‘ประยุทธ์-พีระพันธุ์’ ไม่โดดเดี่ยว ท่ามกลางกระแสข่าวลือ เดอะ รีเทิร์น ออฟ ‘บิ๊กแดง’?

การแยกทางเดินออกจากพรรคพลังประชารัฐ ออกจากใต้ร่มเงาของ “พี่ใหญ่” มาตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เองของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกตั้งข้อสังเกตว่า หากเดินเพียงลำพัง โดยไม่มี “กองหนุน” อาจไม่เห็น พล.อ.ประยุทธ์สวมเสื้อ รทสช. ขึ้นเวทีปราศรัย ลงพื้นที่ เดินหาเสียงเช่นทุกวันนึ้

แต่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์มีกองหนุน ทั้งบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย “พี่รอง” เคียงข้างมาตลอดทางที่เดินมา และตลอดหนทางที่จะเดินไปในสนามการเมือง

แม้ พล.อ.อนุพงษ์จะประกาศวางมือทางการเมืองก็ตาม แต่เป็นที่รู้กันว่า จะยังคงเคียงข้างน้องตู่ไปตลอด

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังมีกองหนุนเดิม ที่อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ทั้งที่อยู่เบื้องหน้า ที่มองเห็น และที่มองไม่เห็น อยู่เบื้องหลัง ทั้งในแวดวงการเมือง ข้าราชการ และผู้หลักผู้ใหญ่

แม้ว่าวันนี้ไม่มีป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เคยประกาศเป็นกองหนุนอยู่แล้ว ขั้วอำนาจบ้านสี่เสาเทเวศร์ที่เคยเฟื่องฟูมายาวนาน จะดูเหมือนสลายไปพร้อมกับบ้าน และป๋าเปรมก็ตาม

แต่โครงข่ายยังคงอยู่ ตัวบุคคลก็ยังคงอยู่ อีกทั้งอยู่ในสถานะที่เอื้อต่อการเป็นกองหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

ที่สำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์มีคู่คิดสำคัญ ที่ไม่ใช่แค่ อ.น้อง นราพร ภริยา

แต่ทว่า หมายถึงตุ๋ย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และเลขาธิการนายกฯ ด้วย

 

ด้วยเหตุที่นายพีระพันธุ์เป็นทั้งนักกฎหมาย และอดีตผู้พิพากษา รวมทั้งโปรไฟล์เลิศ เป็นลูกทหารใหญ่ และใจรักทหาร อยากเป็นทหารอากาศ หากได้สอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เทียบ ตท.18 ที่มีเพื่อนฝูงเป็นบิ๊กทหารหลายคน จึงทำให้เคมีตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ นับตั้งแต่ถูกส่งมาเป็นที่ปรึกษานายกฯ ในรัฐบาล หลังเลือกตั้งปี 2562

ที่อาจเรียกได้ว่า พร้อมๆ กันนั้น แนวคิดในการตั้งพรรคการเมืองเองได้เกิดขึ้นในความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้สนับสนุนแล้ว หากแต่มีการปรับแผน ปรับกลยุทธ์กันมาตลอดทาง

ในบรรดากองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์นี้ ที่ถูกมองว่าเป็นผู้ช่วยพระเอก และมีบทบาทสำคัญที่สุดคนหนึ่งคือ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ที่รู้กันดีว่าเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สนับสนุนดูแลให้พ้นจากการเมือง ในห้วงที่เป็น ผบ.ทบ. ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาได้ และเติบโตเข้าไลน์จนเป็น ผบ.พล.1 รอ. ตอนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และได้เป็น ผบ.ทบ.ในที่สุด ทั้งยังเป็น ผบ.ทบ.คอแดงคนแรกของ ทบ. และควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรก ที่พลิกโฉม เปลี่ยนเทรดดิชั่น ทบ.ไปตลอดกาล

แม้สถานภาพปัจจุบัน ในฐานะรองเลขาธิการ สนว. จะทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ไม่สามารถเกี่ยวข้องทางการเมืองได้

แต่ในฐานะน้องรัก ย่อมปฏิเสธไม่ได้ที่จะเอาใจช่วย “พี่ตู่”

 

จึงทำให้ชื่อของ พล.อ.อภิรัชต์ มักจะถูกคนในแวดวงการเมืองพาดพิง และตกเป็นข่าวลือเสมอมา

โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยเหตุที่มีนายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค เป็นคีย์แมน และเป็นที่รู้กันว่า นายพีระพันธุ์เข้ามาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ได้ก็เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ ที่รู้จักสนิทสนมกับนายพีระพันธุ์มาตั้งแต่เรียนประถมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลในฐานะรุ่นพี่ ที่คบเสมือนเพื่อน และสนิทสนมกันมาก เพราะยังเป็นลูกทหารด้วยกัน

ถึงขั้นเคยมีข่าวลือว่า พล.อ.อภิรัชต์อาจจะออกมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ เพราะครบกำหนดเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลังพ้นจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาหลังเกษียณเมื่อกันยายน 2565 ที่ผ่านมาแล้ว

แต่ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ตัดสินใจสู้ต่อ และจะไปต่อด้วยตนเอง และที่สุดก็เลือกนายพีระพันธุ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ คน 2 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศเป็นทายาทอำนาจทางการเมือง หาก พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้แค่ 2 ปี โดยท้ายที่สุด ส.ว.ไม่แก้รัฐธรรมนูญ ตัดข้อกำหนดเป็นนายกฯ ไม่เกิน 8 ปีทิ้งไป ก็จะให้นายพีระพันธุ์เป็นนายกฯ ต่อ ในกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้จำนวน ส.ส.มากพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566

จนมีการมองกันว่า นายพีระพันธุ์ เสมือนเป็นตัวแทนของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่อยู่ในสถานะที่ไม่อาจออกมาโลดแล่นในสนามการเมืองได้ และเลือกที่จะสนับสนุนเบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ไปต่อ ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

กระนั้น ก็ยังมีข่าวลือสะพัด ทั้งๆ ที่ยังไม่เลือกตั้ง แต่อาจเพราะความมั่นใจของฝ่ายสนับสนุนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.เกิน 25 คน มาเท่าไหร่ก็ตาม

เพราะมีการอ้างว่ากลไกต่างๆ ถูกวางไว้แล้ว

พร้อมๆ กับชื่อของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ถูกกล่าวขานอีกครั้งว่า อาจจะได้ออกมาช่วยพี่ตู่ โดยเฉพาะมานั่งเป็น รมว.กลาโหม ดูแลกองทัพให้ เพราะน้องๆ ที่เป็น ผบ.เหล่าทัพปัจจุบัน และที่คาดว่าจะขึ้นมาใหม่ ล้วนใกล้ชิดสนิทสนม และรุ่นไม่ห่างจาก พล.อ.อภิรัชต์ ตท.20 มากนัก

ต่างจากตัว พล.อ.ประยุทธ์ ตท.12 บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตท.6 หรือ พล.อ.อนุพงษ์ ตท.10 ที่รุ่นและอายุห่างจากผู้นำเหล่าทัพมากขึ้นๆ และเริ่มไม่รู้จักนายทหารรุ่นหลังๆ ที่กำลังเติบโตไล่ขึ้นมา

อีกทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ จะต้องมีการตั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพใหม่ถึง 4 คน ทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ที่จะเป็นโอกาสในการยึดอำนาจกองทัพไว้ และสร้างเป็นกองหนุนสำคัญต่อไป

ท่ามกลางกระแสปฏิรูปสถาบัน และปฏิรูปกองทัพ จากฝ่ายประชาธิปไตย เพราะมิชชั่นสำคัญของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ การปกป้องสถาบัน แม้วันนี้จะไม่ได้สวมเครื่องแบบทหารแล้วก็ตาม แต่ทว่า ยังสวมเครื่องแบบสีกากี และใส่คอแดง

 

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีชื่อ พล.อ.อภิรัชต์ตกอยู่ในกระแสข่าวลือ ว่าจะมาเป็น รมว.กลาโหมก็ตาม แต่ครั้งนี้ ก้าวไปอีกขั้น ถึงขั้นที่ว่า พล.อ.อภิรัชต์อาจอุ่นเครื่องด้วยเก้าอี้สนามไชย 1 ก่อน แล้วจากนั้น ก็จะจับมือกับนายพีระพันธ์ ดูแลพรรครวมไทยสร้างชาติสู้ศึกในสนามการเมืองต่อไป

จนมีการตั้งข้อสังเกตถึงการที่นายพีระพันธุ์ขึ้นเวทีปราศรัยที่ พล.อ.ประยุทธ์มาหาเสียงที่สวนเบญจกิติ ปลุกกระแสต้านพวกชังชาติ ล้มสถาบัน ด้วยการไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น พร้อมประกาศว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะจัดการกับพวกชังชาติอย่างเด็ดขาด

ซึ่งตรงกับจุดยืนของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ได้แสดงอย่างชัดเจนตลอด 2 ปีของการเป็น ผบ.ทบ.คอแดง

อีกทั้งกระแสข่าวในแวดวงการเมือง ทั้งฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่ในสายสลิ่ม ขั้วอนุรักษนิยมเองก็มักจะมีชื่อ พล.อ.อภิรัชต์ตลอด ทั้งการตั้งพรรค รทสช. ที่ทำการพรรค ตัวนายพีระพันธ์ และนายทหารทั้งนอกราชการและในราชการ ที่ไปช่วยงาน ก็ถูกโยงใยไปถึง พล.อ.อภิรัชต์ แม้ว่าบางคนอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พล.อ.อภิรัชต์ แต่เป็นทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตาม

แต่นั่นเป็นเพราะฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อุ่นใจที่มีกระแสข่าวทำนองว่า พล.อ.อภิรัชต์คอยช่วยอยู่ห่างๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สะท้อนเพาเวอร์ของ พล.อ.อภิรัชต์ และมองว่า พล.อ.อภิรัชต์ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์

แม้แต่ความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพื่อนซี้ พล.อ.อภิรัชต์เองก็ตาม

 

คาดกันว่า หลังปิดหีบเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 แล้ว ในความเคลื่อนไหวเพื่อชิงช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาล และเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ระหว่างขั้วประชาธิปไตย กับขั้วของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือขั้วที่ 3 โดย พล.อ.ประวิตร จะมีกระแสข่าวลือพาดพิงไปที่ พล.อ.อภิรัชต์อีกแน่นอน

และหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อีกสมัย ก็ไม่แน่ว่า พล.อ.อภิรัชต์ ตัวจริง เสียงจริง อาจจะออกมาเดินในสนามการเมือง เคียงข้างพี่ตู่และพี่ตุ๋ย ก็เป็นได้?!?