โรดแม็ปรัฐบาล สู่การล้มอำนาจประชาชน

บทความพิเศษ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/

 

โรดแม็ปรัฐบาล

สู่การล้มอำนาจประชาชน

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยทั้งประเทศต้องการให้การเลือกตั้งปี 2566 เป็นการเลือกตั้งเพื่อนำประเทศสู่ความเปลี่ยนแปลง

แต่ถึงแม้ความคาดหวังของคนทั้งที่แสดงออกในโพลและในโซเชียลจะเห็นถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง

ยุทธวิธีที่พรรคการเมืองหาเสียงกลับต่างจาก “กระแส” ในหลายกรณี

พรรคฝ่ายค้านพูดเรื่องการเปลี่ยนแปลงจน “กระแส” แรงทั้งในแง่พรรคและตัวบุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

แต่ขณะที่พรรคเพื่อไทยพูดถึงการเปลี่ยนตัวนายกเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลและนโยบาย

พรรคก้าวไกลกลับพูดถึงเรื่องที่ไปไกลกว่านั้นอย่างรัฐสวัสดิการหรือหลักการเรื่องคนเท่ากัน

เพื่อป้องกันไม่ให้บทความนี้ถูกกล่าวหาว่าชมหรือด้อยค่าพรรคหนึ่งพรรคใด ขอระบุว่าคำบอกว่าพรรคไหนไปไกลกว่าไม่ได้บอกว่าพรรคไหนดีกว่า เพราะไกลคือคำคุณศัพท์ ไม่ใช่คำตัดสินเชิงคุณค่า

เหมือนกับการบอกว่าแพร่ไกลกรุงเทพฯ กว่านนทบุรี ไม่ได้แปลว่าแพร่ดีกว่านนทบุรี

 

ด้วย “กระแส” ของเพื่อไทยและก้าวไกลที่ตามโพลแล้วแรงจนแซงหน้ารวมไทยสร้างชาติอย่างต่อเนื่อง

มาตรฐานขั้นต่ำที่คนจำนวนมากคาดหวังจากการเลือกตั้งครั้งนี้คือการเปลี่ยนตัวนายกฯ แน่ๆ

ส่วนใครจะคาดหวังอะไรมากกว่านั้น และพรรคไหนจะเสนออะไรมากกว่านั้นก็สุดแท้แต่กรณี

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่ “กระแส” ความคาดหวังเปลี่ยนตัวนายกฯ ไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน ปริมาณพรรคที่ประกาศว่า “ไม่เอาประยุทธ์” ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับน้อยกว่าปี 2562 ซึ่งทั้งพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์เคยประกาศแบบนั้นแต่ในปี 2566 กลับไม่พูดอะไรแบบนี้เลย

“กระแส” ของพรรคฝ่ายค้านทำให้ภาพใหญ่ของการเลือกตั้งเป็นเรื่องการเปลี่ยนนายกฯ และเปลี่ยนรัฐบาล

ส่วนภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ดูเหมือนจะยอมรับการเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยไม่เปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะที่รวมไทยสร้างชาติไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงทั้งตัวนายกฯ และพรรครัฐบาลเลย

ในแง่นี้ Game Plan หรือ “แผนการเล่น” ของเพื่อไทยคือการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและสร้างความน่าเชื่อในการเป็นรัฐบาลเอง

ส่วนภูมิใจไทยและ ปชป.ต้องประคองจำนวน ส.ส.ให้มากที่สุดเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง

ขณะรวมไทยสร้างชาติต้องทำให้ทุกคนชูคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อไป

 

พลังประชารัฐคือพรรคใหญ่ที่ลงเลือกตั้งด้วยแผนการที่ชัดเจนน้อยที่สุด

จึงเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีคนพูดถึงในการเลือกตั้งน้อยที่สุดด้วย

เพราะไม่กล้าวิจารณ์รัฐบาลเพื่อให้ตัวเองเป็นรัฐบาลเท่าเพื่อไทย และก็ไม่กล้าให้ทุกคนหนุนคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ เท่ารวมไทยสร้างชาติชูคุณประยุทธ์

เมื่อเทียบกับพรรคอื่นที่มีวาระในการเลือกตั้งชัดเจน พลังประชารัฐคือพรรคที่บอกคนไทยไม่ได้เลยว่าจะเลือกไปเพื่ออะไรแน่

เพราะคุณประวิตรไม่ชัดเจนเรื่องการอยากเป็นนายกฯ เท่าเพื่อไทยและคุณประยุทธ์ ซ้ำนโยบายแจกเงิน 700 ก็น้อยกว่ารวมไทยสร้างชาติที่ให้ 1,000 และเพื่อไทยให้ 10,000

โดยทั่วไปแล้ววิธีที่พรรคการเมืองระดมคะแนนเสียงเพื่อยึดอำนาจรัฐผสมปนเปกันระหว่างการใช้เงินปูพรมหาเสียงขนาดใหญ่, การชูนโยบาย, การข่มขู่ และการใส่ซอง

แต่สำหรับพรรคที่ทำแบบนี้แล้วยังสร้างกระแสไม่ได้

ทางออกที่ง่ายที่สุดคือการด่าพรรคอื่นเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง

 

ด้วยเงื่อนไขที่แต่ละพรรคเริ่มประกาศนโยบายเพื่อดึงคะแนนให้ได้เป็นรัฐบาล และด้วยเงื่อนไขที่การเลือกตั้งตอนนี้เข้าสู่ช่วงของการดีเบตระหว่างพรรค การเลือกตั้งปี 2566 จึงเข้าสู่ช่วงเวลาของการโจมตีซึ่งกันและกันทั้งเพื่อยกหางตัวเองและเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งทางการเมือง

พรรคการเมืองที่คะแนนนิยมในโพลนำโด่งทั้งในแง่พรรคและในแง่ตัวแคนดิเดทนายกคือเพื่อไทย, ก้าวไกล และรวมไทยสร้างชาติ แต่ขณะที่โดยปกติพรรคการเมืองซึ่งแย่งอำนาจรัฐกันจะโจมตีพรรคที่เป็นหัวหอกของฝ่ายตรงข้าม สถานการณ์ตอนนี้กลับเป็นการรุมโจมตีก้าวไกลยิ่งกว่าเพื่อไทย

พูดให้เห็นภาพยิ่งขึ้น ขณะที่พรรคเพื่อไทยคะแนนพุ่งแซงทุกฝ่ายในแง่พรรคและในแง่คน ยกเว้นแต่ใน กทม.ที่พรรคก้าวไกลและพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นอันดับหนึ่งทั้งในแง่คนและในแง่พรรค พลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติกลับโจมตีเพื่อไทยน้อยกว่าพรรคก้าวไกลอย่างไม่มีใครรู้เหตุผลเลย

ในกรณีรวมไทยสร้างชาติ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคได้ปราศรัยไล่คนชังชาติออกไปนอกประเทศในแบบที่ทุกคนฟังก็รู้สึกได้ถึงการโจมตีพรรคก้าวไกล

ส่วนคุณสุชาติ ชมกลิ่น ก็โจมตีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บนเวทีดีเบตที่ชลบุรีจนอื้อฉาวไปทั่ว

ขณะที่ความแข็งกร้าวแบบนี้ไม่มีกับพรรคเพื่อไทยเลย

 

เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทยที่พูดเรื่องเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่ไล่คุณประยุทธ์โดยไม่ต้องเลือกพรรคอื่นเลย

รวมไทยสร้างชาติกำลังผลักดันเรื่องเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์โดยทำให้ก้าวไกลเป็น “ปีศาจ” หรือ “ศัตรูร่วม” จนทุกฝ่ายที่ไม่ชอบก้าวไกลต้องเลือกคุณประยุทธ์และรวมไทยสร้างชาติเท่านั้นพอ

แม้กระทั่งเรื่องเพื่อไทยแจกเงิน 1 หมื่นบาทเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลซึ่งกลายเป็นเป้านิ่งให้พรรคอื่นๆ ถล่มอย่างสนุกมือ รวมไทยสร้างชาติกลับเป็นพรรคที่โจมตีเพื่อไทยเรื่องนี้น้อยมาก หากไม่นับคุณประยุทธ์และคุณธนกร วังบุญคงชนะ ซึ่งกระแหนะกระแหนเรื่องนี้กว้างๆ ประเภทขอให้ กกต.ไปดูเรื่องนี้ให้ดี

เด็กมัธยมยังรู้ว่ามวยคู่เอกในการเลือกตั้งครั้งนี้คือคุณทักษิณ ชินวัตร กับคุณประยุทธ์ แต่พรรครวมไทยสร้างชาติกลับเปิดศึกกับพรรคเพื่อไทยน้อยเมื่อเทียบกับพรรคก้าวไกล

เช่นเดียวกับที่แกนนำระดับต่างๆ ในรวมไทยสร้างชาติยังแทบไม่มีการโจมตีคุณแพทองธาร ชินวัตร หรือคุณเศรษฐา ทวีสิน เลย

หลายท่านอาจแย้งว่าคุณแรมโบ้จากรวมไทยสร้างชาติแถลงข่าวด่าคุณทักษิณประจำ แต่คุณแรมโบ้ไม่ใช่แกนนำ และการด่าก็เป็นการด่าซ้ำๆ ซากๆ ซึ่งไม่ได้มีความหมายทางยุทธศาสตร์อะไรมากกว่าการหาทางให้คุณแรมโบ้มีที่ยืนในพรรคเท่านั้นเอง

 

ยุทธศาสตร์ของรวมไทยสร้างชาติคือการสร้างพรรคสุดโต่งเพื่อดึงคะแนนจากคนสุดโต่ง

พรรคก้าวไกลซึ่งถูกกองทัพและคุณประยุทธ์สร้างภาพด้วยข้อหา “ชังชาติ” ตั้งแต่เลือกตั้งปี 2562 จึงเป็นพรรคที่ถูกสาดโคลนให้เป็นฝ่ายตรงข้ามของฝ่ายสุดโต่งได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเพื่อไทย

ด้วยกลยุทธ์ด่าก้าวไกลเพื่อระดมคะแนนเสียงตามการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ของฝ่ายเผด็จการ รวมไทยสร้างชาติกลายเป็นพรรคที่เข้าสู่การเลือกตั้งปี 2566 โดยพูดถึงนโยบายน้อยจนคำว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” หมายถึงการให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องนโยบายอะไรเลย

พลังประชารัฐไม่ได้โจมตีก้าวไกลเท่ากับโจมตีเพื่อไทย และน่าสังเกตว่าพลังประชารัฐโจมตีเพื่อไทยของพลังประชารัฐโฟกัสไปที่คุณทักษิณ, คุณแพทองธาร และตระกูลชินวัตรมากเป็นพิเศษหลังคุณเศรษฐาประกาศนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาท โดยหลายกรณีเป็นการโจมตีในเรื่องส่วนตัว

สำหรับคุณประวิตรที่หาเสียงด้วยเรื่องก้าวข้าวความขัดแย้งทางการเมือง การไม่ยุ่งกับศึกรวมไทยสร้างชาติกับก้าวไกลทำให้คุณประวิตร “ได้ภาพ” ว่าไม่ใช่พวกที่ทำให้ประเทศอยู่ในวังวนความขัดแย้งไม่รู้จบ ขณะที่การวิจารณ์พรรคเพื่อไทยแจกเงิน 1 หมื่นบาท ยังพอพูดได้ว่าเป็นเรื่องนโยบาย

ล่าสุด ด้วยกระแสเพื่อไทยที่พุ่งแรงหลังคำประกาศแจกเงินคนไทยหัวละหมื่น ซึ่งคุณเศรษฐาพูดว่าครอบครัวที่มีหลายคนจะได้เงินเป็นแสน ส่วนคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน บอกว่าหมู่บ้านที่มีประชากรเยอะจะได้เงินรวมกันสิบล้าน พลังประชารัฐได้ประกาศแล้วว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยและก้าวไกลเลย

ด้วยยุทธวิธีของพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ การเมืองหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการทำลายล้างเพื่อไทยหลังจากพยายามทำลายก้าวไกลไปแล้ว

ความเป็นพันธมิตรระหว่างคุณประยุทธ์กับคุณประวิตรกำลังก่อตัวขึ้นเพื่อดึง ส.ว.มาหนุนฝ่ายนี้เป็นนายกฯ คู่ขนานกับการหาทางเอาผิดเพื่อไทย

ไม่มีอะไรเป็นอาหารอันโอชะของฝ่ายรัฐบาลเท่าโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทเข้ากระเป๋าดิจิทัลในปัจจุบัน