‘บิ๊กเจ้า’ คืนฟอร์มแม่ทัพนครบาล วิเคราะห์อาชญากรรมจาก 191 ขันน็อต 88 ผกก.สร้าง กทม.เซฟตี้

บทความโล่เงิน

 

‘บิ๊กเจ้า’ คืนฟอร์มแม่ทัพนครบาล

วิเคราะห์อาชญากรรมจาก 191

ขันน็อต 88 ผกก.สร้าง กทม.เซฟตี้

 

หลังจากฝ่าสถานการณ์ตำบลกระสุนตก ช่วงแรกๆ การรับตำแหน่ง ผบช.น.ไปแล้ว

“บิ๊กเจ้า” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง รหัสเรียกขาน “น.1” ทำงานเข้ารูปเข้ารอย มีสมาธิแก้ปัญหาอาชญากรรมพื้นฐานเมืองหลวงอย่างเต็มที่

นำไอเดียที่เคยนั่ง ผบช.ภ.2 มาปรับใช้พื้นที่กรุงเทพมหานคร

นั่นคือหยิบข้อมูลการรับแจ้งจากประชาชนผ่านสายด่วน 191 มาแก้ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ ในส่วนของ บช.น. มีจุดเด่นกว่าที่อื่น คือเมื่อประชาชนแจ้งเหตุ ชื่อ เบอร์โทร ลงระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด

แล้ววิเคราะห์แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกายและเพศ มี 16 เหตุ ดังนี้ ทะเลาะวิวาท, ทำร้ายบาดเจ็บ, วิกลจริตอาละวาด, ทำร้ายสาหัส, อนาจาร, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, นักเรียนตีกัน, ข่มขืน, โทรมหญิง, ฆ่าคนตาย, ฉุดหญิง, ล่อลวงหญิง, ลักพาตัวเด็ก, จี้จับตัวประกัน, ทำร้ายร่างกายและจิตใจ และกราดยิง

2. กลุ่มความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ มี ลักทรัพย์, บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์, จักรยานยนต์หาย, ฉ้อโกงทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์, รถยนต์หาย, ชิงทรัพย์, ยักยอกทรัพย์, กรรโชกทรัพย์ และปล้นทรัพย์

นำเหตุที่ประชาชนแจ้งมาดังกล่าว กำหนดลงจุด ระบุพิกัดลงในพื้นที่ แต่ละเหตุ มีสีที่แตกต่างกัน บ่งบอกชนิดของเหตุ วันเวลาที่เกิด จะแสดงว่า เป็นพื้นที่ สน.ไหน เวลาเกิดเท่าไหร่ มีเหตุอาชญากรรมชนิดใด

กรณีที่เกิดขึ้นบ่อยบริเวณนั้น ตำรวจเจ้าของพื้นที่จะต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน จัดวงรอบการตรวจพิเศษถี่ขึ้นป้องกันเหตุ

เช่น ความผิดกลุ่มแรก เหตุทะเลาะวิวาท พบว่าสูงสุดคือเวลา 20.00-22.00 น. สถานบริการร้านอาหารเปิดคนกินดื่มสังสรรค์กัน รองลงมาเวลา 22.00-24.00 น.

หรือกลุ่มความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เหตุลักจักรยานยนต์ เกิดเหตุซ้ำกันในหลายพื้นที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.คุมงานสืบสอน ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามโจรกรรมรถยนต์รถจักรยานยนต์ (ศปจร.น.) ได้หยิบข้อมูลจากการวิเคราะห์อาชญากรรมนี้ ไปทลายหลายแก๊งใน กทม.

 

ล่าสุดที่ตั้งโต๊ะแถลง จับ 3 แก๊งขโมยรถ พื้นที่ 3 สน. คือ คลองตัน, บางขุนนนท์ และตลิ่งชัน

รอง ผบช.น.คุมสืบสวน ระบุว่า “น.1” นำโปรแกรมคอมพิวเตอร์วิเคราะห์เหตุอาชญากรรมมาใช้ กับข้อมูลผู้ที่โทร.191 ทั้ง 88 สน.ใส่ถังข้อมูล

กรณีจักรยานยนต์หายพบว่าเกิดเหตุ 3 โรงพักดังกล่าวสูงสุด จึงมอบ ศปจร.น. ร่วมกับฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมได้ 4 ผู้ต้องหา พร้อมของกลาง 5 คัน

เจ้าของฉายา “อาจารย์นพ จบทุกจ็อบ” บอกอีกว่า ต่อไป บช.น.จะนำข้อมูลเหตุอาชญากรรมทั้งหมดมาวิเคราะห์ทุก 1 เดือน ทุกท้องที่นำมาลงโปรแกรมวิเคราะห์ทั้งพื้นที่เกิดเหตุ ความถี่ ห้วงเวลา จากนั้นนำผลวิเคราะห์ข้อมูลให้ ผกก.ทั้ง 88 สน. เพื่อนำฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุม ฝ่ายปราบปรามปรับแผนป้องกันเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้น

ดังนั้น ข้อมูลวิเคราะห์เขตอาชญากรรม มีในมือ 88 ผกก. เมื่อรับทราบคดีในพื้นที่ ต้องแก้ปัญหา จุดไหนที่เกิดเหตุบ่อย ต้องเอาสายตรวจไปเฝ้าระวัง ป้องกันเหตุ ประสานฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้ไขความเดือดร้อนให้ประชาชน

แต่ถ้ายังเพิกเฉย ถือว่าบกพร่อง นำไปสู่การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายต่อไป

 

ลองฟัง ผกก.สะท้อนมุมมอง

พ.ต.อ.นิมิต นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี บอกว่า ข้อมูลจากการวิเคราะห์อาชญากรรม ผบช.น. มีประโยชน์ เห็นช่วงเวลา เหตุเกิดที่ไหน ได้เอาข้อมูลมาดูแล้วประชุมกันใน สน.ทุกวันอังคารเย็น ปรับรอบวงออกตรวจ ที่ถนนสุขุมวิทมีคดีลักทรัพย์ ล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว วิ่งราวทรัพย์ เพราะมีสถานประกอบร้านอาหารมาก มักเกิดเหตุตั้งแต่ 22.00-02.00 น. ได้ระดมสายตรวจ และจราจรผลัดกลางคืน และฝ่ายสืบสวนไปซุ่ม เพิ่มวงรอบตรวจมากขึ้น และได้ติดตั้งไฟด่านเปิดสัญญาณบริเวณช่วงถนนสุขุมวิทที่มืดๆ ซอยเล็ก ซอยน้อย วิ่งทะลุทุกซอยได้ เป็นช่องว่างก่อเหตุเกี่ยวกับทรัพย์ได้ และอีกกรณีจะมีกลุ่มสาวประเภทสองก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เพิ่มมาตรฐานตรวจบัตรประชาชนเพื่อเก็บข้อมูล

ผกก.สน.ลุมพินีระบุว่า ตั้งแต่ทำมากลางเดือนมีนาคม เหตุเกิดลดลงเยอะกว่าครึ่งหนึ่ง ถือว่าเป็นเครื่องมือมาช่วย ผกก.ทำงาน

“สำหรับผม ชอบนะ เวิร์ก คดีลดลง ยังบอก ผบช.น.เลยว่า คนที่ได้ประโยชน์จริงๆ ไม่ใช่ผู้กำกับ แต่คือประชาชน พูดตรงๆ น.1 เป็นคนทำงาน เป็นคนจริงจัง รู้ลึก โกหกไม่ได้ ผกก.ต้องรู้จริง ในที่สุด ถ้า ผกก.ตื่นตัว สุดท้ายชาวบ้านได้ประโยชน์ ถ้าเราทำงานปกติท่านไม่ยุ่งอยู่แล้ว ดีจริงๆ ผมชอบ ทำงานมีเป้าหมาย อยากให้คดีลดลง”

 

พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.ลาดพร้าว เผยว่า พื้นที่มีคดีจักรยานยนต์หายแถวแฟลตคลองจั่น และแฮปปี้แลนด์ แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนลักทรัพย์มีไม่มาก จับกุมผู้ติดยาเข้ารับบำบัด

ที่ น.1 ย้ำคือการให้ความสำคัญความเดือดร้อนให้เข้าไปแก้ปัญหา จะมาดูเป็นเรื่องๆ ไปเลย ตอนนี้แยกสมุด 191 และที่ประชาชนแจ้งมา การที่ น.1 ใส่ใจในสิ่งที่เกิด ถือว่าได้กระตุ้นขันน็อต ให้ใส่ใจปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้านมากขึ้น ไม่ใช่สั่งๆ ไปแล้วไม่ติดตามผล แต่เจาะรายละเอียด ในฐานะผู้ปฏิบัติต้องกระฉับกระเฉง เคลียร์ปัญหา

พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.คลองตัน เล่าว่า ได้วิเคราะห์อาชญากรรมทุกอังคารบ่าย เห็นว่าคดีทะเลาะวิวาทเกิดบ่อยในย่านถนนปรีดี พนมยงค์ ใกล้ทองหล่อ-เอกมัย ช่วงเวลา 18.00-22.00 น. กำหนดมาตรการเปิดสัญญาณไฟเพื่อป้องปราม เพิ่มความถี่ของสายตรวจ

ปรากฏว่าได้ผลชัดเจน คนเห็นตำรวจ หยุดทะเลาะ ทำให้เหตุลดลง ส่วนคดีจักรยานยนต์หายมี 7 คัน แถวซอยอ่อนนุช 17, สุขุมวิท 71 ได้ป้องกัน ตั้งจุดตรวจ การเอาข้อมูล 191 มาวิเคราะห์อาชญากรรมใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน

 

พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.ทองหล่อ กล่าวว่า ผบช.น.ได้สั่งการที่ประชุม ให้ทำงานบนฐานข้อมูล ไม่ใช่ไม่รู้อะไร เผชิญเหตุไปเรื่อยๆ กรณีรับแจ้งเหตุเฉพาะหน้า ผกก.ต้องขันน็อตรอง ผกก. สารวัตร ถึงที่เกิดเหตุไม่เกิน 5 นาที แต่ถ้ามีภารกิจไม่เกิน 7 นาที ไม่อย่างนั้นจะยิ่งเกิดความเสียหายชีวิตและทรัพย์สิน สำหรับคดีที่เกิดขึ้นต้องนำมาวิเคราะห์รายวัน, สัปดาห์ และรายเดือน ว่าเกิดตรงพื้นที่ไหน มีแผนประทุษกรรมอย่างไร สถานที่เกิด เวลาเกิด และความเชื่อมโยง แล้วออกแผนการตรวจ รับกับข้อมูลอาชญากรรม

ผกก.ทองหล่อ ระบุว่า คดีทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นมาก เวลา 22.00-02.00 น. ส่วนคดีทำร้ายร่างกายประเมินการไม่ได้ แต่ได้เฝ้าระวัง 3 โซนพื้นที่ คือ สุขุมวิท 16-24 มีวินจักรยานยนต์ ไซต์คนงานก่อสร้าง โรงแรม, ริมถนนสุขุมวิท 23-35 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ และทองหล่อ-เอกมัย คนมาเที่ยวสถานบันเทิง คนเมา

ส่วนคดีเกี่ยวกับทรัพย์ โดดเด่นคือลักทรัพย์ เกิดมาก โดยเฉพาะโซนซอยคาวบอย, สุขุมวิท 49 ย่านอยู่อาศัย และโซนห้างบิ๊กซี พระราม 4 ได้วางกำลังป้องปราม สืบสวน ปรับแผนให้ตรงเวลา ตรงจุด ตรงพื้นที่ ให้ลูกน้องปรับแผนการตรวจ และถ้าสายตรวจไม่พอ ใช้รถยนต์เปิดสัญญาณไฟบ้าง

ปรากฏว่าสถิติอาชญากรรมลดลง 35% งานมีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรเท่าเดิม