จับสัญญาณ ‘บิ๊กบี้’ ดันบูรพาพยัคฆ์คอแดง ปาดทหารเสือฯ ดัชนี ‘บิ๊กโต’ แรง สูตร ‘ตู่-ต่อ, ป้อม-โต’

จับสัญญาณ ‘บิ๊กบี้’ ดันบูรพาพยัคฆ์คอแดง ปาดทหารเสือฯ ดัชนี ‘บิ๊กโต’ แรง สูตร ‘ตู่-ต่อ, ป้อม-โต’ ดวงชะตา สร.1 กับ ทบ.1

 

ประเด็นที่ใน ทบ. โดยเฉพาะสาย พล.ร.2 รอ. ตั้งข้อสังเกต คือการที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เลือกรองเทพ พ.อ.เทพพิทักษ์ นิมิตร (ตท.31) ขึ้นมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ติดยศพลตรี แม้ว่ารองเบญ พ.อ.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่อาวุโสครองยศกว่า แต่ทว่า ก็เป็นรุ่นน้อง ตท.32

แต่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือการที่ พล.ต.เทพพิทักษ์ เป็นบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่เติบโตมาจาก ร.2 รอ. และเป็นสายตรงของบิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. แคนดิเดต ผบ.ทบ.คนต่อไป ที่เติบโตมาจาก ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ ปราจีนบุรี มาด้วยกัน เป็นอดีต ผบ.ร.2 รอ. ต้นกำเนิดบูรพาพยัคฆ์

ขณะที่ พ.อ.เบญจพล เป็นสายทหารเสือราชินี เคยเป็น ผบ.ร.21 รอ. ถูกจัดให้เป็นนายทหารในสายบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. แคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคน ที่เป็นทหารเสือฯ เป็นอดีต ผบ.ร.21 รอ. และเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่เติบโตมาจาก ร.21 รอ. และเคยเป็น ผบ.ร.21 รอ. ค่ายนวมินทราชินี ชลบุรี มาด้วยกัน

จนร่ำลือกันว่าเป็นการคัดตัวทีมเวิร์กที่มีบุคลิกนิ่งแต่เด็ดขาด เพื่อพร้อมรับสถานการณ์หลังการเลือกตั้งหรือไม่

และรวมถึงการจับตามองกันอีกว่า การที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์เลือก พล.ต.เทพพิทักษ์ มาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.คนใหม่นั้น เป็นดัชนีชี้วัดความแรงของ พล.อ.สุขสรรค์ ด้วยหรือไม่

รวมถึงสะท้อนความใกล้ชิด ไว้วางใจที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์มีต่อ พล.อ.สุขสรรค์ ด้วยหรือไม่ หลังจากที่ทำงานเข้าขากันดีใน ฉก.ทม.รอ.904 ที่มี พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 มาเป็นปีที่ 3 ส่วน พล.อ.สุขสรรค์ เป็น เสธ.ฉก.ทม.รอ.904 มาเป็นปีที่ 2

พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง,พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์,พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

แม้ พล.อ.เจริญชัยจะเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และอยู่ใน ฉก.คอแดง นี้มาหลายปีก็ตาม แต่ก็มีเรื่องราวของ “ฉก.คอนเน็กชั่น” ปรากฏอยู่เนืองๆ

พล.อ.เจริญชัยยังคงเป็นต่อในการก้าวสู่ ผบ.ทบ. เพราะเป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอาวุโส อัตราพลเอกพิเศษ หรืออัตราจอมพลเดิม และเป็นน้องรักสายทหารเสือฯ พล.อ.ประยุทธ์

ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อีกสมัย อำนาจต่อรองอาจพอมีน้ำหนัก เพราะเชื่อกันว่า บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการ สนว. น้องรักบิ๊กตู่ ยังคงมีเพาเวอร์อยู่ไม่น้อย ในเรื่องการจัดโผทหารในส่วนทหารคอแดง

แม้จะรู้กันดีเป็นการภายในว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ ไม่ใช่สายตรงของบิ๊กแดง แต่มีแผงหลังที่ใหญ่มหึมา ที่เคยหนุนให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ได้นานถึง 3 ปี จนจะเกษียณกันยายนนี้แล้ว

จนทำให้ทหารในกองทัพบกเผื่อใจกันแล้วว่า ผบ.ทบ.คนใหม่ อาจมีพลิกได้ ระหว่าง 2 ต. “ต่อ-โต” เพราะรู้กันดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ “ฉก.คอนเน็กชั่น” เป็นคนตัดสินใจ เพราะต้องไม่ลืมว่า ผบ.ทบ. จะต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

ตราบใดที่ ทบ.ยังต้องมี ฉก.ทม.รอ.904 มีทหารคอแดงในส่วนของ ทบ.อยู่ แม้ว่าการตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 นี้ขึ้นมา แค่เฉพาะในช่วงการเปลี่ยนผ่านก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า ยังไม่มีสัญญาณใดว่าจะเปลี่ยนแปลง

อีกทั้งเป็นที่รู้กันดีใน ทบ.ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.สุขสรรค์ นั้นมีความสนิทสนมใกล้ชิดกันมากกว่า กับ พล.อ.เจริญชัย อาจเพราะเป็น ผบ.ฉก. กับ เสธ.ฉก. จึงยิ่งรู้ใจกันมากขึ้น

จึงทำให้ใน ทบ.จับตาไปที่ พล.อ.สุขสรรค์ ว่าจะแซงโค้งสุดท้ายหรือไม่

โดยเฉพาะหากมีการเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายกฯ ซึ่งหากเป็นบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่สายบูรพาพยัคฆ์ ก็อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลง

จึงดูเสมือนว่าดวงชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.เจริญชัย และดวงชะตาของ พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.สุขสรรค์ น่าจะยึดโยงกัน

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

ยิ่งในระยะหลังๆ มานี้ความสัมพันธ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เริ่มกลับมาเป็นที่จับตามองถึงความห่างเหินกันมากขึ้น

หลังจากที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องลงดาบ 3 พันเอกของกองพลสไตรเกอร์ พล.ร.11 ที่เป็นน้องรักที่คัดตัวมาวางไว้เพื่อให้เติบโตในหน่วยนี้ ทั้ง รอง ผบ.พล.ร.11

ผบ.ร.112 และ ผบ.ร.111 ที่ถูกย้ายไปเป็นนายทหารปฏิบัติการประจำ มทบ.11 ในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับพันเอกพิเศษ หรือโผผู้บังคับการกรม 127 นายที่ผ่านมา

เพียงเพราะไปพบปะกินข้าวกับนักการเมืองในพื้นที่ ตามวิถีทหารในต่างจังหวัดที่ต้องรู้จักทางข้าราชการตำรวจและนักการเมืองในพื้นที่เพื่อการประสานความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมายาวนาน

แม้จะมีการชี้แจงในระดับกองทัพบกแล้ว แต่แรงกดดันจากตึกไทยคู่ฟ้า ที่ทวงถามความเป็นกลางของกองทัพบก เช่นที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์เคยประกาศจุดยืน ทบ.ในช่วงการเลือกตั้งเอาไว้ จนทำให้ต้องย้าย 3 พันเอกเข้าประจำ เพราะนักการเมืองคนดังกล่าวเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และโดยเฉพาะมักกล่าวโจมตี พล.อ.ประยุทธ์

แต่ก็แก้เกมด้วยการส่งทหารบูรพาพยัคฆ์คอแดง พ.อ.อภิชัย จูสนิท จากรอง ผบ.12 รอ. มาเป็น ผบ.ร.111 แทน

ดังนั้น ในงานวันสถาปนา 136 ปี กระทรวงกลาโหม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ทั้งปลัดกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มากันพร้อมหน้า

แต่ไม่เห็นแม้เงาของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในการมาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเพราะเพิ่งจบภารกิจการเข้าเวรราชองครักษ์ ไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่ก็เลือกที่จะส่งบิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ เสนาธิการทหารบก มาแทน

แต่หลังจากงานที่กระทรวงกลาโหมเสร็จสิ้นได้ไม่กี่นาที พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ปรากฏตัว ในการเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กองบัญชาการกองทัพบก ตามปกติ โดยไม่ได้เดินทางมาที่กระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด

พลตรี เทพพิทักษ์ นิมิตร

มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์กำชับกำลังพลย้ำอีกครั้งเรื่องความเป็นกลาง ข้อควรทำและไม่ควรทำ จนร่ำลือกันว่าไม่มีใครสั่งบิ๊กบี้ได้ ในเรื่องการเลือกตั้ง และเป็นทหารอาชีพ

และต้องจับตามองในช่วงการสับเปลี่ยนทหารเกณฑ์ หรือทหารกองประจำการที่จะปลดประจำการ 30 เมษายน และพลทหารที่จะมารายงานตัวใหม่ 1 พฤษภาคมนี้ เพราะทหารที่ปลดประจำการจะต้องไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีภูมิลำเนาทหารของหน่วย และจะไม่มีสิทธิในการใช้เลือกใช้สิทธิเลือกตั้งในพื้นที่หน่วยทหารนั้น

ในขณะเดียวกันทหารกองประจำการที่จะมารายงานตัวใหม่จะต้องมีชื่อการใช้สิทธิ ณ ภูมิลำเนาเดิมทหารของหน่วยนั้น

ช่องว่างช่องโหว่ตรงนี้ หากมีการดำเนินการอะไรก็อาจจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองได้

ท่ามกลางการจับตามองว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดนี้ที่จะเกษียณราชการพร้อมกันในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะยอมแลกเกียรติยศชื่อเสียง กับเรื่องเหล่านี้หรือไม่

เพราะถูกจับจ้องมาตลอดอยู่แล้วว่าจะเอนเอียงเข้าข้าง พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ แม้ว่าผู้นำเหล่าทัพทุกคนจะยืนยันในการวางตัวเป็นกลางทางการเมืองก็ตาม

ยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองเข้มข้นดุเดือดมากเพียงใด ในการชิงอำนาจการเป็นรัฐบาล บทบาทของกองทัพ และการขยับตัวของผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ก็ยิ่งน่าจับตามองยิ่ง

ยิ่งในยามที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพถึง 4 คนกำลังจะเกษียณพร้อมกันเช่นนี้