เผยแพร่ |
---|
แต่ละการตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมืองใน”จังหวะ”อันเป็นหัว เลี้ยวหัวต่อในทางการเมืองมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
ตัวอย่างที่เห็นๆกัน คือ การตัดสินใจต่อเวทีดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างคึกคัก หรือแม้กระทั่งการลงนามร่วม”จรรยาบรรณเลือกตั้ง”
การที่มี 31 พรรคเห็นชอบในการลงนามอันเท่ากับเป็นการทำ”สัตยาบรรณ”ต่อ”จรรยาบรรณ” แล้วมีอย่างน้อย 2 พรรคปัดปฏิเสธอย่างเย็นชา
นั่นก็คือ การปฏิเสธของพรรคพลังประชารัฐ นั่นก็คือ การปฏิเสธของพรรครวมไทยสร้างชาติ
นี่จึงมิได้เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น นี่จึงมิได้เป็นเรื่องของพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น หากแต่ยังครอบคลุมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เนื่องจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การลงนาม”จรรยาบรรณ”เป็นเช่นนี้ การร่วม”ดีเบต”ก็เช่นนี้
ยอมรับเถิดว่าเมื่อย่างเข้าเดือนเมษายน เวทีดีเบตจะปรากฏขึ้นอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นจากแต่ละองค์กรภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นจากแต่ละสถาบันการศึกษา
ยิ่งเป็นการจัดโดยสถาบัน”สื่อ” ยิ่งเป็นจุดเร้าเย้ายวนอย่างเป็นพิเศษในทางการเมืองเหมือนที่”มติชน” จัด เหมือนที่”ไทยรัฐ”จัด
รายชื่อคนที่เข้าร่วม รายชื่อพรรคการเมืองที่เข้าร่วมจึงอยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์ คำถามก็คือทำไมไม่มีคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำไมไม่มีคนของพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคำถามว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมขึ้นเวที ทำไม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ยอมขึ้นเวที กลายเป็นคำถามกลายเป็นความสงสัย
ในเมื่อการแสดง”วิสัยทัศน์”ต้องเกิดขึ้นในสังคม”ประชาธิปไตย”
ทำไมพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ยอมลงนาม”จรรยาบรรณ”การเลือกตั้ง ทำไมพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นสู่เวทีดีเบตทางการเมือง
นี่คือโจทย์แหลมคมเป็นลำดับสำหรับทุกพรรคการเมือง ต่อพรรคพลังประชารัฐ ต่อพรรค รวมไทยสร้างชาติ ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็น”เป้านิ่ง” กลายเป็น”จำเลย”ในทางสังคมโดยอัตโนมัติ