ผ่านาทีจับแก๊งนางงาม อุ้มจีนสีเทาเรียกค่าไถ่ อ้างใบสั่ง-ทำเพื่อชาติ ตร.ยันแฟนสาวรู้เห็น

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด

 

ผ่านาทีจับแก๊งนางงาม

อุ้มจีนสีเทาเรียกค่าไถ่

อ้างใบสั่ง-ทำเพื่อชาติ

ตร.ยันแฟนสาวรู้เห็น

 

กลายเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศไทย สำหรับเรื่องการอุ้มเรียกค่าไถ่ จนดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ลงมือและเหยื่อมักจะเป็นกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ลงมือ ด้วยความย่ามใจว่าด้วยความขัดแย้งกันเองระหว่างคนจีน จะทำให้ตำรวจไทยไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

ลามมาถึงกรณีที่ตำรวจไทยเข้าไปมีส่วนร่วม เป็นคดีความกันมากมาย

คราวนี้ก็เกี่ยวพันกับการอุ้มรีดค่าไถ่ชาวจีนเช่นกัน แต่พิเศษแตกต่างก็คือแก๊งที่ลงมือล้วนเป็นคนไทย ที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มจีนสีเทา เนื่องจากเชื่อว่าด้วยการที่มีคดีติดตัว ย่อมไม่กล้าไปแจ้งความ และพร้อมจ่ายเงินให้ตามที่เรียกร้อง

แต่ที่ไหนได้กลับไม่เป็นไปตามแผน เพื่อนเหยื่อแจ้งตำรวจจนจับกุมได้ยกแก๊ง

ขณะที่แนวทางการสืบสวนระบุว่า ต้นเหตุมาจากอดีตนางงาม แฟนสาวของหนุ่มจีนเทาให้ข้อมูลกลุ่มแฟนใหม่ไปก่อเหตุ

และไปกันใหญ่ เมื่อ 1 ในแก๊งอุ้มเปิดปากว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทำ เพื่อชาติž ช่วยล้างจีนเทา

ก็ถึงกับต้องกุมขมับ และตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่อาชญากรรมเหล่านี้จะหมดสิ้นไปจากประเทศไทยเสียที!!!

นาทีอุ้ม

อุ้มจีนเทารีดค่าไถ่

เหตุการณ์ครั้งนี้ปรากฏเป็นข่าวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 เมษายน โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่จับกุมนายณัฐภัทร หรือกบ สวัสดี อายุ 27 ปี และนายณัฐพงศ์ หรือจูน ฆ้องคำอยู่ อายุ 24 ปี ในความผิดร่วมกันเรียกค่าไถ่ โดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว

พร้อมของกลาง เป็นกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ 1 ใบ รถเบนซ์สีฟ้า ป้ายแดง ทะเบียน น 6987 กรุงเทพมหานคร และเงินที่อายัดมาได้ 2.3 ล้านบาท โดยติดตามจับกุมได้ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ร่วมกับพวก 6 คน ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและอุ้มนายหวัง อายุ 33 ปี ผู้เสียหายชาวจีน ยัดใส่กล่องพลาสติกลงจากห้องพัก อาคารสินธร เรสซิเดนซ์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นำไปกักขังที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรียกค่าไถ่จากเพื่อนและญาติๆ เป็นเงินจำนวน 3.93 ล้านบาท

เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 เมษายน โดยนายยู อายุ 30 ปี ชาวจีน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี แจ้งว่า นายหวังเพื่อนสนิท หายออกไปจากห้องพัก ตั้งแต่ 06.00 น. วันที่ 15 เมษายน เกรงจะเกิดเหตุร้าย เนื่องจากได้รับการติดต่อจากนายหวัง ผ่านแอพพ์วีแชต ระบุไม่ต้องติดตามและไม่ต้องแจ้งความ จะกลับที่พักเอง

แต่ระหว่างที่วิดีโอคอลหากันนั้น พบว่าใบหน้านายหวังปูดบวมคล้ายถูกทำร้าย และยังพบว่านายหวังโอนเงินให้บุคคล 2 คน เป็นเงิน 3.93 ล้านบาท และขาดการติดต่อไป จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจ

เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบวงจรปิดที่อาคารสินธร เรสซิเดนซ์ พบชาย 2 คนใช้รถเข็นลำเลียงกล่องพลาสติกสีน้ำตาล ลงมาจากห้องพัก และดูเหมือนว่าภายในนั้นมีคนอยู่

จึงขยายผลจับกุมทันที!!

จากการสอบสวนพบว่า นายหวังเคยคบหากับ น.ส.เพชรลดา หรือน้ำเพชร แสงสกุล อายุ 24 ปี อดีตผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2563 มา 1 ปี จากนั้นเลิกรากันไป 3 เดือน ก่อนกลับมาคบกันอีกครั้ง ซึ่งตอนอยู่ด้วยกันซื้อรถเบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูป้ายแดงให้ น.ส.เพชรลดาใช้ แถมให้เงินเดือนอีกเดือนละ 1 แสนบาท

ทั้งนี้ น.ส.เพชรลดาคบหากับนายศุภพล หรือบอส หรือกาย ฮาลมัน อายุ 24 ปี แฟนหนุ่มชาวไทยอีกคน และได้ร่วมวางแผนอุ้มนายหวังไปรีดค่าไถ เพราะรู้ว่านายหวังมีหมายจับคดีฉ้อโกงที่จีน คาดว่าไม่กล้าแจ้งความ

โดยเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 14 เมษายน น.ส.เพชรลดามอบคีย์การ์ดห้องพักให้นายศุภพล จากนั้นนายศุภพลสั่งให้นายณัฐภัทร และนายโจ ขึ้นไปบนห้องพักใช้คีย์การ์ดเปิดประตู จับนายหวังมัดมือมัดเท้า ทำร้ายร่างกาย แล้วยืมรถเข็น รปภ. ก่อนออกไปซื้อกล่องพลาสติก แล้วนำนายหวังยัดกล่อง ขนขึ้นท้ายรถเบนซ์ป้ายแดง ไปกักขังที่รีสอร์ตใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรีดเงินค่าไถ่

ส่งฝากขัง

เรียกเงิน 4 ล.-แฟนชี้เป้า

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายหวังโอนเงินเข้าบัญชีนายณัฐภัทร 2 ครั้ง เป็นเงิน 2.9 ล้านบาท ครั้งที่ 3 ใช้บัญชีของ น.ส.สริตา ดอนม่วง อายุ 28 ปี เป็นเงิน 1.03 ล้านบาท รวม 3.93 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่จึงติดตามแกะรอย และช่วยเหลือนายหวังได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และจับกุมนายณัฐภัทร และนายณัฐพงศ์ ที่ทำหน้าที่ดูต้นทางขณะรีดทรัพย์ภายในรีสอร์ต

สำหรับนายหวังที่ได้รับการช่วยเหลือ อาการปลอดภัย ตรวจสอบพบเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงมูลค่า 12 ล้านหยวน หรือราว 60 ล้านบาท ทางการจีนออกหมายจับไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นหมายแดงในระบบตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ทำให้เดินทางเข้าประเทศได้ ขณะนี้ได้กักตัวไว้ที่ ตม. เตรียมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม น.ส.สริตา ดอนม่วง อายุ 28 ปี เจ้าของบัญชี ที่นายหวังโอนเงิน ได้ที่ลานจอดรถหลัง สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

อีกส่วนหนึ่งเข้าจับกุมนายธนายุทธ หรือโจ พลนาคู อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุอุ้มนายหวังลงจากห้องพัก ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 303/2566 ลงวันที่ 17 เมษายน ได้ที่บ้านเลขที่ 48/5 หมู่ 1 ซอยคลองหกตะวันออกสิบ ถนนเลียบคลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ส่วน น.ส.เพชรลดา แสงสกุล หรือน้ำเพชร อายุ 24 ปี อดีตผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์จังหวัดสุพรรณบุรี ปี 2563 และนายศุภพล ฮาลมัน หรือบอส อายุ 24 ปี แฟนหนุ่มชาวไทย จับได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายณัฐภัทร หรือกบ ไปฝากขังโดยศาลพิจารณาคำร้องเห็นว่าพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ประชาชนให้ความสนใจ

ต่อมาวันที่ 19 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ควบคุมผู้ต้องหาอีก 5 รายไปฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัวเช่นกัน

สอบเพชรลดา

ทีมลงมืออ้างทำเพื่อชาติ

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ก็ยังไม่หมดเงื่อนงำ เมื่อมีข้อสงสัยในเรื่องของแรงจูงใจ เพราะตามแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์

ขณะที่ในกลุ่มผู้ก่อเหตุกลับให้การแตกต่างออกไป โดย น.ส.เพชรลดานั้น กลุ่มเพื่อนๆ ระบุว่า ไม่เชื่อว่าน้ำเพชรจะทำเรื่องดังกล่าว เพราะในวันเกิดเหตุน้ำเพชรอยู่กับตน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับคอนโดฯ อีกทั้งช่วงที่นายหวังหายตัวไป น้ำเพชรก็ช่วยตามหา แถมยังเข้าแจ้งความคนหายที่ สน.ลุมพินีด้วย แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความเพราะยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง

พร้อมไล่ไทม์ไลน์ ว่าเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 14 เมษายน น้ำเพชรไปเที่ยวกับรุ่นพี่ที่สยามพารากอน จนเวลา 01.50 น. ของวันที่ 15 เมษายน น้ำเพชรโทรศัพท์มาบอกว่าเพื่อนๆ ของนายหวังแจ้งว่าติดต่อไม่ได้ โดยช่วงเย็นนายหวังแจ้งน้ำเพชรว่าจะไปเที่ยวพัทยา จึงไปขอดูวงจรปิดที่คอนโดฯ แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ

จนกระทั่ง 02.30 น. นายหวังโทรศัพท์มาหาน้ำเพชร บอกไม่ต้องเป็นห่วง อยู่พัทยากับเพื่อนๆ จึงแยกย้ายไปนอน ก่อนที่ช่วงเช้าก็ยังติดต่อนายหวังไม่ได้เลยเข้าแจ้งความ

ส่วนบอส หรือกาย ที่มาติดพันน้ำเพชรนั้น ก่อนหน้านี้น้ำเพชรคบกับนายหวังประมาณ 1 ปี แล้วเลิกกันไป จังหวะเดียวกับที่นายบอสเข้ามาหาจึงคบกัน จากนั้นนายหวังกลับมาง้อ น้ำเพชรจึงกลับไปคบใหม่

สาเหตุเชื่อว่านายบอสคงหึงหวง และมีปัญหาเรื่องเงิน จึงวางแผนก่อเหตุ ส่วนที่ใช้รถยนต์และคีย์การ์ดของน้ำเพชรในการก่อเหตุนั้น ปกติบอสมักใช้รถของน้ำเพชรเดินทางไปไหนมาไหนโดยตลอด คีย์การ์ดดังกล่าวก็อยู่ในรถ จึงอยากให้นายบอสออกมาพูดความจริง

ขณะที่นายณัฐภัทร 1 ในผู้ต้องหาระบุว่า สารภาพทุกข้อกล่าวหา แต่ที่ลงมือไปเพราะอยากช่วยประเทศ เนื่องจากนายหวังเป็นคนที่รัฐบาลจีนต้องการตัวและเป็นบุคคลสีเทา

ส่วนนายศุภพล หรือบอส หรือกาย ก็ยอมรับว่าทำจริง แต่ที่ทำเพราะมีใบสั่งให้มาจัดการกับนายหวัง ที่เป็นผู้ร้ายข้ามชาติ เป็นจีนเทา มีคดีฉ้อโกงติดตัวมาจากต่างประเทศ ยืนยันเพชรลดา หรือน้ำเพชรไม่เกี่ยวข้อง

เป็นคำให้การของผู้ก่อเหตุ

ส่วนจะสรุปผลอย่างไร คงต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน!!!