‘ช่อ พรรณิการ์’ อ่านโพล ‘มติชน x เดลินิวส์’ ‘ก้าวไกล’ กำลัง ‘ระเบิดกระแส’

เปลี่ยนผ่าน | ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

‘ช่อ พรรณิการ์’

อ่านโพล ‘มติชน x เดลินิวส์’

‘ก้าวไกล’ กำลัง ‘ระเบิดกระแส’

 

หลังผลโพลเลือกตั้ง ’66 “มติชน x เดลินิวส์” ในรอบแรก เปิดเผยออกมา พร้อมข้อมูลที่ว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคการเมืองยอดนิยมอันดับหนึ่ง โดยมีอันดับสองที่ไล่ตามมาอย่างใกล้ชิด คือ พรรคก้าวไกล

ยิ่งกว่านั้น ในคำถามที่สำรวจว่าใครคือแคนดิเดตนายกฯ ยอดนิยม ก็กลับกลายเป็นว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคะแนนพุ่งมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีสองแคนดิเดตจากเพื่อไทย คือ “แพทองธาร ชินวัตร” และ “เศรษฐา ทวีสิน” จี้ตามมาเป็นอันดับสองและสาม

สปอตไลต์ทางการเมืองก็เริ่มฉายจับไปยังพรรคก้าวไกล ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ซ้ำรอยพรรคอนาคตใหม่เมื่อสี่ปีก่อนได้หรือไม่?

โอกาสนี้ ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ “พรรณิการ์ วานิช” อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งปัจจุบันกำลังทำหน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงให้แก่พรรคก้าวไกล ในยามถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

เพื่อให้ “ช่อ พรรณิการ์” ลองประเมินนัยยะความหมายของตัวเลขเปอร์เซ็นต์ในโพลที่เพิ่งเผยแพร่สู่สาธารณชน

: อ่านผลโพลมติชน-เดลินิวส์อย่างไร?

จริงๆ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเพื่อไทยก่อน ในแง่ตัวคะแนนนายกฯ เนื่องจากว่าแคนดิเดตฯ เพื่อไทยมีสองคน ก็คือคุณเศรษฐา แล้วก็พี่อิ๊ง คนที่เลยอยากจะได้แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย เขาก็แบ่งคะแนนกันไป

ถ้าเอาแบบแฟร์ๆ จริงๆ เอาคะแนนของคุณอุ๊งอิ๊งกับคุณเศรษฐามารวมกัน ก็ยังมากกว่าคุณพิธา หมายความว่ามันก็สอดคล้องกันระหว่างคะแนนพรรคกับคะแนนของแคนดิเดตนายกฯ

แต่ถ้ากลับมาพูดเฉพาะคะแนนของก้าวไกลเอง ถามว่า 32-33 เปอร์เซ็นต์ เซอร์ไพรส์เราไหม? ก็ต้องบอกว่าไม่เซอร์ไพรส์ เพราะหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าคะแนนนิยมของอนาคตใหม่เคยพุ่งสูงสุดที่เท่าไหร่? (คำตอบคือ) 30 เปอร์เซ็นต์

แต่ก็ต้องดอกจันไว้ว่า 30 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นคะแนนอ้างอิงจากนิด้าโพล ซึ่งอนาคตใหม่ช่วงก่อนยุบพรรคเป็นช่วงที่กระแสขึ้นสูงที่สุดอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์

เพราะฉะนั้น คะแนนของมติชนบวกเดลินิวส์ในรอบนี้ ถามว่า 32 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้น่าแปลกใจขนาดนั้น มันเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่ากระแสการตัดสินใจของคน และความเข้มข้นของคน มันเพิ่มขึ้นสองระลอก

ระลอกแรก วันยุบสภา แล้วพอเราปล่อยแคมเปญผ้าป่าสามัคคีก้าวไกล มันเห็นเลยว่าประชาชนตอบรับ ซึ่งเราก็ประเมินอยู่แล้วว่าในวันยุบสภา กระแสความสนใจในการเลือกตั้งและการเมืองของคนจะสูงมาก เราจึงตัดสินใจปล่อยตัวแคมเปญนี้ หวังผลว่าน่าจะได้รับความสนใจเยอะ ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ

นั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นการปลดปล่อยกระแส จากเดิมที่ดูเหมือนก้าวไกลเงียบๆ หรือเปล่า

ระลอกที่สอง คือวันจับเบอร์ผู้สมัคร วันรับสมัคร ส.ส. วันนั้นก็เป็นวันที่กระแสขึ้นสูงอีกครั้ง มันเหมือนเป็นการลั่นกลองรบครั้งที่สอง เราเห็นเบอร์เราเห็นตัวตนของผู้สมัครแล้วจริงๆ มันเป็นความรู้สึกของประชาชนว่า นี่กำลังจะเลือกตั้งแล้วจริงๆ มันก็เลยกระตุ้นให้คนแสดงออกมากขึ้น

ช่อใช้คำว่า “แสดงออก” มากขึ้น เพราะเราไม่เชื่อว่าอยู่ดีๆ คนจะมาตัดสินใจปุบปับ ว่าจะเลือกก้าวไกล จากเดิมที่เคยเลือกพรรคอื่นอยู่ ภายในเวลาชั่วไม่กี่วัน คนที่มาตัดสินใจโค้งสุดท้ายมีไหม? มี เขาอาจจะตัดสินใจจากดีเบตบ้าง จากการดูคลิปดูข่าวต่างๆ บ้าง หรือจากผู้สมัครที่ไปหาเขาถึงบ้านบ้าง ก็ผสมปนเปกันไป

แต่เราเชื่อว่ากระแสความนิยมมันเหมือนตอนอนาคตใหม่ ตอนแรกเราเดินจนถึงเดือนธันวาคม (2561) – มกราคม (2562) กระแสก็ยังเงียบๆ เฉยๆ มาก มันมาปะทุจริงๆ ปลายมกราคม ต่อกุมภาพันธ์ แล้วพีกที่สุดก็คือมีนาคม 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง

ในรอบนี้ก็เป็นแบบเดียวกัน ถามว่าคนมานิยมชมชอบอนาคตใหม่-ก้าวไกลในช่วง 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้งไหม? ไม่ แต่มันเป็นปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่า “การระเบิดของกระแส”

นิด้าโพลล่าสุดที่ทำในช่วงไล่เลี่ยกันกับของมติชน-เดลินิวส์ ก็จะเห็นเลยว่า (พรรคก้าวไกล) กระแสขึ้น แต่เราเชื่อว่ามันเป็นขาขึ้นที่จะขึ้นต่อไปได้อีก ตัวเลข 30 เปอร์เซ็นต์ที่พรรคอนาคตใหม่เคยทำได้ในช่วงก่อนยุบพรรค ช่อคิดว่าในวันนี้สำหรับก้าวไกลไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง เกินความสามารถว่าจะไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะอย่าลืมว่ารอบนี้บัตรเลือกตั้งสองใบด้วย

ในเฉพาะคะแนนพรรค คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เอาตรงๆ ก็คุณไม่ต้องมานั่งเลือก (เหมือนปี 2562) ว่าคุณจะต้องเลือกให้เพื่อไทยหรืออนาคตใหม่ แต่ว่ารอบนี้ในบัตรพรรค คุณรักใครคุณก็เลือกพรรคนั้นไปเลย

ผู้สมัคร (ส.ส.เขต) เอง ถามว่าเราเชื่อมั่นในผู้สมัครเราไหม? ก็ต้องบอกว่าเราเชื่อมั่น ในด้านหนึ่ง ตัวผู้สมัครเอง เราเชื่อว่าโดยคุณสมบัติ ความพร้อม เวลาในการหาเสียง มีมากกว่าอนาคตใหม่เยอะ อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำผลงานตลอดสี่ปีที่ผ่านมาโดดเด่น คือในสภาเป็นที่ยอมรับ แม้แต่ทางฝั่งรัฐบาลเอง เขาก็ยอมรับบทบาทของ ส.ส.พรรคก้าวไกล

คนเริ่มรู้สึกว่า ที่คิดว่าเลือก ส.ส.ก้าวไกล ไป มันทำงานไม่ได้ คงไม่จริง เพราะฉะนั้น ตัว ส.ส.เขต ได้ส่วนนี้ช่วย 2 ส่วน คือผลงาน (ส.ส.ก้าวไกลชุดที่ผ่านมา) กับตัวผู้สมัคร ส.ส.เอง

ส่วนบัตรปาร์ตี้ลิสต์ ตัวพรรค มันคือการสั่งสมมาตลอดสี่ปี แล้วมา “ระเบิดกระแส” ระเบิดปรากฏการณ์ในช่วง 30 วันสุดท้าย แล้วก็เชื่อว่า (จะถูก) กระตุ้นด้วยการออกสื่อและเวทีดีเบต

เราเชื่อว่าสื่อกระแสหลักจะทำให้ (พรรคก้าวไกล) ไปถึงผู้คนที่อยู่นอกวงที่โดยทั่วไปสนับสนุนเราอยู่แล้ว เมื่อได้ออกสื่อกระแสหลัก เมื่อได้ออกเวทีดีเบต มันจะทำให้สิ่งที่เราพูดอยู่ทุกวันไปถึงคนที่โดยปกติเขาไม่ได้ฟังเรามากขึ้น แล้วทำให้เกิดการตัดสินใจใหม่หรือเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ในระดับหนึ่งเหมือนกัน

: จะมีไม้เด็ดอะไรอีกหรือไม่ในช่วงโค้งสุดท้าย?

มี… (เว้นวรรคอยู่พักใหญ่) ถ้าบอกก็ไม่เด็ดสิคะ เอาอย่างนี้แล้วกัน บอกเป็นน้ำจิ้มนิดๆ หน่อยๆ นะคะว่า หลังสงกรานต์ ก็จะเป็นช่วงที่เราเดินเครื่องเต็มสูบ หลังจากนี้ เราก็จะเห็นพรรคก้าวไกลไปเปิดเวทีในเขตยุทธศาสตร์ของเรา ในพื้นที่เป้าหมายของเรา ซึ่งมีเยอะ มีหลายสิบเขต

แล้วก็จะเห็นกลเม็ดเด็ดพราย ซึ่งถือว่าเป็นแคมเปญของส่วนกลางในระดับชาติ ที่เราเก็บไว้ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ที่เป็นโค้งสุดท้ายจริงๆ ก็มั่นใจว่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพี่น้องประชาชนได้พอสมควรเลยทีเดียว

ให้รอชมในสัปดาห์สุดท้ายของการเลือกตั้งแล้วกัน