ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
เดินสายลงพื้นที่ทั้งตรวจราชการและเยี่ยมเยียนประชาชนในเกือบทุกภาคของประเทศ สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ส่วนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ รวมทั้งหลังเวลาราชการในช่วงวันธรรมดา พล.อ.ประยุทธ์จะสวมหมวกประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงกับพี่น้องประชาชน ตามคิวที่ทีมงานวางโปรแกรมไว้ให้
ขณะเดียวกันในทุกการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะจับไมค์พูดคุยชี้แจงการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว “บิ๊กตู่” ไม่พลาดที่จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในแต่ละจังหวัดที่เดินทางไป
เพราะวงใจและคนใกล้ชิดรับรู้ตรงกันว่า “บิ๊กตู่” ถือเป็น “สายมู”เบอร์ต้นๆ ตั้งแต่สมัยที่รับราชการในกองทัพบก จวบจนมาถึงการดำรงตำแหน่งนายกฯ
อย่างการเดินทางเยือน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เข้าสักการะหลวงพ่อวัดยางใหญ่ และนมัสการพระครูวินัยธร ณัฏฐาสันต์ สิทฺธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดยางใหญ่ ที่วิหารหลวงพ่อวัดยางใหญ่ และไหว้บูชาตาพรานบุญ ณ วิหารปฐมบรมครูตาพรานบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการลงพื้นที่ปฏิบัติราชการ
โดยเฉพาะศาลตาพรานบุญ ที่มีความเชื่อกันในเรื่องเมตตามหานิยม
จน ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อย่าง “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ถึงกับต้องออกโรงมาเตือนคณะของนายกฯ ด้วยความหวังดีว่า
“กรณีที่ให้นายกฯ ไปนมัสการหลวงพ่อวัดยางใหญ่ และไหว้บูชาตาพรานบุญ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์นั้น หากคนที่ทำพิธีทำไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้วิบัติได้ จึงบอกไปแบบนี้ แต่ถ้าไปด้วยจิตศรัทธาและต้องการทำบุญจริงๆ ขอฝากทางผู้จัดที่ดูแลว่าต้องหาเจ้าพิธีที่ทำให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นนายกฯ อาจจะเสียหายได้”
เสร็จจากภาคใต้ “บิ๊กตู่” มีคิวลงตรวจราชการที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจติดตามโครงการก่อสร้างอาคารจัดแสดงเครื่องทองอยุธยา และการจัดแสดงเครื่องทองอยุธยาและพระบรมสารีริกธาตุ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา พร้อมกับเข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์ภายใน 5 วัดดังของเมืองกรุงเก่า
แต่ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ การทำพิธีที่วัดศาลาปูน นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์เข้าสักการะพระประธาน หลวงพ่อแขนลาย รวมถึงพระนาคปรกซึ่งเป็นพระประจำวันเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยสร้างถวายให้วัดดังกล่าวแล้ว
ภายในพระอุโบสถ มีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือเจ้าคุณธงชัย เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าอาวาสวัดศาลาปูน ได้ร่วมสวดชยันโตให้พร
ซึ่งพิธีดังกล่าวไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบันทึกภาพ หรืออยู่ในพิธี มีเพียง พล.อ.ประยุทธ์และคณะอยู่ในพิธีเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านี้ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ รวมถึงเจ้าคุณธงชัย ยังได้เดินทางไปวัดหน้าพระเมรุ เพื่อสักการะพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตรโลกนาถ สำหรับวัดหน้าพระเมรุเป็นวัดที่รอดพ้นจากการถูกทำลายเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2
ขณะที่พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตรโลกนาถ เป็นพระพุทธรูปในสมัยอยุธยา เป็นพระประธานในอุโบสถ ทรงเครื่องพระมหากษัตริย์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ
และมีความเชื่อกันว่า ทำให้ข้าศึกเกิดความเกรงกลัวไม่เข้ามาทำลายวัดนี้
แต่ก็มีเหตุการณ์ทำให้สื่อและคณะที่ติดตามนายกฯ ลงพื้นที่ตกใจ
คือ ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่วัดใหญ่ชัยมงคล นายกฯ ได้ถวายมาลา ถวายดาบ ถวายไก่กับช้างคู่ เพื่อความเป็นสิริมงคล
ซึ่งในช่วงระหว่างเจ้าหน้าที่ยกแท่นวางดาบที่อยู่ในฝักเพื่อให้นายกฯ นำไปถวายนั้น ปรากฏว่าดาบได้หล่นจากแท่นลงมาใส่ที่บริเวณท้องแขนของนายกฯ
ขณะเดียวกันและเป็นที่น่าสังเกตว่า มือขวาของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอาการบวม เนื่องจากนิ้วล็อกอยู่ จนต้องถอดแหวนออกระหว่างลงพื้นที่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
ทำให้มีการโจษจันว่าเป็นลางดีหรือลางร้ายกันแน่!??
ปรากฏอาการมือบวมของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีทีท่าที่จะทุเลา
เจ้าตัวจึงตัดสินใจเข้าพบแพทย์ ให้ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา
แพทย์ได้สั่งให้นายกฯ แอดมิตเพื่อดูอาการ โดย พล.ต.ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ระบุว่า เมื่อตรวจอาการบวมที่มือขวาของนายกฯ แล้ว ต้องให้ยาปฏิชีวนะ และมีการตรวจคลื่นแม่เหล็กของมือข้างขวาพบว่ามีน้ำเหลืองขังอยู่ตรงมือที่บวมมาก
ทางทีมแพทย์เกรงว่าจะเป็นการอักเสบติดเชื้อ มีน้ำเหลืองติดเชื้อ ถ้าปล่อยไว้นานอาจเป็นหนองได้
จึงตัดสินใจทำหัตถการเล็กๆ คือ เปิดแผลที่มือนายกฯ เพื่อระบายเอาน้ำเหลืองที่อักเสบติดเชื้อออก หลังจากนั้นได้ทำการเย็บแผลเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้อาการนายกฯ เป็นปกติดี ทีมแพทย์ได้แนะนำให้นายกฯ ใช้มือให้น้อยลงในช่วงนี้
โดยคณะแพทย์อนุญาตให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 มีนาคมเพื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้านพัก
ในวันรุ่งขึ้น วันที่ 7 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์นำประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามปกติโดยแขนขวายังคงสวมเฝือกอ่อนและคล้อง ARM SLING หรือสายคล้องแขนสีดำประคองกระดูกและกล้ามเนื้อแขน ขณะที่บริเวณมือด้านซ้ายก็ยังคงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์สายฉีดยาติดอยู่
พร้อมกับโชว์ความแกร่งนั่งเซ็นงานไม่หยุด ส่วนการประชุม ครม.ก็อนุมัติงบประมาณแบบรัวๆ เนียนไปกับการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งการอนุมัติงบประมาณเพิ่มค่าป่วยการให้กับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และอาสาสมัครกรุงเทพ (อสส.) จากเดือนละ 1 พันบาท เพิ่มเป็นเดือนละ 2 พันบาท ตามที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเสนอ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังไฟเขียวงบประมาณอีก 8.171 พันล้านบาท ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 67 จังหวัด นำไปซ่อมแซมถนน ไฟฟ้า ปรับปรุงแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งงบประมาณทั้งสองส่วนมาในห้วงจังหวะเวลาที่รัฐบาลต้องโหมหว่านงบฯ ในช่วงที่ ครม.จะทำหน้าที่ตามอำนาจเต็มได้อีกไม่เกิน 2 ครั้ง ก่อนที่นายกฯ จะตัดสินใจยุบสภา ตามไทม์ไลน์ อาจจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 23 มีนาคมที่รัฐบาลจะครบวาระ 4 ปี เพียงไม่กี่วัน
ส่วนจะกดปุ่มยุบสภาวันใด ย่อมอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้เลือกฤกษ์พานาที ว่ายุบสภาเมื่อใด
โดยมีกระแสข่าวว่า อาจถือฤกษ์ใหม่โดยจะยุบสภาวันที่ 20 มีนาคม เพื่อที่จะเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม ไม่ใช่ 7 พฤษภาคม อย่างที่คาดกัน
ทั้งนี้ สายมูอดที่จะตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่าฤกษ์ใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโอกาสจะได้คัมแบ๊กมานั่งเก้าอี้ สร.1 ได้อีกหรือไม่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022