นอก-ใน “โพล” | สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

การทำอุแว้ หรือทำคลอด รัฐบาล-นายกรัฐมนตรี ใหม่ ผ่านการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ที่จะถึงนี้

มี”มุม” ให้”มอง” หลากหลาย

มุม หนึ่งที่น่าสนใจคือ “นายกฯในโพล” และ”นายกฯนอกโพล”

โดยปกติ บุคคลที่จะเป็นจุดศูนย์รวมโฟกัสแห่งความสนใจ คือ บุคคลที่อยู่ในระดับต้นๆของโพล ที่มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล

ซึ่งตอนนี้ อย่างที่ขานชื่อกัน ก็เช่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วนคนท้ายๆโพล หรือจะพูดให้โหดร้ายสักหน่อยว่า นายกฯนอกโพล อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นต้น มักจะหลุดจากโฟกัส

แต่กระนั้น น่าสังเกตุ ว่าในกระแสการเมืองตอนนี้

นายกฯนอกโพล ที่เอ่ยชื่อถึงข้างต้น กลับพยายามเป็น”ข่าวดังและร้อน”ไม่ให้หลุดกระแส

ตอกย้ำให้คิดว่า กระแสนิยมผ่านโพล อาจมิใช่ ปรากฏการณ์จริงๆ

หรืออาจจริง แต่เหล่านักการเมืองก็พยายามพลิก”จุดด้อย” ให้กลับมาเป็น”จุดเด่น” เพื่อกุมกระแสการนำในสมรภูมิเลือกตั้งอันดุเดือด และหวังหักล้างคู่แข่งไปในตัว

อย่างน.ส.แพทองธาร แม้จะนำในโพลแทบทุกโพล และพรรคเพื่อไทยก็กำลังขยายผลให้บวก-บวก ยิ่งขึ้น ด้วยการประกาศเป้าหมายซูเปอร์แลนด์สไลด์ 310 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

แต่ กลุ่มท้ายโพล หรือนอกโพล ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมให้กระแสฟีเวอร์ดังกล่าวมากลบฝ่ายของตนง่ายๆ

ด้านหนึ่งก็พยายามสร้างกระแสความนิยมขึ้นมาแข่ง ซึ่งก็รู้ว่า คงยากอยู่ไม่น้อย

ดังนั้นฝ่ายการเมืองนอกโพลจึงเลือกทางอื่นขึ้นมาถ่วงดุล และต่อสู้

ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ปลุกขึ้นมาและนำกระแส ก็คือ การชิงจับขั้วทางการเมือง

ปรากฏการณ์บนโต๊ะอาหาร ที่ถูกปล่อยออกมา ระหว่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย

พร้อม สมการการเมือง 2 พรรค 203 เสียง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยจะดึงพรรคประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนาเข้าร่วม

ตีความเป็นอื่นใดไม่ได้ นอกจากเป็นสัญญาณ ที่พลิกสถานะ “นายกฯนอกโพล” ขึ้นมาให้มีความหมาย

โดยพล.อ.ประวิตร หรือ นายอนุทิน หากใครทำส.ส.ได้มากกว่า ก็ให้คนนั้นเป็นนายกฯ

ซึ่งเป้าหมายนั้น อิงอยู่กับความเป็นไปได้ มากกว่าเป้าหมาย 310 เสียงที่พรรคเพื่อไทยโยนออกมา

ทำให้ชื่อของพล.อ.ประวิตร และนายอนุทิน สามารถยืนแข่งกับ นายกฯโพล ได้อย่างไม่ตกกระแส

ทำให้ไม่เพียงพรรคเพื่อไทยต้องมองแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ต้องเขม้นมองด้วย เพราะ กระแสข่าวในโต๊ะอาหารที่อ้างคำพูดของพล.อ.ประวิตร ที่ว่าจะไม่ให้เก้าอี้นายกฯกับพรรคที่ได้ 25-0-40 เสียงนั้น

ถูกตีความว่า หมายถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ให้เป็น”คนนอกสมการแห่งการชิงอำนาจ”ด้วย

ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ หากต้องตกขบวนรถไฟ แม้ว่านายอนุทิน จะส่งสัญลักษณ์เกี่ยวแขน ไป”สวมกอด”พล.อ.ประยุทธ์ อวยพรวันเกิด ออกตัวไม่ทิ้งกันก็ตาม

กระนั้นก็กลบความพยายามพลิกขึ้นมา”มีตัวตน”ของเหล่านายกฯนอกโพลนี้ไม่ได้

ความพยายามสร้างกระแสตีคู่กับนายกฯโพลนี้ น่าสนใจว่าจะแปรกระแสนี้ให้เป็นของจริงได้อย่างไร

โดยเมื่อพึ่งความนิยมไม่ได้ ก็ต้องหันไปใช้วิธิอื่น

ซึ่งแนวโน้ม คงจะเป็นแนวดึกดำบรรพ์ คือพึ่ง บารมีส่วนบุคคล บ้านใหญ่ ทั้งระบบหัวคะแนน การอุปถัมน์ รวมสาระพันแท็คติดต่างๆในพื้นที่ แบบเงินไม่มา กาไม่เป็น เป็นต้น

แต่คำถามก็คือสังคมไทยเปลี่ยนไปมากจนวิธีการเก่าๆเหล่านี้ ใช้ได้หรือไม่

ถ้าไม่ เหล่านักการเมือง พรรคและนายกฯนอกโพลทั้งหลาย คงเหนื่อยหนัก

——————