คุยกับทูต | พาฟโล โอเรล การต่อสู้เพื่อสันติภาพ ตามสูตรของผู้นำยูเครน

คุยกับทูต | พาฟโล โอเรล การต่อสู้เพื่อสันติภาพ ตามสูตรของผู้นำยูเครน

 

เป็นเวลา 400 วันแล้วสำหรับความโหดร้ายของรัสเซียในยูเครน หลังรัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ

เป็นสงครามที่ยืดเยื้อโดยลัทธิจักรวรรดินิยมแบบใหม่ของรัสเซียซึ่งขยายอิทธิพลเข้าไปครอบครองดินแดนของชาติอื่น ได้นำมาซึ่งความหายนะ ความพินาศ บาดเจ็บล้มตายสู่ชาวยูเครน ถึงแม้จะมีความพยายามจากนานาชาติอย่างมากที่จะยุติความก้าวร้าวที่กำลังดำเนินอยู่นี้

นายพาฟโล โอเรล (Mr. Pavlo Orel) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยกล่าวถึงข้อเสนอแผนสันติภาพ เพื่อยุติการสู้รบ

การโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียที่อ้างว่ายูเครนจะยืนหยัดอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ในความเป็นจริงแล้ว ยูเครนไม่เพียงแต่หยุดการรุกรานเท่านั้น การบุกโต้กลับของยูเครนยังประสบความสำเร็จในการปลดปล่อยดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดได้เรื่อยๆ

แม้สหพันธรัฐรัสเซียจะก่อความชั่วร้าย ความยุ่งเหยิง นำความพินาศและความตายมาสู่บ้านเมืองของเราและชาวยูเครน แต่ในช่วง 400 วันมานี้ เราชาวยูเครนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ชาวยูเครนมั่นใจ จะได้ชัยในสงครามเหนือผู้รุกราน

ยูเครน ประเทศที่เป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงในการต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด นั่นคือการดำรงคงอยู่ ชาวยูเครนต่างพยายามอย่างดีที่สุดในการนำชัยที่ใกล้จะมาถึง เพื่อเราทุกคนจะได้อยู่อย่างสงบสุขในดินแดนของเรา โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) ในฐานะผู้นำที่แท้จริงของยูเครน ผู้ซึ่งไม่ได้หลบลี้หนีออกจากประเทศในวันแรกของการรุกราน และจากตัวอย่างในความกล้าหาญของผู้นำทำให้ชาวยูเครนทุกคนร่วมกันต่อต้านและต่อสู้กับศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง

และเนื่องจากเราชาวยูเครนยืนหยัดต่อความจริง ประเทศส่วนใหญ่ในโลกจึงได้ให้การสนับสนุนเรา ยูเครนเท่านั้นที่จะต้องเป็นผู้ชนะ ไม่ใช่รัฐผู้รุกรานซึ่งกำลังกลายเป็นประเทศนอกคอกของโลก

นายพาฟโล โอเรล (Mr. Pavlo Orel) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย

31 มีนาคม 2023 เป็นวันครบรอบหนึ่งปีนับตั้งแต่กองทัพยูเครนสามารถปลดปล่อยเมืองบูชา (Bucha) จากรัสเซียผู้รุกราน หลังเหตุการณ์นี้ทั้งโลกก็ได้พบการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่น่าสยดสยองซึ่งกระทำโดยกองทัพรัสเซียในภูมิภาคเคียฟ

การสังหารหมู่บูชา (Bucha massacre) รวมถึงอาชญากรรมที่ร้ายแรงอื่นๆ ในยูเครนโดยผู้รุกรานรัสเซีย เป็นผลมาจากการทำอาชญากรรมโดยผู้นำทางการเมืองและการทหารของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งจะต้องถูกลงโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดขึ้นอีกในอนาคต

บูชา เป็นหนึ่งในเมืองของยูเครนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด กลายเป็นสัญลักษณ์ของอาชญากรรมที่โหดร้ายทารุณอย่างน่าสยดสยองซึ่งกระทำโดยกองทัพรัสเซียในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

แม้จะเกิดความพ่ายแพ้อย่างมาก โดยการสูญเสียที่เพิ่มขึ้นจากการถูกสังหาร (มากกว่า 170,000 คน ในเดือนมีนาคม 2023) รัสเซียยังคงปฏิเสธความชอบธรรมของเราในฐานะรัฐอธิปไตยและยังคงตั้งเป้าหมายในการทำลายความเป็นรัฐของยูเครน รวมถึงการโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

โดยรัสเซียผู้รุกรานยังคงมีทรัพยากรเพียงพอที่จะดำเนินการโจมตีตามยุทธวิธี

กองทัพรัสเซียได้ละเมิดบรรทัดฐานของกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศในยูเครนอย่างเป็นระบบ :

การโจมตีพลเรือนโดยเจตนาและตามอำเภอใจ การใช้ตัวประกันเป็นโล่มนุษย์ การประหารชีวิตและการข่มขืน การเกณฑ์ทหารอย่างเข้มงวดและการลักพาตัว การโจมตีบุคลากรทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวก การใช้อาวุธต้องห้าม เป็นต้น

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของยูเครนเริ่มการสอบสวนอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมการรุกรานมากกว่า 75,000 คดีที่ก่อขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 รวมถึงการสังหารพลเรือน 9,800 คน (เด็ก 464 คน) และพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 13,892 คน (เด็ก 937 คน) ตัวเลขเหล่านี้ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เนื่องจากไม่ได้รวมในพื้นที่ของยูเครนที่ถูกยึดครอง

ตามข้อมูลต่างๆ ผู้บุกรุกรัสเซียบังคับ เด็กชาวยูเครน ซึ่งอาจมากถึง 700,000 คนย้ายจากดินแดนยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองชั่วคราวไปยังรัสเซีย รวมถึงเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิตอันเป็นผลมาจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย เด็กบางคนได้รับการเลี้ยงดู หรืออุปการะจากครอบครัวใหม่ มีการบังคับเด็กยูเครนให้ละทิ้งการใช้ภาษาแม่ของตนโดยให้เรียนภาษารัสเซีย

ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมายของยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศด้วย

เมื่อตระหนักถึงอาชญากรรมดังกล่าวซึ่งก่อขึ้นโดยผู้นำรัสเซีย ในวันที่ 17 มีนาคม 2023 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ออกหมายจับตลอดชีวิตต่อประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียในข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามเกี่ยวกับการส่งตัวเด็กโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจากพื้นที่ของยูเครนที่ถูกยึดครองไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย

การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของ ICC ถือเป็นจุดเปลี่ยนในกระบวนการของการนำผู้กระทำความผิดในยูเครนทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเริ่มจากผู้นำสูงสุดของรัฐผู้ก่อการร้าย

ยูเครนจะพยายามทุกวิถีทางต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กยูเครนที่ถูกลักพาตัวและรับเลี้ยงอย่างผิดกฎหมายในรัสเซียจะได้กลับบ้าน

ในขณะที่ยูเครนและรัฐอื่นๆ กำลังสืบสวนอาชญากรรมดังกล่าวอยู่ในขณะนี้ แต่ในความเป็นจริงยังไม่มีศาลระหว่างประเทศหรือศาลที่มีอำนาจตัดสินคดีอาชญากรรมการรุกรานโดยเฉพาะ

ยูเครนกำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะจัดตั้งศาลพิเศษ (Special Tribunal) เพื่อดำเนินคดีกับผู้นำทางการเมืองและการทหารของรัสเซียตลอดจนพันธมิตร ในความผิดฐานรุกรานยูเครน

ความโหดร้ายทั้งหมดที่เห็นในวันนี้เป็นผลมาจากอาชญากรรมแห่งความก้าวร้าว โดยเรามั่นใจว่าแนวร่วมในการจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อดำเนินคดีรัสเซีย ในข้อหาก่ออาชญากรรมจากการรุกรานยูเครนจะเติบโตขึ้น

นอกจากนี้ รัสเซียยังได้ใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อไปทั่วโลกโดยพยายามโน้มน้าวประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับการมีอยู่ของ “ความเป็นจริงอื่นๆ” ด้วยข้อกล่าวหาที่ไร้สาระว่า สงครามนี้ “เปิดฉากขึ้นเพื่อต่อต้าน” รัสเซีย

กีฬา ได้กลายเป็นเครื่องมือของผู้มีจิตใจร้าย โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง การโฆษณาชวนเชื่ออันทรงพลัง และหลายครั้งที่ส่งเสริมการทำสงคราม

นักกีฬารัสเซียส่วนใหญ่สังกัดกองทัพและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ หลายคนส่งเสริมการทำสงครามอย่างเปิดเผยโดยให้การสนับสนุนต่อการดำเนินงานของรัฐบาล ทั้งในการชุมนุม การประชุม ทางโทรทัศน์และสื่อสังคมต่างๆ ตลอดจนการไปเยือนดินแดนที่ถูกยึดครองชั่วคราวของยูเครนอย่างผิดกฎหมาย

ในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมา รัสเซียได้ฝ่าฝืนข้อตกลงพักรบโอลิมปิก (Olympic truce) อย่างน้อยสามครั้ง กองทหารรัสเซียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประเทศเบลารุส (Belarus) ได้บุกเข้ายึดดินแดนของประเทศยูเครน หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2022 ที่กรุงปักกิ่งไม่นานนัก ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงพักรบโอลิมปิก หลักการพื้นฐานของโอลิมปิกและคุณค่าของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มิตรภาพ และความเคารพซึ่งกันและกันได้ถูกละเมิด

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2022 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เรียกร้องให้มีการสั่งห้ามนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของรัสเซียและเบลารุสเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาตินั้น จึงเป็นเรื่องที่มีเหตุผลและยุติธรรมอย่างยิ่ง

น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในปีนี้

สนามกีฬาประมาณ 350 แห่งในยูเครนถูกทำลายหรือเสียหายอย่างหนักในช่วงสงคราม นักกีฬาและโค้ชชาวยูเครนมากกว่า 240 คนเสียชีวิต

นักกีฬาประมาณ 40,000 คนถูกบังคับให้ย้ายออกไปนอกประเทศ สงครามส่งผลกระทบต่อนักกีฬาทุกคน บางคนสูญเสียครอบครัวหรือเพื่อน เพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จัก บางคนสูญเสียบ้าน บางคนสูญเสียโอกาสในการฝึกฝน

ดังนั้น นักกีฬาของรัสเซียและเบลารุสจึงควรถูกกันออกจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานานาชาติ โดยเฉพาะในกีฬาโอลิมปิก ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม รวมถึงการเป็นกลาง ตราบเท่าที่สงครามนี้ยังคงอยู่

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี

ยูเครนยังคงต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เราจะต่อสู้ตราบเท่าที่ต้องเผชิญกับการรุกรานของรัสเซีย เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะสงครามครั้งนี้ ซึ่งเป็นความก้าวร้าวที่โลกไม่ยอมรับ

จะไม่มีการให้สัมปทานหรือการประนีประนอมใดๆ อันอาจที่จะเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องในการยึดครองดินแดนของยูเครน

ในขณะที่ถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกหลานของเรา ยูเครนยืนหยัดอย่างแน่วแน่ในการสร้างสันติภาพ ในประเทศของเราเพื่อยุติความทุกข์ยากของชาวยูเครนที่เกิดจากการรุกรานของรัสเซีย

วิธีการยุติสงครามที่มีประสิทธิภาพที่สุดคืออะไร

การตอบสนองล่าสุดของประชาคมโลกเป็นที่ทราบกันดี โดยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2023 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองข้อมติ “หลักการของกฎบัตรสหประชาชาติภายใต้สันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรมและยั่งยืนในยูเครน”

เราขอขอบคุณประเทศสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศรวมถึงประเทศไทย ในการสนับสนุนมติดังกล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ของแนวทางบรรลุสันติภาพในยูเครนอย่างชัดเจนด้วยสูตรสันติภาพ (Peace Formula) ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี

สูตรสันติภาพประกอบด้วยประเด็นที่ชัดเจน 10 ประการซึ่งจะช่วยให้บรรลุสันติภาพที่แท้จริงในยูเครน ฟื้นฟูบูรณภาพแห่งดินแดน ประกันความมั่นคงทางอาหารของโลก ส่งเสริมความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมและนิวเคลียร์ ตลอดจนป้องกันการขยายสงครามและการรุกรานยืดเยื้อ

โดยยูเครนมีความปรารถนาที่จะให้รัฐต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการตามสูตรสันติภาพอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อบรรลุสันติภาพที่แท้จริงและยุติการรุกรานยูเครน

นายพาฟโล โอเรล (Mr. Pavlo Orel) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย

สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด เราขอขอบคุณรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย โรงพยาบาล วงการธุรกิจ กองทุนการกุศล และบุคคลทั่วไปที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวยูเครนในช่วงสงคราม ซึ่งเราซาบซึ้งมาก

ในขณะเดียวกัน ยังคงมีการสู้รบ การระดมยิง การทำลายสันติสุขของพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญโดยศัตรูอย่างต่อเนื่อง ยูเครนจึงต้องการการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อไป

ท้ายสุด อุปทูตโอเรล วิงวอนว่า

“ได้โปรดอย่าปล่อยให้พวกเราบางคนคิดว่า โลกไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในยูเครนมากนัก”

“ในโอกาสนี้ ผมขอเรียกร้องให้สถาบันของรัฐ องค์กรระหว่างประเทศ กองทุนการกุศล บริษัท และประชาชนชาวไทยได้โปรดให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ และเราขอยกย่องสรรเสริญชื่นชมการมีส่วนร่วมของท่านซึ่งเป็นความสำคัญยิ่งสำหรับเรา” •

 

 

รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน

Chanadda Jinayodhin