33 ปี ชีวิตสีกากี (16) | คุ้มค่าภาษีชาวบ้านหรือไม่…

กว่านักเรียนนายร้อยตำรวจใหม่จะได้รับประทานอาหารแต่ละมื้อไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารต้องรีบนั่งเก้าอี้ให้ครบวง วงหนึ่งมี 4 คน โต๊ะอาหารจะนั่งได้ 2 วง 8 คน

เมื่อนักเรียนใหม่เข้าไปในอาคารโภชนาการหรือโรงอาหารจะต้องไปยืนประจำที่ รอจนกว่าจะมีคำสั่งให้นั่ง

เมื่อนั่งจะต้องยกแขนทั้งสองข้างกางออกมา แขนท่อนปลายทั้งสองข้างซ้อนกัน แขนขวาอยู่บนแขนซ้าย ไม่วางแขนทับกัน จะต้องห่างกันเล็กน้อย และขนานกับพื้น ตั้งฉากกับลำตัว เรียกว่า กอดฉาก เป็นท่าประจำและเบสิกพื้นฐานของนักเรียนใหม่

นี่คือ วัตรปฏิบัติของนักเรียนใหม่

คำว่า ใหม่ มันจะดี ไม่ว่าบ้านใหม่ รถใหม่ เสื้อผ้าใหม่ แต่ถ้าเป็นนักเรียนใหม่ ชีวิตนี้ขอเป็นแค่ครั้งเดียว ไม่เอาอีกแล้ว

มันจะดีตรงไหน สิทธิเท่ากับศูนย์ ถ้าสมัยนี้ เป็นการละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ชัดๆ

แต่นั่นคือ การฝึกให้เกิดความเป็นระเบียบ ความพร้อมเพรียง และความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ และฝึกความอดทน

เมื่อผู้ช่วยผู้บังคับหมวดเห็นว่านักเรียนใหม่ทำอะไรชักช้ามาก ไม่กระตือรือร้นเลย ให้ทุกคนยกเก้าอี้นั่งที่อยู่รอบโต๊ะอาหารขึ้นมาคนละตัวแล้วชูเหนือศีรษะ จากนั้นให้กระโดดสลับเท้า ขั้นแรกๆ 20 หรือ 30 ครั้งก่อน จากนั้นให้วางเก้าอี้ลงในที่เดิม

แต่แทนที่นักเรียนใหม่จะวางเก้าอี้เบาๆ กลับทำเสียงดังโครมคราม ลั่นไปทั้งโภชนาการ…นี่ตั้งใจจะไม่กินอาหารกันใช่ไหม…เสียงดังลั่น ออกจากปากนักเรียนปกครอง แล้วผู้ช่วยผู้บังคับหมวด ก็ลงไปที่ลานปานะดิษฐ์ สั่งนักเรียนใหม่ฟังเรียกแถวอีกครั้ง

การที่เพื่อนๆ หลายคนรวมทั้งตัวผม เพิ่งจะมารับรู้ระเบียบกฎเกณฑ์ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย ย่อมเลิ่กลั่ก เฟอะเฟะ และไม่รู้จังหวะการจะเข้าแถวให้เร็ว ทำให้ทุกอย่างสับสนไปหมด

ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดเห็นดังนั้น จึงสั่งหมอบ ให้ทุกคนนอนราบไปกับพื้นปูนซีเมนต์ ไม่ให้มองหน้าไปมาหรือมองสบตา ให้ก้มหน้า

ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดก็ยังพูดอีกว่า ช้ากันมากนะ ไม่อยากกินข้าวเที่ยงกันหรือยังไง เดี๋ยวจะเรียกแถวดูอีกครั้งว่าจะดีขึ้นไหม

แต่ก็อีกนั่นแหละ ยังมีความมั่ว ไม่รู้ว่าใครควรจะอยู่ตรงไหน

คราวนี้ คำสั่งที่ได้ยินตามมาคือ หมอบ แล้วสั่งให้ทุกคนยกตัวขึ้นมาให้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างแผ่วางบนพื้น ฝ่ามือไม่งอเป็นอุ้ง ลำตัวขนานกับพื้น แล้วยุบตัวลงไปแต่ห้ามลำตัวแตะพื้น ให้ค้างคาไว้ สักพักก็สั่งให้ดันลำตัวขึ้น และยุบตัวลง แต่ไม่ให้แตะพื้น ก็คือการดันพื้น นับไปพร้อมๆ กัน 20 ครั้ง

มาถึงเวลานี้ กำลังแขนของแต่ละคนเริ่มมีอาการล้า แขนเริ่มสั่น ทั่วสรรพางค์กาย เต็มไปด้วยเหงื่อ พลางก็นึกไปว่า จะได้กินข้าวเที่ยงไหมเนี่ย

แล้วทุกคนก็ได้รับคำสั่งให้ยืนเข้าแถว แล้วเดินขึ้นไปประจำที่รอบวงอาหารอีกครั้ง

ครั้งนี้มีเสียงเตือนจากผู้ทรงอำนาจ ดังแผดก้องไปทั่วว่า ให้ระวังเสียงขยับเก้าอี้ เมื่อสั่งให้นั่ง คราวนี้ทุกคนคงไม่พลาดซ้ำอีกแน่ๆ เมื่อกอดฉากเสร็จ สั่งกินได้ ให้ฟันฉากไปด้านหน้าให้แข็งแรง เริ่มลงมือกินอาหารเที่ยงทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

คนที่นั่งใกล้หม้อข้าว ก็ใช้ทัพพีตักข้าวใส่จานส่งให้เพื่อนๆ จนครบวง 4 คน ส่วนคนที่นั่งใกล้คูลเลอร์ถังน้ำ ก็ตักน้ำใส่แก้วส่งต่อจนครบทั้งวง นักเรียนใหม่กินข้าวก็ต้องกินฉาก

เออแปลกไหมล่ะ วิ่งก็วิ่งเตะฉาก กินข้าวยังกินฉาก ชีวิตมันจะอะไรนักหนาวะ

ตอนนั้นผมไม่กล้ามีปัญหาหรอก เพิ่งมานึกถึงเอาก็เวลาที่บันทึกมาถึงตอนนี้

 

แต่นักเรียนใหม่ หรือนักเรียนนายร้อยตำรวจทุกคน แม้กระทั่งเหล่าอื่น ทั้งนักเรียนนายร้อย จปร. นักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรืออากาศ รวมถึงนักเรียนเตรียมทหาร ทุกคนล้วนเป็นนักเรียนทุน ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศจ่ายภาษีให้ทุกคนได้เรียนฟรี กินฟรี พักฟรี เครื่องแบบบางส่วนฟรี และมีเงินเดือนให้อีกต่างหาก นับตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาทุกคน

เมื่อมาคำนวณค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจ่ายให้ไป กับที่ทุกคนปฏิบัติต่อประชาชน ประเทศชาติ คุ้มค่าหรือไม่ ประชาชนคนไทยจะต้องประเมิน

และการประเมินได้นั้น ส่วนหนึ่ง คือ ผมต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตให้ตรงกับความเป็นจริงให้มากที่สุด ผลการประเมินจึงจะถูกต้องและคุ้มค่ากับการใช้ภาษีของประชาชนหรือไม่

 

เมื่อกินอาหารเที่ยงเสร็จ ก็มีการเรียกแถว หน้าอาคารโภชนาการครั้งนี้การเรียกแถวจะไม่เรียกให้เข้าแถวรวมทั้งกองร้อยแล้ว แต่จะให้เรียกแถวหมวดที่ 1, 2 และ 3 หรือตึกหน้ารวมกัน และอีกแถวคือ พวกตึกหลัง คือ หมวด 4, 5 และ 6 จากนั้นจึงเดินแถวไปพร้อมๆ กัน

พวกตึกหน้าจะเข้าห้องเรียน เรียก ตอนเรียนที่ 1

ส่วนพวกตึกหลัง จะเข้าห้องเรียน คือ ตอนเรียนที่ 2 ห้องเรียนจะมี 2 ห้อง ห้องละ 120 คน แต่ละห้องจึงมีตารางเรียนวิชาที่ต่างกัน แต่ละวิชาอาจจะสลับกัน แต่ทั้งหมดทั้งเนื้อหาและเวลาเท่ากัน เริ่มเรียนเมื่อเวลา 08.00 น. จนถึงเวลา 12.00 น. และเริ่มช่วงบ่าย 13.00 น. ถึง 15.00 น.

ระยะแรกของการเป็นนักเรียนใหม่ คือ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น นุ่งกางเกงขายาวสีกากี

หลังเลิกเรียน ช่วงแรกๆ จะเป็นการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน ตามระเบียบพัก หรือท่าพักปกติ รวมทั้งท่าตามสบายพัก ฝึกการเข้าแถว แถวหน้ากระดาน 4 แถว หรือ 5 แถว

มีทั้งแถวหน้ากระดานเปิดระยะ 1 ช่วงแขน หรือ 2 ช่วงแขน คือ กางมือทั้ง 2 ข้างออกไปให้สุดแถวหน้ากระดานปิดระยะ คือ แค่ยกศอกซ้ายขึ้นมาให้ฝ่ามือซ้ายแนบชิดขอบกางเกง นิ้วมือซ้ายเรียงชิดติดกัน นิ้วมือไม่แตกแยกจากกัน ดันข้อศอกซ้ายออกไปข้างหน้าให้ขนานกับลำตัว

ถ้าเป็นแถวตอนเรียง 5 หรือเรียง 6 คน หัวแถวจะยืนเป็นหลัก คนหลังจะยืนห่างจากคนข้างหน้า 1 ช่วงแขน และต้องมองตรงคอคนหน้า

เมื่อคนคุมแถวมองคนหัวแถวจะต้องไม่เห็นใครโผล่ออกมา คือ คนหัวแถวจะบังทุกคนมิดหมด นี่คือแถวตอน

จากนั้นจะฝึกการเดินแถวให้พร้อมเพรียงกัน ทุกครั้งจะต้องก้าวเท้าซ้ายก่อน คำสั่งจะลงที่เท้าซ้ายเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าเดิน หรือ แถวหยุด หรือซ้ายหัน ในเวลาเดิน กลับหลังหันในเวลาเดิน ยกเว้นขวาหันในเวลาเดิน

เมื่อสิ้นสุดคำสั่งให้หัน ผู้ปฏิบัติจะต้องหันตามทิศทางที่สั่ง พร้อมทั้งฝ่ามือทั้งสองข้างจะต้องทิ้งดิ่ง และนิ้วมือแต่ละข้างต้องเรียงชิดติดกัน ฝ่ามือไม่งอเป็นอุ้ง

เมื่อหันไปแล้ว ก็เดินตามปกติ มือทั้งสองข้างกำหลวมๆ เมื่อทำโดยพร้อมเพรียงกันด้วยความแข็งแรง จะเกิดความสวยงาม และฝึกการเดินสวนสนามในท่ามือเปล่า

ช่วงระหว่างการฝึก หากใครทำผิดจะต้องถูกทำโทษ เช่น ดันพื้น 20 ครั้ง หรือกระโดดพุ่งเท้า หรือยุคนั้นเข้าเรียกกันว่า ท่าพุ่งซัดเท้าหลัง แรกๆ ก็นับเป็นครั้ง พอนานไป กำลังเริ่มอยู่ตัว แข็งแรงขึ้น ก็นับเป็นรอบ ดันพื้นก็เริ่มเป็น 30 รอบ เช่น นับ 1…2…3…1, 1…2…3…2, 1…2…3…3, 1…2…3….4, 1…2…3…5,… เช่นนี้เรื่อยไป จนครบ 30 รอบ

และตั้งแต่นั้นมานักเรียนใหม่จะไม่โดนทำโทษเป็นครั้งอีกแล้ว จะนับเป็นรอบตลอดไป สูงสุด เช่น กระโดดพุ่งเท้า 1,000 รอบ หรือ 2,000 รอบ ใช้เวลาปฏิบัตินานเป็นชั่วโมง

ทุกคนจะต้องทำให้ได้ เพราะเมื่อฝึกจนเข้าที่ กำลังกายพร้อมปฏิบัติ แต่แรกๆ นั้น มันโหดเกินไป การฝึกนั้นจะเริ่มหนักจนถึงหนักที่สุด

 

ทุกวันเวลา 20.00 น. ณ ลานปานะดิษฐ์ นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกชั้นจะมายืนเข้าแถวตามลำดับกองร้อย ด้านหน้าสุด คือ กองร้อยที่ 4 และกองร้อยที่ 3 ถัดมาคือ กองร้อยที่ 2 และนักเรียนใหม่ กองร้อยที่ 1 ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดจะยืนท้ายแถวของแต่ละกองร้อยที่รับผิดชอบ จากนั้น หัวหน้านักเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งยืนอยู่หน้าสุด จะสั่งแถว และให้ทุกคนถอดหมวก พนมมือแล้วนำสวดมนต์ ต่อด้วยกล่าวอุดมคติตำรวจ

ถ้าผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือผู้กำกับการ มีราชการเรื่องสำคัญ ก็จะชี้แจงให้นักเรียนนายร้อยตำรวจทราบถือปฏิบัติ

จากนั้นแต่ละกองร้อยจะนำแถวกลับไปยังกองร้อยของตนเอง เพื่อทำภารกิจต่อไป

ในตอนเช้าของทุกวัน เวลา 08.00 น.ทุกกองร้อย ก็จะมายืนเข้าแถวเช่นนี้ เพื่อเคารพธงชาติ ก่อนที่แต่ละกองร้อยจะเดินแถวไปเข้าตอนเรียน

เมื่อปฏิบัติภารกิจมาทั้งวัน นักเรียนใหม่ถึงเวลาจะได้อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสดชื่น เมื่อถึงเวลาเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำไม่มีห้องน้ำส่วนตัว เป็นห้องน้ำรวม ไม่มีจากุซซี่ เวลาเดินไปห้องน้ำ ให้นำขันน้ำที่มีทั้งสบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ใส่ลงไปในขัน แล้ววางเทินบนศีรษะ เพื่อฝึกการเดินให้เดินตัวตรง ไม่หลังค่อม

แรกๆ เข้าห้องน้ำ หลายคนจะเหนียมอายเพราะไม่คุ้นเคย ส่วนพวกมาจากนักเรียนเตรียมทหารและตำรวจเก่า น่าจะผ่านมาแล้ว คงจะไม่เขินเท่าพวกมาจาก ม.ศ.5

ตรงนี้ผมไม่แน่ใจ ไม่ทันได้ถามใครทั้งนั้น พอวันเวลาผ่านไปนาน บางครั้งเพื่อนผมไม่ทันมองหน้า เห็นนิดเดียวก็รู้ว่าเป็นใครแล้ว

นานไป ย่อมก่อให้เกิดความคุ้นเคยและจดจำกันได้ บางคนเฮ้ย ทำไมมึงยาวจังวะ เวลาวิ่งต้องพันรอบเอวเลย

เวลาอาบน้ำจะมัวอ้อยสร้อยไม่ได้ ทุกวินาทีมีค่า ต้องรีบให้เร็ว ทำเวลาให้น้อยที่สุด

แล้วขึ้นมาที่กองร้อยมาแต่งตัว เปลี่ยนเป็นชุดนอนเสื้อยืดคอกลมสีขาวคอแดง โดยที่อกเสื้อยืดทุกตัว ใช้ปากกาเมจิกสีดำ เขียนชื่อตัวเองไว้

ถ้าชื่อซ้ำกัน ให้เขียนตัวอักษรที่เป็นนามสกุลตัวแรกและจุด เพื่อจะได้รู้จักกันว่าใครชื่ออะไร

แล้วนุ่งกางเกงจีนสีขาว ห้ามนุ่งกางเกงใน รีบจัดการกางมุ้งสีขาว ขอบมุ้งต้องแนบไปกับลวดสลิงที่ขึงไว้ทั้งกองร้อย มุ้งต้องไม่หย่อนจนเหมือนเปลนอน ต้องตึงทั้ง 4 ด้าน

ถึงเวลา 21.00 น. เสียงยามประจำกองร้อยของแต่ละตึกจะตะโกนเสียงดัง 3 ครั้งติดๆ กัน นอน นอน นอน

แล้วไฟฟ้าบนโรงนอนดับสนิททุกดวง