เช็กสต๊อกหนังสือ : ตาสว่างกับรัชกาลที่ ๔

ตาสว่างกับรัชกาลที่ ๔ ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ สำนักพิมพ์มติชน ผู้เขียน ไชยันต์ ไชยพร จำนวน 197 หน้า ราคา 220 บาท

เป็นการรวบรวมผลงานของผู้เขียนในมติชนสุดสัปดาห์ ที่มุ่งนำเสนอแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่ได้ทรงเริ่มศึกษาค้นคว้าวิทยาการของโลกตะวันตกในด้านต่างๆ แล้วทรงเขียนอธิบายความให้คนไทยเริ่ม “ตาสว่าง” ในขณะที่สังคมไทยช่วงเวลานั้นยังเชื่องมงายในเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผล แม้กระทั่งมาถึงปี 2556 ที่เริ่มมีคำพยากรณ์ของเกจิ-โหราจารย์ พระหลายรูปทำนายทายทักว่า “วันสิ้นโลก” กำลังจะมาถึง จะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงจนภาคใต้ของไทยแทบทั้งภาคจะจมหายไป ใครไม่เชื่อก็ถูกหาว่าลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้เขียนต้องตั้งคำถาม “ถ้าผู้ชวนให้ไม่เชื่อเป็นพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงอธิบายให้คนไทยเลิกเชื่องมงายมาสองร้อยกว่าปีมาแล้วล่ะ”

นำไปสู่การนำพระราชนิพนธ์ของพระองค์มาถ่ายทอด พร้อมตีความ วิเคราะห์และเทียบเคียงกับปรัชญาตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ รวมทั้งปรัชญาการเมือง ที่เราไม่ค่อยได้รับรู้กันเท่าใดนัก ทั้งที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ความรู้ทางดาราศาสตร์ของท่าน

การตีความและวิเคราะห์พระราชนิพนธ์ พระบรมราชาธิบายในเรื่องต่างๆ นั้น ก็เพื่อสะท้อนระเบียบวิธีคิดและโลกทรรศน์ของพระองค์ทั้งในเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ มุมมองเรื่องความยุติธรรมตามแนวคิดแบบตะวันตก มุมมองเกี่ยวกับมนุษย์ในทางการเมือง ทรรศนะต่อ “คนเท่ากัน” และ “บัวสี่เหล่า” อำนาจอธิปไตยของปวงชนและรัฐธรรมนูญ อำมาตย์กับไพร่ และควายกับคน แม้กระทั่งการมองดูพม่าแล้วเหลียวกลับมามองประเทศสยามเอง เป็นต้น

สะท้อนถึงการเปิดพระราชหฤทัยรับองค์ความรู้ใหม่ นำไปสู่รัชสมัยที่นับว่าก้าวล้ำหน้าไปในหลายๆ เรื่อง

ศาลรัฐประหาร สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้เขียน ปิยบุตร แสงกนกกุล จำนวน 275 หน้า ราคา 350 บาท

ศาลรัฐประหาร : ตุลาการ ระบอบเผด็จการและนิติรัฐประหาร เป็นงานรวมข้อเขียนของผู้เขียนที่ลงพิมพ์ต่อเนื่องในมติชนสุดสัปดาห์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเสนอประเด็นบทบาทของศาลในทางการเมือง บทบาทของศาลในระบอบเผด็จการ ทัศนคติของศาลที่มีต่อการรัฐประหาร และอุดมการณ์และความคิดของศาล

เนื้อหาในเล่มครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจเชิงเปรียบเทียบกับบทบาทฝ่ายตุลาการในประเทศต่างๆ เมื่อเผชิญกับการรัฐประหารและระบอบเผด็จการ และโยงเชื่อมไปที่ความคิดและข้อถกเถียงเกี่ยวกับองค์กรตุลาการในระบอบการเมืองสมัยใหม่ โดยมีปรากฏการณ์ “ตุลาการภิวัตน์” กับการรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ของไทยเป็นฉากหลังและจุดตั้งต้นในการขบคิด

เป็นตุลาการภิวัตน์ที่นำไปสู่การเพิกถอนการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้งในขณะนั้น ก่อนเกิดการรัฐประหารตามมา รวมทั้งการยุบพรรคการเมือง ถอดถอนตัดสิทธินักการเมือง ฯลฯ ที่ถูกมองว่าเป็นกระบวนการ “นิติรัฐประหาร” ที่ดำเนินควบคู่ไปกับการรัฐประหารโดยทหารตามมาอีกครั้งในปี 2557 ขณะที่ศาลทั้งหลายต่างยืนยันความเป็นกลางที่ใช้อำนาจในนามของ “กฎหมาย” ซึ่งไม่เกี่ยวกับ “การเมือง”

แต่ในมุมมองของผู้เขียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักนิติศาสตร์รุ่นใหม่แถวหน้า กลับเห็นว่า “ศาลไม่ใช่องค์กรที่เป็นกลางและไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ศาลเป็นผู้เล่นทางการเมือง มีบทบาททางการเมืองผ่านการตัดสินคดี การตรวจสอบถ่วงดุลกับศาลจึงต้องเริ่มต้นจากการถอดรื้อความศักดิ์สิทธิ์ของศาล ทำให้ศาลลงมาอยู่ในระนาบเดียวกับองค์กรทางการเมืองอื่นๆ การวิจารณ์ การใช้อำนาจตอบโต้และการประท้วงศาลนั้น เป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตยที่แต่ละองค์กรสามารถใช้อำนาจตอบโต้ถ่วงดุลกันเพื่อหาจุดดุลยภาพแห่งอำนาจ”

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยอมรับว่า การทำงานทางความคิดและการปลูกฝังความคิดเชิงวิพากษ์ต่อศาล ย่อมกระแทกเข้า “กล่องดวงใจของศาล” เสมือนเป็นการ “รัฐประหารศาล” แต่ก็เพื่อไม่ให้ศาลเป็น “ศาลรัฐประหาร” และเพื่อเปลี่ยนให้ศาลเป็น “ศาลประชาธิปไตย” นั่นเอง

ปรับสมองไม่ให้เสื่อม สำนักพิมพ์ NANMEEBOOKS ผู้เขียน Kato Toshinori กิ่งดาว ไตรยสุนันท์ แปล จำนวน 222 หน้า ราคา 225 บาท

จากที่ทุกวันนี้เรามักใช้แต่สมองซีกซ้ายในการเรียนและการทำงานจนล้า ทั้งยังละเลยการใช้สมองซีกขวาจากที่หันไปใช้อุปกรณ์ช่วยจำต่างๆ มากมาย จนสมองค่อยๆ เสื่อม ดังนั้น คงถึงเวลาที่จะต้อง “ปลุกสมองที่หลับ ปรับสมองไม่ให้เสื่อม” ด้วยการกระตุ้นสมองส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้เพื่อให้เกิดความสมดุล แข็งแรง ไม่นำไปสู่อาการโรคสมองเสื่อม

ผู้เขียนที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ชีววิทยาและวิทยาศาสตร์พุทธิปัญญา ผู้วิเคราะห์สมองด้วยภาพ MRI ชาวญี่ปุ่น จึงชวนมาฟิตสมองซีกขวา 3 ด้าน (จาก 8 ด้าน) ได้แก่ การมองเห็น ความเข้าใจ และการจดจำ ด้วย 23 บทวิเคราะห์ และ 34 วิธีฝึกแสนง่ายในชีวิตประจำวัน เช่น สั่งอาหารจากภาพไม่ต้องดูตัวหนังสือ ซื้อของในงบประมาณที่กำหนด จำของในตู้เย็นให้ได้ เป็นต้น

ดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ที่สำคัญเราจะได้สำรวจตัวเองว่าใช้สมองหนักไปทางด้านเดียวอยู่หรือไม่ ผู้สูงวัยเองก็จะได้ฝึกใช้สมองขบคิด ไม่เสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ง่ายๆ ด้วย

วาระซ่อนเร้น สำนักพิมพ์ Sugar Beat ผู้เขียน Shayna จำนวน 672 หน้า ราคา 470 บาท

 

เป็นเล่มแรกของซีรี่ส์นวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่เป็นผลงานหลังจากผู้เขียนเข้าเรียนคอร์สออนไลน์กับ เจมส์ แพตเตอร์สัน นักเขียนเบสต์เซลเลอร์แนวสืบสวนสอบสวนชื่อดัง จึงพยายามเขียนเรื่องแรกนี้ให้สมจริงสมจัง ตัวละครจับต้องได้ มีที่มาที่ไป แต่ประเด็นสำคัญคือ ทุกคนตัวละครต่างมี “วาระซ่อนเร้น” ของตัวเอง มีมุมมองต่อโลกที่แตกต่างกันไป ทั้งมีความอิ่มเอมใจกับความรักหลายรูปแบบ

…การตายของพี่เขยและการหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำของพี่สาว ทำให้ศราวณะจำใจจดทะเบียนสมรสกับชายที่เคยปล้นจูบเธออย่างไร้ยางอายในงานแต่งงานของพี่สาวเมื่อสี่ปีก่อน แลกกับการได้ร่วมรับหลานสาววัยสองขวบมาเป็นบุตรบุญธรรม กับการตามหาตัวพี่สาว

การอยู่ในกรงทองกับผู้ชายรอบจัดอย่าง พอล ไวส์แมน อันตรายทั้งต่อตัวและหัวใจ เธอจึงพยายามสร้างกำแพงใจ ต่อต้านการรุกอย่างไม่มีขอบเขตของเขาที่คิดจะรวบหัวรวบหางเธอตลอดเวลา ทว่า ทุกครั้งที่ต้นรักกำลังเบ่งบาน อุปสรรครอบด้านกลับรุมเร้า ราวกับพระเจ้ากำลังบอกว่า เขากับเธอไม่ได้เกิดมาคู่กัน

แต่เขากลับยืนยัน “งั้นผมจะพิสูจน์ให้พระเจ้าเห็นว่า…คิดผิด”

คํา คม คิด

“ในการทำงานใหญ่นั้น ถ้าพบหลักฐานว่าใครทำผิดพลาด ให้จัดการทันที และ “ลืมมันซะ” เพราะนี่คือวิธีทำงานที่คุณจะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้”

เนลสัน แมนเดลลา