วิสัยทัศน์ ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กู้ศรัทธาตำรวจยุคฝีแตก

บทความโล่เงิน

 

วิสัยทัศน์ ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิ

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง

กู้ศรัทธาตำรวจยุคฝีแตก

 

สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลคะแนนคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงวุฒิสาย ก.ที่มาจากเลือกตั้ง โดยผู้มีสิทธิหย่อนบัตร ระดับรอง ผกก.ขึ้นไปทั่วประเทศ 13,000 กว่าคน เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

3 อันดับแรกที่ได้คะแนนมากที่สุดจากผู้สมัคร 23 คน คือ

1. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร. ได้ 4,652 คะแนน

2. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. 4,161 คะแนน

3. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. 3,789 คะแนน

พล.ต.อ.วินัยเปิดฉากด้วยการกล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่เลือกมาว่า

“ขอบคุณน้องๆ ทั้งหลายที่เลือกพี่มาเป็น ก.ตร. แสดงว่าน้องๆ ยังเชื่อมั่นและไว้วางใจให้ทำหน้าที่บอร์ดบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และได้เป็นนายกสมาคมตำรวจ เพราะมีความรักความห่วงใย ตร.และเพื่อนตำรวจ จะทำให้เกิดความเป็นธรรม และสนับสนุนข้าราชการตำรวจที่ดี ไม่มีเส้น ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง”

“การพิจารณาตำแหน่ง เลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือนต้องพิจารณาด้วยหลักคุณธรรม ความรู้ ความสามารถ อาวุโส คนที่เสียสละ มีคุณธรรม ต้องมีความเจริญก้าวหน้า ตรงกับที่ได้หาเสียงไว้ว่า ‘คนดีไม่มีเส้น ต้องก้าวหน้า การซื้อขายตำแหน่งต้องหมดไป’ ขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง

พล.ต.อ.วินัยกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้วิจารณ์ตลอดว่า ผลพวงจากที่ปล่อยให้มีการซื้อขายตำแหน่งมา 7-8 ปี เหมือนฝีมันมาแตก ยุค พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็น ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่เป็นคนดี การใช้อำนาจตามมาตรา 44 แล้วมาแต่งตั้งรวมศูนย์ที่ ตร.ระดับ สว.-รอง ผบก. ไม่ถูกต้อง

เพราะฉะนั้น การปฏิรูปตำรวจจึงเป็นสิ่งจำเป็น ตำรวจอยู่ในสภาพยังนี้ไม่ได้ มีการเรียกร้องผ่านตนมาในฐานะนายกสมาคมตำรวจ ให้มีการปฏิรูปตำรวจ

ต้องเชื่อและศรัทธาว่า ปฏิรูปจะทำให้ตำรวจดีขึ้น สิ่งต้องทำจำเป็นเร่งด่วนคือ

1. ผู้นำ ผู้รับผิดชอบไม่ว่านายกฯ หรือ ผบ.ตร. ต้องประกาศเป็นเจตนารมณ์ว่า ต่อไปนี้จะไม่มีการซื้อขายตำแหน่งใน ตร. สนับสนุนคนดี ที่มีความรู้ ความสามารถ ความเสียสละ คุณธรรมขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยสำคัญๆ ต้องประกาศเลิกซื้อขายตำแหน่งและปฏิเสธตั๋วจากนักการเมือง

2. ก.ตร. ต้องมาจากข้าราชการตำรวจ และอดีตข้าราชการตำรวจที่เกษียณเท่านั้น บุคคลภายนอกไม่ใช่ไม่ดี แต่เชื่อว่าไม่มีความรู้ความเข้าใจการทำงานตำรวจ แล้ว ก.ตร.ต้องได้รับการเลือกตั้งจากตำรวจเหมือนกับคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.), คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) และ ก.ตร.ต้องปฏิเสธตั๋วฝากจากนักการเมือง จะพยายามผลักดันต่อ ไม่ทราบสำเร็จแค่ไหน

3. การตั้งแต่งต้องเป็นไปตามหลักคุณธรรม พิจารณาจากผู้มีความรู้ ความสามารถ ความเสียสละ มีคุณธรรม ต้องมีความเจริญก้าวหน้า การย้ายข้ามภาคที่ไม่มีความผิด หรือเจ้าตัวไม่สมัครใจต้องไม่มีเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเองและครอบครัว

4. ต้องกระจายอำนาจการแต่งตั้งตั้งแต่ระดับ สว.-รอง ผบก. ไปให้กองบัญชาการเป็นผู้แต่งตั้ง ขณะนี้รวมศูนย์มาที่ ตร. ทำให้การพิจารณาไม่ทั่วถึง การกระจายอำนาจไปให้กองบัญชาการพิจารณาต้องมีผู้บังคับการพิจารณาในการคัดสรรบุคลากร

5. พนักงานสอบสวนเปรียบเหมือนหน้าต่างที่ประชาชนสัมผัสกับงาน เพราะฉะนั้น ต้องดูแลให้มีหลักประกันในความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าในสายงาน ให้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ทั้งเงินประจำตำแหน่ง, ค่าตอบแทนสำนวน และพนักงานสอบสวนต้องเจริญเติบโตเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจได้

 

6.ต้องมีผู้ช่วยพนักงานสอบสวน คอยช่วยเหลือพนักงานสอบสวนในทางคดีและช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ลดภาระการสอบสวนในส่วนเอกสารที่ไม่จำเป็น และงานสอบสวนต้องดำรงความยุติธรรม

7. สร้างงานพิสูจน์หลักฐาน งานนิติวิทยาศาสตร์ให้เหมือนเอฟบีไอ ไม่มีการย้ายบุคคลภายนอกที่ไม่มีความรู้มาปิดหัว

8. ต้องสร้างผู้ชำนาญเฉพาะด้าน เช่น บช.ก., ตชด., กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, บช.ปส. งานอำนวยการให้มีความเจริญเติบโตในสายงาน ไม่ย้ายบุคคลที่ขาดประสบการณ์เฉพาะทางนั้นมาดำรงตำแหน่งในหน่วย

9. สวัสดิการบ้านพัก-แฟลต เครื่องมือในการทำงานต้องเพียงพอ หนี้สินตำรวจต้องแก้ไข

10. การตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง จเรตำรวจต้องจริงจัง เพื่อหามาตรการป้องกันมิให้ตำรวจกระทำความผิด

 

11.เชิดชูตำรวจดีเด่นทุกสาขา เพื่อพิจารณาเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ทั้งพนักงานสอบสวนดีเด่น, ปราบยาเสพติดดีเด่น, สายตรวจดีเด่น, จราจรดีเด่น และสถานีตำรวจดีเด่น

12. สนับสนุนเครื่องมือที่ทันสมัยให้กับนักสืบ เพื่อใช้ในการสืบหาทางอิเล็กทรอนิกส์

13. สนับสนุนกำลังพลให้เพียงพอต่อปริมาณงาน อาทิ งานป้องกัน งานสอบสวน งานสืบสวน เพื่อให้ทำงานอย่างมีคุณภาพ

14. สร้างตำรวจให้เป็นมืออาชีพมีคุณภาพ มีความก้าวหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง

ข้อเสนอทั้ง 14 ข้อนี้ ถ้าผู้มีอำนาจกระทำตามนี้ ภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดีขึ้น

เราไม่สามารถพลิกได้ในวันเดียว แต่เมื่อสนับสนุนคนดี คนไม่ดีได้รับการลงโทษ ภาพลักษณ์ ตร.จะค่อยๆ ดีตามลำดับ

“ต้องยอมรับว่า ก.ตร.มี 10 กว่าท่าน ผมก็เป็นคนหนึ่ง จะทำหน้าที่เสนอแนะ ตำหนิติติงเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อ ก.ตร.จากการเลือกตั้งเข้ามา เชื่อว่า ก.ตร.ที่ได้รับการเลือกตั้งจะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ เช่น กรณีย้ายข้ามภาคโดยไม่มีความผิด นอกจากสร้างความเดือดร้อนให้ตำรวจแล้ว ทำให้ครอบครัวแตกแยก สามีไปทาง ภรรยาไปทาง บั่นทอนกำลังใจทำงาน จะคัดค้านท้วงติงไม่ให้กระทำ”

พล.ต.อ.วินัยระบุ

 

เมื่อถามว่า ได้คะแนนจากภาคไหนที่เลือกเข้ามา นายกสมาคมตำรวจกล่าวว่า คะแนนที่ได้รับมาจากเกือบทุกภาค ได้คะแนนไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2, 3 ด้วยความที่เคยเป็น ผบช. ใน ภ.2, ภ.1, นครบาล และสอบสวนกลาง คะแนนมาอันดับ 1 แสดงว่าน้องๆ ให้ความเคารพ เห็นว่าทำหน้าที่มีประโยชน์ต่อพวกเขา น้องๆ ถึงได้เลือกมา

ถามถึงความสนิทกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากภรรยาเป็นหลานคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร จะเป็นปัญหาอุปสรรคในการทำงานต่อไปหรือไม่ อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“จริงๆ แล้วผมไม่เคยปฏิเสธว่าภรรยาของผมเป็นญาติท่านทักษิณ แต่ว่าทุกกองบัญชาการที่ผมเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ หรือเป็นหัวหน้าหน่วยก็ดี ผมดำเนินการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา คนที่ทำดี มีความรู้ ความสามารถ ผมสนับสนุนให้ได้ตำแหน่ง ได้ยศ เลื่อนขั้น แม้กระทั่งส่งไปเรียนหลักสูตรสำคัญ เพราะต้องสร้างคนดี คนมีความรู้ มีความสามารถ คนเสียสละมาทำหน้าที่สำคัญแทน เพราะฉะนั้น ไม่เกี่ยวเลย ท่านทักษิณไม่เคยมายุ่งกับการทำหน้าที่ของผมเลย ไม่งั้นพวกน้องไม่เลือกตั้งขนาดนี้ เพราะภาค 1, ภาค 2 ผมก็ได้ที่ 1 บช.น.ผมแพ้ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก เท่านั้น”

ฟังวิสัยทัศน์ ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิแล้วจุดประกายความหวังองค์กรสีกากีได้หรือไม่ ตามติดกันยาวๆ วาระ 4 ปี