จุดแข็ง ท่าไม้ตาย ของตัวแทนพรรคการเมือง จุดพลุ! เริ่มต้นบทใหม่ประเทศไทย

“มติชน : เลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย”

เวทีแรก ประชันนโยบาย “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” นั้น ตัวแทนแต่ละพรรคการเมือง “ประกาศจุดแข็ง” และนี่คือ “วิสัยทัศน์” อย่างเข้มข้นดังนี้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จุดแข็งของพรรค ปชป.คือ

1. อุดมการณ์ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2. ประชาธิปไตยสุจริต ซึ่งประชาธิปไตยสุจริตเท่านั้นที่จะรักษาประชาธิปไตยไว้ได้ เพราะไม่ว่าจะมีการทำรัฐประหารกี่ครั้ง เกือบจะทุกครั้งที่อ้างเงื่อนไขการทุจริต แล้วยึดอำนาจ

และ 3. อุดมการณ์ประชาธิปไตยท้องอิ่ม คนไทยต้องท้องอิ่ม ไม่เช่นนั้นประชาธิปไตยก็จะไปไม่รอด

ส่วนเรื่องนโยบาย ปชป.มีกรอบยุทธศาสตร์ที่จะพาประเทศไปข้างหน้าชัดเจน คือ ยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ โดยไม่ใช่สร้างเงินแค่คนไทย แต่สร้างเงินให้ประเทศด้วย

การสร้างคนสำคัญมาก หากคนไม่มีคุณภาพ-ศักยภาพ ก็ไม่สามารถสร้างเงินต่อได้ แม้แต่รักษาเงินก็ไม่สามารถทำได้ หากเราสร้างคน สร้างเงินได้ เราก็สามารถสร้างชาติได้ จะสร้างได้อย่างไร เราจะประกาศต่อไปในอนาคต

ทั้งหมดนี้คือกรอบคิด หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดทิศทางทางเศรษฐกิจชัดเจน ปชป.มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เดินหน้าไปสู่เศรษฐกิจหลากหลาย ไม่ใช่แค่รายได้ทางเดียว เพราะโลกสอนเรา ถ้าเราเน้นอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว สงครามรัฐเซีย-ยูเครน เราจะเอาข้าวที่ไหนกิน หากเราเน้นท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว โควิด-19 มาเราจะเอาเงินที่ไหนใช้

นี่คือหลักคิดของพรรคที่จะแปลงมาเป็นนโยบายเศรษฐกิจและสังคม

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)

พรรคชาติไทยพัฒนามีจุดแข็งที่จะต้องทำนโยบายที่สามารถแก้ปัญหาวันนี้และอนาคตพร้อมกัน ไม่ใช่แก้ปัญหาในวันนี้ แต่ไปสร้างปัญหาในอนาคต ต้องเป็นแนวนโยบายที่สามารถแก้ไขตั้งแต่คนระดับรากหญ้าจนถึงระดับประเทศ

โดยนำเสนอ Asia-Pacific Regional Carbon Credit Center ทำหน้าที่วัด ประเมิน ศึกษา ซื้อขายพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต ที่สอดคล้องนโยบาย WOW Thailand ของพรรค

W : Wealth ความมั่งคั่ง การที่ทำให้มีคาร์บอนเครดิต แนวคิดการพัฒนานี้จะทำให้เกิดรายได้ให้กับประชาชน พี่น้องเกษตรกร เพิ่มมูลค่าผลผลิต มีคาร์บอนเครดิตในผืนนาของตัวเอง จะทำให้ภาคธุรกิจไทยนั้นมีแต้มต่อในเวทีระดับนานาชาติ ในอนาคตอันใกล้ กำแพงภาษีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมกำลังจะเกิดขึ้นทั่วโลก

O : Oppotunity โอกาส ศูนย์นี้จะเป็นทั้งโอกาส ความหวังของไทย สร้างโอกาส อาชีพ และภาคการเกษตร สามารถที่จะต่อยอดไปถึงระดับนานาชาติ ทำให้การเกษตรมีความมั่งคั่ง มีรายได้เพื่อดึงลูกหลานไทยกลับเข้ามาอยู่ภาคการเกษตรใหม่ การลงทุนทั้งภาคธุรกิจ ทั้งต่างชาติ การทำงานนอกสถานที่ การใช้ชีวิตหลังเกษียณ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้

W : Welfare ดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน การมีคาร์บอนเครดิตขึ้นมา จะทำให้ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยหายไป การที่เราจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น การที่ภาคเกษตรจะเป็นภาคเกษตรอย่างยั่งยืน

นี่คือแนวคิดของพรรค ที่บอกว่า แนวนโยบายที่ดี ไม่ใช่ดูแลแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แนวนโยบายที่ดีจะต้องดูแลตั้งแต่คนตัวเล็ก ไปอุ้มเขาขึ้นมาให้ก้าวทันระดับนานาชาติ ดูแลคนระดับภาคธุรกิจให้ทำงานเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ ได้ ที่สำคัญ ต้องเป็นนโยบายพลิกโฉมประเทศไทยให้ไปยืนอยู่ท่ามกลางนานาอารยประเทศ โดยไม่อายใคร

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

หากเลือกพรรคพลังประชารัฐ จะมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี และจะมี 3 สิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย

1. จะไม่มีความขัดแย้ง สิ่งนี้คือจุดยืนทางการเมืองที่สำคัญของพรรค เรามีเจตจำนงมุ่งมั่นเรื่องนี้ เพราะหากเกิดความขัดแย้ง ประเทศจะถอยกลับสู่ที่เดิม ซึ่งหลายฝ่ายยอมรับว่า พล.อ.ประวิตรมีบารมีและประสบการณ์ สามารถที่จะโอบกอดทุกขั้วการเมืองเพื่อผ่านการขัดแย้ง และส่งผ่านการเมืองไทยไปสู่ข้างหน้าได้

2. ค่าครองชีพจะลดทันที โดยปฏิรูปพลังงานด้วยการปฏิรูปราค่าน้ำมัน ปฏิรูปการสร้างรายได้ให้ประชาชนด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาเรือน และใช้ระบบหัก ลบ กลบ จ่าย หลังคาของประชาชนจะเกิดเป็นรายได้และลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งปรับโครงสร้างราคาแก๊ส, ประชาชนมีรายได้เพิ่มทันทีจากบัตรสวัดดิการประชารัฐ

3. เศรษฐกิจฐานรากต้องฟื้น ตามนโยบาย “มีเรามีที่ทำกิน มีเราไม่มีแล้ง” ที่สำคัญ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะต้องถูกกระจายไปสู่ประชาชนฐานราก เพื่อให้เป็นเจ้าของวัตถุดิบทางการเกษตรและมีรายได้จากโครงการดังกล่าว พรรคมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างให้เอสเอ็มอีมีโอกาสพลิกฟื้นจากภาวะเป็นหนี้ ด้วยกองทุนของพรรคพลังประชารัฐ เติมทุนให้ตั้งตัวได้

พร้อมยกระดับเศรษฐกิจจากเครื่องยนต์เดิม เปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเรื่องนวัตกรรม ดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทย จะได้อนุทินเป็นนายกฯ จุดยืนคือ จะไม่เป็นปัจจัยความขัดแย้ง ส่วนจุดขายคือ พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ เสนออะไรต้องปฏิบัติได้จริง ทำได้เลย ทำได้เร็ว กล้าตัดสินใจสนับสนุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ กล้าคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการทุจริตต่อบ้านเมือง

พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่มีระเบียบวินัย เคารพกติกา ทั้งกติกาทางกฎหมาย กติกาในสภา กติกาการอยู่ร่วมกัน และผลักดันเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ที่สำคัญคือ พรรคภูมิใจไทยจะทำให้รากฐานของประชาชนเข้มแข็ง ผ่านระบบที่เป็นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำต่างๆ คนไทยต้องมีสุขภาพดี ต้องมีโอกาสประกอบธุรกิจ และอาชีพโดยไม่มีการกีดกัน

ในฐานะที่ทำงานในกระทรวงสาธารณสุขมา 4 ปี ยืนยันได้ว่า คนไทยจะไม่มีวันล้มละลายจากปัญหาสุขภาพตัวเอง พรรคภูมิใจไทยจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาถิ่นกำเนิดของตัวเอง ด้วยการมีภาษีบ้านเกิดเมืองนอนไปจัดการเอง

ส่วนจุดแข็งคือ พรรคภูมิใจไทยทำได้แน่นอน เพราะเราเป็นพรรคที่มีขนาดพอสมควร สามารถที่จะประสานเชื่อมทุกพรรคได้ ทำให้เกิดความสามัคคี และความสงบของคนในชาติ ทำได้ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับนานาชาติ คือไปไหนไม่อายใครอย่างแน่นอน

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า

อยู่กับการเมืองมา 30 กว่าปี วันนี้สภาพบ้านเมืองบอบช้ำมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ฉะนั้น พรรคจะให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ในแนวคิด “มีงาน มีเงิน ของไม่แพง”

วิธีการจากนี้ไป เราจะต้อง “รบ” บนจุดแข็ง อะไรที่ไม่ใช่จุดแข็ง ไม่รบ เอาจุดแข็งมาเป็นเศรษฐกิจ จุดแข็งที่เห็นคือ 1.สินค้าการเกษตร ไทยเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจทางด้านการเกษตร เรายังไม่ได้นำเทคโนโลยี มาใช้เพิ่มมูลค่า 2.เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ในการเป็นอาหารป้อนโลก 3.ไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทั่วโลกยอมรับ 4.ไทยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วย ซอฟต์เพาเวอร์ ทั้งหมดนี้จะเป็นพื้นฐานต่อยอดนโยบาย

พร้อม “ลบ” สิ่งที่เป็นอุปสรรค มี 2 เรื่อง 1.ปัญหาความขัดแย้งในสังคม และ 2.เสถียรภาพทางการเมือง ที่ทางพรรคจะต้องเข้าไปมีส่วน สร้างเสริม และลดปัญหาสังคม

ซึ่งนโยบายเศรษฐกิจมีแนวคิดสร้างเศรษฐกิจใหม่ สร้างเงิน สร้างงาน ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท, นโยบายการท่องเที่ยว ที่เป็นจุดแข็ง ทำได้ทันที

พัฒนาภาคอีสาน เราจะใช้ภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้เปรียบ ความได้เปรียบของอีสาน ที่เชื่อมโยงสู่ลาว จีน เส้นทางสายใหม่ ยุโรป แอฟริกา สร้างอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ คล้ายๆ กับ EEC มีเศรษฐกิจพิเศษ “โดยเฉพาะที่โคราช มีของดีอยู่ชิ้นหนึ่ง ยูเนสโกกำลังจะประกาศให้โคราชเป็นอุทยานธรณีโลก และเขาใหญ่ก็เป็นมรดกโลกอยู่แล้ว สะแกราช ที่ อ.ปักธงชัย ก็เป็นแหล่งสงวนชีวมณฑล อยู่แล้ว 2 แห่งนี้ยูเนสโกให้การรับรอง

ฉะนั้น ถ้าเดือนพฤษภาคม โคราชได้รับการรับรองให้เป็นอุทยานธรณีโลก จะเป็น 1 ใน 3 จังหวัดของโลก ที่มี Triple Crown มีมงกุฎของยูเนสโกอยู่ที่นี่, จะสร้างมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ ลดความเหลื่อมล้ำ และเป็นโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการลงทุน ท่องเที่ยว

พรรคชาติพัฒนากล้า เที่ยวนี้จะระดมสรรพกำลัง ผมเป็นประธานพรรค เป็นรองนายกฯ มาแล้ว 2 ครั้ง เป็นรัฐมนตรีว่าการมาแล้ว 7 กระทรวง หัวหน้าพรรคก็เป็นรัฐมนตรีคลังมาแล้ว เลขาธิการพรรคก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มาแล้ว

นี่คือพลังของประสบการณ์ บวกกับดีเอ็นเอ ขอทำการเมืองที่ไม่ขัดแย้งของท่าน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ฉะนั้น จะตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาประเทศ คือลดความขัดแย้งทางการเมือง สร้างความยิ่งใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

สามารถตอบจุดแข็งของพรรคก้าวไกลด้วยคำเดียว คือ รัฐสวัสดิการ ที่จะทำให้การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต มาจากจุดแข็งย่อยที่เราคิดมาตลอดว่า การเมืองกับเรื่องปากท้องเป็นเหรียญเดียวกันที่แยกกันไม่ออก

เรื่องเกี่ยวกับกัญชา เรื่องเกี่ยวกับแรงงาน เรื่องเกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ถ้าอำนาจทางโครงสร้างยังไม่ใช่ คนที่เข้ามาในการเมืองจากการลากตั้ง ไม่ใช่การเลือกตั้ง การใช้ภาษีของประชาชนเพื่อแก้ปัญหาปากท้องอย่างยั่งยืนจึงเป็นไปไม่ได้

ตนไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะทำเหมือนเมื่อ 40 ปีที่แล้วได้ แต่เราต้องมองไปถึงอนาคต ว่าประเทศจะต้องเจริญเติบโต และลดความเหลื่อมล้ำไปพร้อมกันได้ เราไม่ได้มองแค่ว่าจุดแข็งให้กลายเป็นโอกาส แต่เรามองจุดอ่อนให้เป็นโอกาสด้วย ทั้งหมดนี้สามารถย่อยออกมาได้เป็นรัฐสวัสดิการ

หลายพรรคการเมืองคิดว่า เบี้ยผู้สูงอายุต้องเป็น 3,000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เพราะทุกวันนี้เขาได้กันเดือนละ 600-700 บาท หาร 30 วัน ตกวันละประมาณ 20 บาท ถ้าคิด 3 มื้อ ตกมื้อละ 7 บาท เท่ากับไข่ต้ม 1 ฟอง เราจะเลี้ยงดูพ่อแก่แม่เฒ่าที่สู้มาก่อนเราด้วยไข่ต้ม 1 ฟองหรือ

“เราจึงต้องมีวิธีหาเงิน ซึ่งพรรคก้าวไกลมีเงินจ่ายทำได้จริง โดยการรีดไขมันจากกองทัพ การลดงบกลาง การทำภาษีความมั่งคั่ง รวมถึงต้องปรับโครงสร้าง และปฏิรูปเรื่องต่างๆ ใครที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ต้องคิดใหม่ ที่สำคัญเลือกก้าวไกล เพื่อให้ไทยก้าวหน้า”