้นอะไร” ไว้ก่อน ได้เวลารดน้ำแล้ว

โรงงานผลิตออกซิเจนตัวใหม่น่าจะเดินเครื่องทดแทนกันได้

 

สองเดือนเต็มฝนไม่ตก เข้าหน้าแล้งสมบูรณ์แบบ แดดจ้าตั้งแต่แปดโมงเช้ายาวต่อเนื่องไปถึงห้าโมงเย็น เปิดแอร์วันละหลายชั่วโมง ค่าน้ำค่าไฟคือค่าใช้จ่ายเพิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตเผชิญกับมหันตภัยโรคระบาด ตัวเลขคนติดเชื้อและตัวเลขคนตายใกล้ถึงจุดไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หมอบอกเชื้อโรคเริ่มพัฒนาตัวเองเป็น “โรคประจำถิ่น” ต่อไปไม่ช้ามันจะเข้าไปอยู่ในบ้านในฐานะผู้ร่วมชายคา

เหมือนกับที่ “ต้นอะไร” ทำให้ดู

หมอบอกว่าอุณหภูมิสูงมากๆ เชื้อโรคทนไม่ไหวมันจะตายไปเอง คนยอมทนร้อนเอาหน่อยก็แล้วกัน เก็บตัวอยู่ในบ้าน ส่วนตัวดีที่สุด พยายามนึกถึง หมั่นมองดู “ต้นอะไร” เป็น ไอดอล มันไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคง่ายๆ กระถางที่ใช้บ่อซีเมนต์สูงซะขนาดนั้น อุตส่าห์มีความพยายามสูงกว่าจนกระทั่งได้ขึ้นไปมีชีวิตอยู่ในที่ที่มันพอใจและต้องการ ไม่ง้อน้ำจากมือมนุษย์

“รดไม่รดก็ตามใจ หาเอาเองได้ ต้นที่ตั้งใจเลี้ยงกับต้นที่ไม่ตั้งใจ น้ำประปากับน้ำอดน้ำทน ต้นไหนได้ไปต่อ” มันคงอยากพูดแบบนี้แหละ

แอบนึกว่าต้นอะไรคงหมายถึงเจาะบ่อบาดาลในกระถาง กว่าจะลบข้อความทระนงออกจากสมองได้ ความคิดที่จะถอนมันทิ้งก็ไม่เหลือแล้ว การกระทำอย่างนั้นไม่ต่างกับฆาตกรต้นไม้และเข้าสู่ทำเนียบฆาตกรต่อเนื่อง ถอนไม่กี่วันก็ขึ้นใหม่ แล้วถอนซ้ำอีก ไม่มีวันถึงเส้นบรรจบ เปลี่ยนกระถางหาต้นใหม่มาลง แล้วยังไง…

 

ดูเหมือนบ้านฝั่งนั้นกำลังวางแผนทำงานใหญ่ ช่างต่อเติมบ้านเดินขึ้นเดินลงและขออนุญาตเข้ามาสำรวจบ้านฝั่งนี้ นายช่างแหงนหน้าดูเป็นนานเพื่อค้นหาความเป็นไปได้ ไม่มีท่าทีหนักใจ จริงๆ แล้วเป็นไปได้ทุกอย่างสำหรับช่างมืออาชีพ

“ต้องทุบกำแพง” นายช่างลงความเห็นแบบมืออาชีพ

เงื่อนไขความสำเร็จของแผนงานเป็นโครงการใหญ่ในวาระฝืดเคืองแห่งชาติ

บ้านทั้งสองฝั่งขัดข้องเรื่องค่าจ้างไม่รวมค่าของ

งานใหญ่เป็นอันพักไว้ก่อน เพราะมีงานคล้ายกันรออยู่ที่บ้านฝั่งนี้

น้ำหยดเปียกแฉะพื้นหน้าประตูมุ้งลวดสองสามวันมาแล้ว จากวงเล็กๆ กลายเป็นวงใหญ่ จากยืดแหมะๆ กลายเป็นติ๊กๆๆ ถ้าเป็นหน้าฝนพอเข้าใจได้ มีปัจจัยมากมายอธิบายถึงความเกิดขึ้น น่าจะมีความเป็นไปได้ตามข้อสันนิษฐาน เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี ผลย่อมเกิดแต่เหตุ

เสียงนกกาเหว่าร้องเรียกชื่อตัวเองดังมาจากต้นจามจุรี

ใบอ่อนทรงดอกจำปี สีดอกจำปาโผล่ปลายยอดอีกแล้ว วันว่างๆ ชอบมานั่งนับใบ อยากรู้ว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่เพราะหมายถึงการเพิ่มจำนวนถังออกซิเจน ทั้งความสูงและจำนวนใบไม่ชะลอตามฤดูกาล ลูกกรงระเบียงถูกแซง เหมือนเตี้ยลงเกือบคืบ ขณะที่ลำต้นขยายใหญ่รูปทรงพุ่มเอนหนีกำแพงเล็กน้อย มันโตใกล้เท่าต้นที่เอาแต่แหงนมองท้องฟ้า บ้านฝั่งนั้นต้องเพิ่มความขยันอีกเท่าตัวถ้าคิดว่าอยู่กับมันไม่ได้ อย่าคิดว่ากำจัดให้พ้นจากชีวิตได้โดยไม่ทุบกำแพง ฝันไปเถอะ

บ้านฝั่งนี้อยู่กับมันได้สบาย ความไม่สะดวกยังอยู่ไกลตัว…

 

นํ้าหยดต่อเนื่องหลายวันไม่หยุด คานหัวเสากับขอบมุมกำแพงมีตาน้ำรินไหลเทมาทางหน้าประตูมุ้งลวดหยดถี่ยิบ ทำท่าจะกลายเป็นธารน้ำตกในเร็วๆ นี้

เอาผ้าขนหนูผืนหนาสีเข้มมาวางลงไปให้เป็นที่สังเกตเพื่อป้องกันคนในบ้านอาจพลั้งเผลอเหยียบลื่นล้ม

กำลังจะมีงานใหญ่เร็วๆ นี้

“มีความลับอยากจะบอกหรือเปล่า” มั่นใจมากมันคงไม่ตอบว่า แอบขุดบ่อบาดาลบนนี้

ปีนข้ามลูกกรงระเบียงไปฝั่งที่ตั้งคอยล์ร้อน (Condenser) พัดลมเป่าไอร้อนปะทะตัวร้อนผ่าว ต้นไม้ต้นสูงทนรับลมร้อนทุกครั้งที่เปิดแอร์ ต้นหมากแดงอยูใกล้สุดคงสุดแสนทรมาน พยายามเบี่ยงก้านใบหนี ดีว่าเป็นต้นไม้ได้ชื่อว่าจอมทรหดอดทนเป็นเลิศ

มองลงข้างล่างแนวกระถางหนาทึบด้วยใบไม้ชนิดเดียวกัน มีแปลกตาแซมมาบ้าง เป็น “ต้นอะไร” ไม่เคยเห็น มันยึดครองครอบคลุมบริเวณทั้งหมด ต้นที่ตั้งใจปลูกพากันทยอยตาย ยกกระถางให้ต้นที่ไม่ตั้งใจ เสียแต่ว่าไม้ดอกหอมเย็นพลอยเสียสละไปกับพวกไม้ใบที่ตั้งใจปลูก เหลือเพียงการเวกขวัญใจสมาชิกในหมู่บ้าน อยู่ด้วยกันมานาน อุ่นใจอยู่นิด มันก็เป็นจอมทรหดอดทนไม่แพ้หมากแดง

รากจำนวนมากเลื้อยตามไปที่มีน้ำขัง พื้นปูกระเบื้องถูกดันหลุดจากปูนยาแนว รอยต่อระหว่างกันสาดกับระเบียงแยกเป็นทางยาว รากชีวิตขดตัวสงบนิ่ง

หลังคอยล์ร้อนมีท่อน้ำแอร์ต่อวางบังคับน้ำให้ไหลไปทิ้งลงข้างกำแพงนอกบ้านหล่อเลี้ยงผืนป่าเล็กๆ ตรงนั้น

รากจำนวนมากเลื้อยมาสุมอยู่ตรงข้องอที่แตกหักหลุดจากกัน น้ำแอร์ไหลไปกองสะสมไม่เคยแห้งและไปไม่ถึงปลายทาง

น้ำหยดแรงขึ้นทุกวัน คราบตะใคร่สีดำอมเขียวปรากฏเป็นหย่อมๆ สีฉาบฝาผนังบ้านติดประตูมุ้งลวดเปื่อยร่อนเป็นแผ่น มันจะลามไปในทิศทางที่มีแรงเหนี่ยวนำของน้ำ

เสียงอีการ้องเรียกชื่อตัวเองแว่วๆ ดังมาจากต้นจามจุรีท้ายหมู่บ้าน

โรงงานผลิตออกซิเจนเดินเครื่องไม่มีวันหยุดพัก

นักสู้ผู้ไม่เคยก้มหัวให้โชคชะตา ดินฟ้าอากาศ

เพื่อนชีวิต

บ้านกำลังจะพัง

ช่างแอร์รับปาก

พรุ่งนี้จะมาเปลี่ยนท่อน้ำแอร์ให้ใหม่ •