ชาติที่เปิดรับ ‘คนย้ายประเทศ’ มากที่สุด คือ Canada | จักรกฤษณ์ สิริริน

ผู้เขียนไปดูงานที่ Canada ปีนี้ครบ 10 ปีพอดี เท่าที่ติดตามข่าวคราวต่างๆ ของ Canada คิดว่าฉาก บรรยากาศ และเรื่องราว ยังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก

เพราะ Canada เป็นประเทศพัฒนาแล้วในระดับเลขตัวเดียวของโลกติดต่อกันมาอย่างยาวนาน

เชื่อว่าผังเมือง โครงสร้างสาธารณูปโภค และหลายสิ่งหลายอย่าง แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบใหญ่ๆ ให้เห็นแบบผิดหูผิดตา จะมีบ้างก็อาจเป็นเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น

ตอนที่ไปเยือน Canada ผู้เขียนได้ตระเวนเมืองสำคัญๆ ของ Canada ไม่ว่าจะเป็น Vancouver Victoria British Columbia Qu?bec Montr?al Ottawa และ Toronto

ข้อสังเกตสำคัญก็คือ ป้ายบอกสัญลักษณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถนนหนทางของ Canada จะเขียนทุกอย่างด้วยระบบ 2 ภาษา คือภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส

เป็นผลมาจากรากการเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส อันปรากฏชัดที่รัฐ Québec ซึ่งมีพลเมืองเชื้อสายฝรั่งเศสมากถึง 90% จากประชากรราว 8 ล้านคน

ทว่า เมื่อเทียบกับประชากรกว่า 32 ล้านคนของ Canada ชาว Québec มีอัตราส่วนเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น แต่ภาษาฝรั่งเศสที่พวกเขาใช้กลับส่งผลสะเทือนไปทั่วทั้งประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีข้อกฎหมาย VOTE เพื่อแยกดินแดนระหว่าง Québec ตัวแทนชาวฝรั่งเศส กับรัฐอื่นๆ ของ Canada ตัวแทนชาวอังกฤษมาอย่างยาวนาน

แม้ Québec จะแพ้การ VOTE มาโดยตลอด แต่กระบวนการจะยังคงดำเนินการต่อเนื่องต่อไป

นอกจากฝรั่งเศส Canada เป็นประเทศหลากเชื้อชาติมาอย่างยาวนาน นอกจากอังกฤษที่เป็นคนส่วนใหญ่ ยังมีชาวยุโรป ชาวแอฟริกา และชาวเอเชีย ที่อพยพมามากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฮ่องกงเชื้อสายจีน รวมถึงลูกหลานชนเผ่าเอสกิโมที่ตั้งรกราก และคนเชื้อสายอินเดียนแดงซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ดั้งเดิมมาตั้งแต่โบราณ

ความที่เป็นประเทศหลากเชื้อชาติมาอย่างยาวนาน ประกอบกับการเผชิญหน้ากับปัญหาขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจาก Canada มีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิกฤต COVID-19 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ที่ Canada ต้องการผู้อพยพใหม่ๆ เข้ามาเป็นกำลังแรงงานเพื่อฟื้นฟูประเทศจากวิกฤต COVID-19

ดังนั้น แม้จะเป็นชาติที่มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากตลอดทั้งปี แต่ Canada คือหนึ่งในประเทศที่ชาวต่าวชาติต้องการอพยพไปอาศัยอยู่อย่างถาวรมากที่สุดของโลก

ในทางกลับกัน ผู้อพยพได้เข้ามาทดแทนการลดลงของประชากร Canada

โดยเมื่อปี ค.ศ.2019 ก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 อัตราการเกิดของ Canada อยู่ในระดับต่ำสุดเท่าที่มีการบันทึกสถิติไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเกิดวิกฤต COVID-19 ที่แรงงานจำนวนมากต้องตกงาน และหลายคนมีบทบาทสำคัญในด้านสาธารณสุข รวมถึงภาคบริการ และอุตสาหกรรมค้าปลีกของ Canada

ดังนั้น ผู้อพยพจึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของ Canada ในช่วงฟื้นฟูประเทศหลัง COVID-19 คลี่คลายลง

ที่นอกจากจะเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทดแทนบุคลากรเก่าแล้ว ผู้อพยพยังเป็นกลุ่มที่นำพาเศรษฐกิจของ Canada ให้ฟื้นตัวกลับมาโดยเร็วอีกด้วย

 

แม้ในช่วงที่ผ่านมา COVID-19 เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงของผู้อพยพที่จะย้ายถิ่นฐานมายัง Canada จากมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ รวมถึงกระบวนการขอลี้ภัยที่ยาวนาน

ทำให้ผู้อพยพไม่สามารถทำงานได้ตามกฏหมาย Canada ในระหว่างรอกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดมากในช่วง COVID-19

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นการเหยียดเชื้อชาติของผู้อพยพ โดยเฉพาะกับคนเชื้อสายเอเชีย ที่กำลังปะทุอยู่ในสังคมของ Canada

อย่างไรก็ดี ในความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานของ Canada ซึ่งลงความเห็นว่า ผู้อพยพคือกุญแจขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ Canada

รัฐบาล Canada จึงเร่งออกมาตรการต่างๆ ที่เอื้อต่อผู้อพยพมากขึ้น หลังจากผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า ผู้อพยพคือกลจักรสำคัญที่นำพาการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Canada จากวิกฤต COVID-19

 

ดังที่กล่าวไปในตอนต้น ว่า Canada เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และมีสัดส่วนผู้อพยพในประเทศสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ดังข้อมูลสำมะโนประชากรในปี ค.ศ.2016 ที่ระบุว่า Canada มีผู้อพยพที่ได้รับสัญชาติ Canada คิดเป็นสัดส่วน 22% ของประชากร ซึ่งผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากเอเชีย แอฟริกา และยุโรป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Canada เปิดรับนักเรียน นิสิต นักศึกษาต่างชาติมากถึง 5 แสนคน

และในช่วงก่อน COVID-19 ทางการ Canada ได้เปิดรับผู้อพยพกว่า 300,000 คนต่อปี ก่อนจะชะลอตัวลงไปหลัง COVID-19

เมื่อบวกกับการแจกจ่ายวัคซีนที่เพียงพอต่อประชาชน ทำให้หลัง COVID-19 คลี่คลาย ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า Canada พร้อมเปิดรับผู้อพยพระลอกใหม่เพิ่มเติมอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้อพยพ เชื่อว่า ขณะนี้ Canada ต้องการผู้อพยพมากกว่าที่ผ่านมา

เพราะทางการ Canada ได้เห็นแล้วว่า ผู้อพยพจะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของ Canada ให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล Canada

ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของผู้ที่ต้องการจะย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากใน Canada

 

เนื่องจากมีสัญญาณที่ชัดเจนจากรัฐบาล Canada ว่าผู้อพยพจะเป็นหนทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ Canada หลัง COVID-19 สิ้นสุดลง

“ผู้อพยพล้วนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของเรา ไม่เพียงแต่จะถมช่องว่างด้านกำลังแรงงานที่กำลังขาดแคลน ผู้อพยพจะเติมเต็มระบบภาษี รวมถึงกระตุ้นการบริโภคภายใน”

“เช่น การใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้า ทั้งการจับจ่ายใช้สอยส่วนตัว และครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในระบบขนส่ง และการคมนาคมของประเทศ Canada” รัฐบาล Canada ระบุ

ทำให้เมื่อปีกลาย Canada ทำสถิติต้อนรับผู้อพยพมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ชาติเลยทีเดียว

ข้อมูลจากทางการระบุว่า ในปี ค.ศ.2022 ที่ผ่านมา Canada ได้เปิดรับผู้อพยพเข้าประเทศมากที่สุดเป็นสถิติใหม่

ถือเป็นการรักษาสถานะประเทศอันดับ 1 ที่ต้อนรับผู้คนจากชาติอื่นที่ต้องการย้ายประเทศมาเริ่มชีวิตใหม่มากที่สุดในโลก

ประกอบกับผลการสำรวจความเห็นประชาชน Canada ที่ชี้ว่า ชาว Canada ส่วนใหญ่สนับสนุนให้รับผู้อพยพเข้าประเทศ

ขณะเดียวกัน มีผลสำรวจอีกด้านหนึ่งซึ่งระบุว่า แม้ Canada จะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากตลอดปี ทว่า แต่ Canada คือประเทศอันดับหนึ่ง ซึ่งชาวต่าวชาติต้องการอพยพมาอาศัยอยู่อย่างถาวร

โดยเมื่อปีกลาย Canada ได้ให้การต้อนรับผู้อพยพเข้าประเทศมากกว่า 437,000 คน (อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานคนตรวจเข้าเมือง ผู้ลี้ภัย และพลเมือง Canada)

โดยตัวเลขดังกล่าวมีสัดส่วนมากกว่า 1% ของประชากรทั้งหมดของ Canada

 

สํานักงานคนตรวจเข้าเมือง ผู้ลี้ภัย และพลเมือง Canada เผยว่า ยอดผู้อพยพเข้ามาใน Canada เมื่อปีกลาย มีปริมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์

เพราะครั้งสุดท้ายที่ Canada แคนาดาต้อนรับผู้อพยพเกิน 400,000 คน คือเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว คือเมื่อปี ค.ศ.1913 ที่มีผู้อพยพเข้ามา Canada 400,870 คน

ดังที่กล่าวไป ความต้องการผู้อพยพรายใหม่ของ Canada ถูกผลักดันจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานภายใน

ส่วนหนึ่งเกิดจากจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นมาก

โดย Canadian Broadcasting Corporation สื่อของรัฐบาล Canada ระบุว่า ปัญหาขาดแคลนแรงงานใน Canada กำลังกลายเป็น New Normal ของ Canada

ทั้งนี้ แม้จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐที่รับผู้อพยพเข้าประเทศเพื่ออยู่อาศัยอย่างถาวร 1 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว แต่อย่าลืมว่า อเมริกามีประชากรมากกว่า Canada ถึง 9 เท่า