มุสลิมในอินเดีย และเซอร์ ซัยยิด อะห์มัด ข่าน (4)

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม | จรัญ มะลูลีม

 

มุสลิมในอินเดีย

และเซอร์ ซัยยิด อะห์มัด ข่าน (4)

 

เซอร์ ซัยยิด

ในฐานะนักการศึกษาคนสำคัญของอินเดีย (ต่อ)

เยาวหราล เนห์รู (JAWARHAL AL NEHRU) อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย (1947-1964) : เซอร์ ซัยยิด เป็นนักปฏิรูปที่กระตือรือร้น และเขาต้องการประนีประนอมความคิดทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่กับศาสนาโดยการตีความอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่ด้วยการโจมตีความเชื่อพื้นฐาน

เขากังวลที่จะผลักดันการศึกษาใหม่ เขาไม่มีทางแบ่งแยกดินแดน เขาย้ำหลายครั้งว่าความแตกต่างทางศาสนาไม่ควรมีความสำคัญทางการเมืองและในระดับชาติ

เมาลานา อับดุล กาลาม อะซาด (MAULANA ABUL KALAM AZAD) ปัญญาชนคนสำคัญของอินเดีย : คำจารึกที่แกะสลักไว้บนผนังของ Strachey Hall ของเขาอาจจางหายไปตามกาลเวลา แต่คำจารึกที่ Aligarh ซึ่งเขียนเกี่ยวกับช่วงเวลาสมัยใหม่ของประวัติศาสตร์อินเดียนั้นไม่มีวันจางหาย นักประวัติศาสตร์ในอนาคตจะค้นพบใน Aligarh หนึ่งในหมุดหมายที่มีส่วนทำให้เกิดวิวัฒนาการของอินเดียสมัยใหม่

อลี อะห์มัด สุรูช (ALE AHMAD SUROOR) : การเคลื่อนไหวของเซอร์ ซัยยิด ควรถูกมองว่าเป็นความพยายามอย่างครอบคลุมสำหรับการปรับปรุงให้ทันสมัย ทั้งอารมณ์ทางวิทยาศาสตร์ การยกระดับสังคม และความก้าวหน้าทางการศึกษา

ลาลา ลาจพัท ราย (LALA LAJPAT RAI) : ตั้งแต่วัยเด็ก ข้าพเจ้าถูกสอนให้เคารพความคิดเห็นและคำสอนของเซอร์ ซัยยิด ผู้มีเคราขาวแห่งอลิการ์

พ่อที่รักของข้าพเจ้าได้อ่านงานของนักปฏิรูปสังคมอย่างตะฮ์ซีบ เบ อัคลาก (Tahzib-ul Akhlaq – จรรยามารยาท) ให้ฉันฟังตลอดเวลา และเห็นว่าเซอร์ ซัยยิด นั้นเป็นไม่น้อยกว่าผู้เผยพระวจนะแห่งศตวรรษที่ 19 ทั้งงานเขียนของเขาใน Aligarh Institule Gazette และคำปราศรัยของเขาในสภาและการประชุมสาธารณะอื่นๆ

 

ไบพิน จันทรา (BIPIN CHANDRA) : เซอร์ ซัยยิด เป็นผู้ศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ในขันติธรรมที่มีต่อศาสนา เขาเชื่อว่าทุกศาสนามีความสามัคคีบนพื้นฐานบางอย่างที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคุณธรรมในทางปฏิบัติ เชื่อว่าศาสนาของบุคคลเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาหรือเธอ เขาประณามสัญญาณของความคลั่งไคล้ทางศาสนาและยังต่อต้านความขัดแย้งของชุมชนอีกด้วย

ราเชนทรา ปราสาด (RAJENDRA PRASAD) อดีตประธานาธิบดีอินเดีย (1950-1962) : เป็นการมองการณ์ไกลและความรักชาติของเซอร์ ซัยยิด นำไปสู่การก่อตั้งโรงเรียนและได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัยในเวลาต่อมาและได้รับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในปี 1920 ในช่วงเวลานี้ มันกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่ยอดเยี่ยมมากและมีชื่อเสียงสำหรับตัวเองในอินเดียและต่างประเทศ มีส่วนสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ของชาวมุสลิมอินเดีย

จอห์น เอฟ เคนเนดี้ (John F. KENNEDY) อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา คนที่ 35 (1961-1963) เซอร์ ซัยยิด เป็นคนเดียวที่ไม่เคยขออะไรจากรัฐบาลเพื่อตัวเขาเอง

บัณฑิต โกวินด์ บัลลับห์ ปานท์ (PANDIT GOVIND BALLABH PANT) : ผู้ก่อตั้ง MAO College เป็นหนึ่งในชาวอินเดียที่มีชื่อเสียงที่สุดที่เคยมีมา เซอร์ ซัยยิด ได้รับพรสวรรค์ด้วยการมีจิตใจอันทรงพลัง เขายืนหยัดด้วยความอดทน เหตุผล มุมมองทางวิทยาศาสตร์ และเสรีภาพในการต่อต้านความคลั่งไคล้ และนิกายที่คับแคบ

อาบิด ฮูเซน (ABID HUSAIN) : เซอร์ ซัยยิด อะห์มัด ข่าน ทราบดีว่าชาวมุสลิมอินเดียไม่สามารถอยู่ห่างจากการเปลี่ยนแปลงในความทันสมัยที่ได้กำหนดไว้สำหรับกลุ่มสังคมทั้งหมดในอินเดียได้

หากมีสิ่งหนึ่งที่เซอร์ ซัยยิด สนับสนุนมาตลอดชีวิตของเขา นั่นคือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เขาตระหนักดีว่าเพื่อที่จะไม่ยอมแพ้ต่อโลกสมัยใหม่ ชุมชนต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตโดยยอมรับความทันสมัยจากจุดแข็งที่มีอยู่

ชาม เบเนกัลป์ (SHYAM BENEGAL) : นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์อินเดีย : เซอร์ ซัยยิด ได้แนะนำการศึกษาสมัยใหม่ในชุมชนมุสลิมเพียงลำพังและเป็นหนึ่งในผู้ที่น่านับถือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับความสามัคคีของชาวฮินดู-มุสลิม เขาเป็นนักฆราวาสนิยม (Secularism) ก่อนที่คำนี้จะกลายเป็นที่รู้จักทั่วไปในศตวรรษต่อมา

ทารา จันด์ (TARA CHAND) : ภาพประกอบที่โดดเด่นจากศตวรรษที่ 19 คือความคล้ายคลึงระหว่างแนวคิดพื้นฐานของรามโมฮัน รอย (Ram Mohan Roy) ในครึ่งแรกของศตวรรษและของเซอร์ ซัยยิด อะห์มัด ข่าน ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษ

 

รามจันทรา กูฮา (RAMCHANDRA GUHA) : สองนักปฏิรูปเสรีนิยมที่ยิ่งใหญ่คนแรกของอินเดียคือราชา ราม โมฮัน รอย (Raja Ram Mohan Roy) และเซอร์ ซัยยิด อะห์มัด ข่าน (Sir Syed Ahmad Khan) พวกเขามองไปข้างหน้า

พวกเขาเห็นว่าเราถูกท้าทาย เราถูกพิชิต เราถูกปราบ เราถูกทำให้ขายหน้า เพราะมีข้อบกพร่องบางอย่างในสังคมของเรา แม้ว่าเราจะมีประเพณีที่ยิ่งใหญ่ในอดีต แต่เราไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายที่เกิดจากโลกสมัยใหม่ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้ ความท้าทายของการปฏิวัติอุตสาหกรรม การปฏิวัติประชาธิปไตยและเทคโนโลยี ราชา ราม โมฮัน รอย และเซอร์ ซัยยิด อะห์มัด ข่าน จึงเป็นผู้เปิดตัวประเพณีเสรีนิยมอินเดีย

มหาวิทยาลัยมุสลิม Aligarh มีมรดกอันล้ำค่า มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมและประเพณีอันยาวนาน มีศิษย์เก่าที่กระจายไปทั่วโลก ศิษย์เก่าที่เป็นผลงานของสถาบันการศึกษาคือจุดเด่นและทรัพย์สินอันมีค่าของสถาบัน

พวกเขาเป็นตัวแทนที่แท้จริงของความประณีต ความมีจิตใจ และอุดมคติอันสูงส่ง เมื่อใดก็ตามที่เราร่างรายชื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของมหาวิทยาลัยและผลิตผลของมหาวิทยาลัย ศิษย์เก่าจะยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับนักศึกษาที่มีอยู่และสมาชิกของคณะ อันที่จริงแล้ว ความสำเร็จของมหาวิทยาลัยขึ้นอยู่กับอาชีพที่รุ่งโรจน์และยอดเยี่ยมของศิษย์เก่าเป็นสำคัญ

มหาวิทยาลัยยังคงเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังความสำเร็จของศิษย์เก่า ด้วยการช่วยให้สถาบันมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และประสบความสำเร็จมากขึ้น

ศิษย์เก่ายังได้ยกระดับคุณค่าของปริญญาของตนเองอีกด้วย พวกเขาเป็นดังตัวแทนของมหาวิทยาลัย

พวกเขานำความรู้และคุณสมบัติอันมีเกียรติและน่ายกย่องทั้งหมดที่มหาวิทยาลัยมอบให้มายังครอบครัว ถิ่นกำเนิด ชีวิตการทำงาน เครือข่ายสังคมออนไลน์ของพวกเขา และเสริมสร้างโครงสร้างของสังคมของพวกเขา ความสำเร็จและความสูงส่งทั้งหมดของพวกเขาช่วยเสริมชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย

เซอร์ ซัยยิด ได้เริ่มแนวคิดและการดำเนินการของการศึกษาสมัยใหม่ควบคู่ไปกับการศึกษาทางศาสนา สำหรับชาวมุสลิม เขาเป็นคนแรกและเป็นคนเดียวที่เข้าใจความต้องการและดำเนินการแก้ไขวิสัยทัศน์ของเขาให้อยู่เหนือขอบเขตของศาสนา และเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนทำงานเพื่อการศึกษา

นั่นคือเหตุผลที่มหาตมะ คานธี เรียกเขาว่า ‘ศาสดาแห่งการศึกษา’

ขบวนการ Aligarh

ในสมัยทองของเซอร์ ซัยยิด

 

มีการเขียนหนังสือและบทความมากมายเกี่ยวกับเซอร์ ซัยยิด แต่เรายังไม่สามารถสำรวจการต่อสู้และการมีส่วนร่วมของเขาทั้งหมดได้

จนถึงตอนนี้เราจะพบว่า 81 ปีในชีวิตของเขาเป็นภาพสะท้อนทั้งหมดของการที่แต่ละคนสามารถมีส่วนร่วมในเชิงบวกในชีวิตของผู้อื่นต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทุกแง่มุมในชีวิตของเขาเป็นบทเรียนสำหรับมนุษยชาติ และนี่คือขบวนการอลิการ์ หากเราต้องสรุปการเคลื่อนไหวนี้ มีคำหลักสามคำที่รวบรวมสาระสำคัญเอาไว้ได้แก่

– ยกระดับการศึกษา

– ปฏิรูปสังคม

– การตื่นขึ้นทางศาสนา

ก่อนที่เซอร์ ซัยยิด จะประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนด้านการศึกษาให้แก่ชาวอินเดียทั้งมวลโดยเฉพาะชาวมุสลิมอินเดียนั้นเขาต้องผ่านการถูกวินิจฉัยทางศาสนา (ฟัตวา) เขาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงในการเคลื่อนไหวเพื่อการศึกษาของคนอินเดียทั้งมวล

เขาถูกกล่าวถึงดังนี้ “ชายคนนี้กำลังหลงผิดและทำให้ผู้คนหลงผิด หรือมากกว่านั้นเขาคือตัวแทนของมารและต้องการหลอกลวงชาวมุสลิม การสนับสนุนวิทยาลัยของเขาถือเป็นบาป ขอพระเจ้าประณามผู้ก่อตั้ง และหากวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งขึ้น ผู้สนับสนุนก็จะถูกขับออกจากกลุ่มก้อนของอิสลาม”

เซอร์ ซัยยิด ถูกโจมตีด้วยการวินิจฉัยทางศาสนามากมายจากทุกที่ แต่เขาก็ยังคงประสบความสำเร็จในภารกิจของเขาและพิสูจน์ให้เห็นสิ่งที่เขาทำว่าถูกต้องแล้ว

ตอนนี้ สถาบันดังกล่าวทั้งหมดที่เคยวิพากษ์การขับเคลื่อนด้านการศึกษาของเขาต่างชื่นชมผลงานของเขาในที่สุด