โลกหมุนเร็ว เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง/ทุกสิ่งในโลกนี้มิมีใครเป็นเจ้าของ

โลกหมุนเร็ว

เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

ทุกสิ่งในโลกนี้มิมีใครเป็นเจ้าของ

ได้แรงบันดาลใจจากกวีนิพนธ์บทนี้ของท่านกวีเอก อังคาร กัลยาณพงศ์

โลกนี้มิอยู่ด้วย มณี เดียวนา

ทรายและสิ่งอื่นมี ส่วนสร้าง

ปวงธาตุต่ำกลางดี ดุลยภาพ

ภาคจักรพาลมิร้าง เพราะน้ำแรงไหน

ภพนี้มิใช่หล้า หงส์ทอง เดียวเอย

กาก็เจ้าของครอง ชีพด้วย

เมาสมมุติจองหอง หินชาติ

น้ำมิตรแล้งโลกม้วย หมดสิ้นสุขศานต์ ฯ

กวีเอกนั้นเปรียบได้ดังเทวดาผู้ครองพิภพ มนุษย์ธรรมดานั้นเปรียบเหมือนผงธุลี เกิดมาในโลกนี้แล้วก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป มนุษย์ผู้มีปัญญาสูงเป็นผู้สร้าง ผู้มีปัญญาต่ำเป็นผู้ทำลาย

กษัตริย์เป็นผู้สั่งให้สร้างเมือง เมืองเกิดขึ้นด้วยมือของประชาชน บางคราวกษัตริย์ก็ทำลายเมืองของผู้อื่น

ทุกสิ่งล้วนสมมติ ไม่ว่ากษัตริย์หรือประชาชนก็คือสิ่งสมมติ ที่ถูกกำหนดให้มีหน้าที่ต่างกัน

มวลสิ่งในโลกนี้มิมีใครเป็นเจ้าของ ผืนดิน ผินทะเล ท้องฟ้า ป่าเขา และแม่น้ำ รวมทั้งอากาศที่ให้เราคงดำรงชีวิต มีเจ้าของหรือไร

เพราะฉะนั้น การแหนหวงสิ่งไรก็ผิดธรรมชาติ

หลวงพ่อชาสอนว่า ธรรมะก็คือธรรมชาตินั่นแหละ อ่านเป็นสิบเที่ยวจึงจะเข้าใจจริงๆ

ว่าการมีธรรมะคือการเข้าใจธรรมชาติ อย่าฝืนธรรมชาติ

มีให้พอกับการดำรงชีวิต

ให้พอกับความสุขสบาย เท่าที่สังขารต้องการ

มีให้พอกับการดำรงเกียรติยศถ้าต้องมีเกียรติยศ

นอกนั้นก็จงสละออกไป เพราะมันเป็นของโลกใบนี้

ให้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมนุษย์ทุกคนที่แบกหินดินทรายสร้างถนน

ให้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณธรรมชาติที่ให้อากาศและความร่มเย็น

ให้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ พี่น้อง สามี ภรรยา เจ้านาย ลูกน้อง เพื่อน ลูกค้า ผู้สร้างนวัตกรรมที่เราได้ใช้ แม้แต่ผู้ยากไร้กว่าเราที่ทำให้เราได้เป็นผู้ให้

ไม่แปลกที่เราจะช่วยปลูกป่า แม้ไม่ได้ใช้สอยตรงๆ เพราะมันได้สร้างออกซิเจนที่แผ่ไพศาลไปทั่วโลก

ไม่แปลกที่เราจะเข้าไปทำสวนครัวให้เพื่อน ให้พี่ ให้น้อง ให้เขาได้กิน

ไม่แปลกที่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาเป็นจิตอาสา เป็นจราจรโบกรถโดยไม่มีใครขอ

ในที่สุดแล้ว เราเป็นหนี้บุญคุณโลกใบนี้ เรามีหน้าที่ต้องให้กับโลกใบนี้ ด้วยหัวโขนที่แตกต่างกัน