ฟิลเตอร์ใหม่ สวยไหมไม่รู้ แต่ ‘สมจริง’ แบบตะโกน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน

@Sue_Ching

Facebook.com/JitsupaChin

 

ฟิลเตอร์ใหม่

สวยไหมไม่รู้

แต่ ‘สมจริง’ แบบตะโกน

 

ฟิลเตอร์เปลี่ยนใบหน้าได้ฝังเข้าไปเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของแอพพ์โซเชียลมีเดียแทบจะทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงแอพพ์แต่งภาพยอดนิยมต่างๆ ด้วย

ฟิลเตอร์เหล่านี้ช่วยซ้อนเอฟเฟ็กต์บนใบหน้าของเรา ตั้งแต่การช่วยเติมเครื่องสำอางไปจนถึงฟิลเตอร์การ์ตูนสนุกๆ อย่างการทำให้ตาถลนออกมาเป็นตัวการ์ตูนหรือสลับใบหน้าของเรากับเพื่อนเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ

เมื่อเวลาผ่านไป ฟิลเตอร์เหล่านี้ก็เก่งมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ฟิลเตอร์หลุดออกจากตำแหน่งที่ควรจะเป็นทุกครั้งที่เราขยับใบหน้าเร็วๆ ก็เริ่มกลมกลืนผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกับภาพใบหน้าของเรามากขึ้นเรื่อยๆ

ฟิลเตอร์ล่าสุดที่มีคนพูดถึงเยอะมากเป็นพิเศษก็คือฟิลเตอร์ที่ TikTok เพิ่งจะเปิดตัวออกมาใหม่ภายใต้ชื่อ Bold Glamour

หลายๆ คนที่ได้ทดลองใช้ฟิลเตอร์นี้แล้วถ่ายวิดีโอออกมาแชร์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกตกใจกับความสมจริงของมันมาก

Blod Glamour เป็นฟิลเตอร์ช่วย ‘แต่งหน้า’ ให้ผู้ใช้งาน ถ้าบอกว่าแต่งหน้าเฉยๆ ก็อาจจะไม่ได้น่าตกใจอะไรเพราะทุกวันนี้ก็มีฟิลเตอร์แต่งหน้ามากมายเต็มไปหมด

แต่มีเหตุผลอยู่ 2 ประการที่ฉันคิดว่า Blod Glamour ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกตะลึงพรึงเพริดกันได้ขนาดนั้น

ประการแรกก็คือ ฟิลเตอร์นี้ช่วยแต่งหน้าให้แบบหนักมือมากๆ คิ้ว ตา จมูก ปาก แก้ม แต่งหนาและหนักจนถ้าเอาไปในชีวิตจริงบ้างเครื่องสำอางที่มีคงหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่วัน

ฉันลองกับตัวเองแล้วก็สะดุ้งโหยง คิ้วอวบหนาที่หางเรียวแหลม จมูกที่เป็นสันโด่งจนเผลอนึกไปว่าหรือเราจะเป็นลูกครึ่ง ปากอวบอิ่มค่อนไปทางเจ่อ และโครงหน้าที่ผ่านการคอนทัวร์แสงและเงาอย่างดีขับให้โหนกแก้มของฉันเด่นชัดกว่าที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต

สมชื่อ Bold Glamour จริงๆ

 

อย่างที่สองก็คือ ความสมจริงของฟิลเตอร์ ค่ะ

ความสมจริงของฟิลเตอร์ไม่ได้หมายถึงแค่สีสันของเมคอัพ การไล่เฉดสีอายแชโดว์ หรือการเขียนคิ้วได้อย่างสมมาตรเท่านั้นนะคะ แต่หมายถึงตัวฟิลเตอร์นี้สามารถทำให้เมกอัพทั้งหมดดูเหมือนกับถูกประโคมเอาไว้อยู่บนผิวหน้าของเราจริงๆ

ตอนที่ฉันลองใส่ฟิลเตอร์นี้ครั้งแรก ปฏิกิริยาที่ร่างกายทำโดยอัตโนมัติก็คือการยกมือขึ้นมาเพื่อบังดวงตาข้างหนึ่งด้วยความคาดหวังว่าฟิลเตอร์จะหายไปแล้วจะได้เห็นช่วงจังหวะที่ตาเด้งกลับไปเป็นตาเล็กเรียวของเราเหมือนเดิม

แต่มันไม่เกิดขึ้น ไม่มีกลิตช์ ไม่มีขนตาที่เด้งมาแปะอยู่บนมือ ไม่มีส่วนใดๆ ของหน้าที่คืนรูปกลับไปเป็นแบบเดิมเลย ไม่ว่าจะขยับศีรษะซ้ายขวา เอามือปิดตา จมูก ปาก ฟิลเตอร์นี้ก็ยังสามารถเกาะจับใบหน้าได้เหนียวหนึบ

นี่แหละค่ะสิ่งที่ทำให้ฟิลเตอร์นี้เป็นที่โจษขานกันทั่วอินเตอร์เน็ต

 

เว็บไซต์ The Verge บอกว่านี่น่าจะเป็นฟิลเตอร์ที่เกิดจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และอธิบายว่าโดยปกติแล้วฟิลเตอร์ส่วนใหญ่จะใช้ภาพ 2 มิติที่ได้จากกล้องสมาร์ตโฟน เอาภาพใบหน้าของเรามาจับวางไว้กับโมเดลแบบ 3 มิติในเอฟเฟ็กต์ที่เราอยากได้

ซึ่งวิธินี้จะทำให้เกิดกลิตช์หรือความผิดปกติได้ถ้าหากมีอะไรเข้าไปขวาง เพราะภาพ 3 มิติที่ถูกวางลงไปจะไม่สามารถเกาะติดกับภาพใบหน้าได้ดีเท่าเดิม

แต่ฟิลเตอร์ Bold Glamour กลับเกาะได้หนึบ แถมมันยังสามารถคอนทัวร์ให้แสงเงากรอบหน้ากับดั้งจมูกของเราได้พร้อมๆ กับการทำให้ผิวของเราเนียนเรียบสม่ำเสมอไปด้วย

The Verge จึงสรุปว่าฟิลเตอร์นี้เกิดจากเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งและเจาะจงว่ามันก็คือ Generative Adversarial Networks หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า GANs ในขณะที่ TikTok นั้นไม่ได้ตอบรับหรือคอนเฟิร์มใดๆ

ยังมีฟิลเตอร์แบบอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายๆ กันนี้อย่างฟิลเตอร์เปลี่ยนให้เรากลับเป็นเด็กหรือวัยรุ่น หรือฟิลเตอร์สลับเพศ เหล่านี้ล้วนเป็นฟิลเตอร์ที่เราและคนรอบตัวเห็นปุ๊บก็รู้ว่าไม่ใช่ของจริงเพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะย้อนวัยหรือสลับเพศได้อย่างรวดเร็วชั่ววินาที

แต่ Blod Glamour เป็นฟิลเตอร์ที่ลวงให้เรารู้สึกว่ามันใกล้ความเป็นจริงได้

 

เสียงจากคนที่ได้ลองใช้ฟิลเตอร์นี้ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าถึงแม้นี่จะเป็นเทคโนโลยีที่เก่งกาจและน่าประทับใจมากแต่ก็น่าเป็นห่วงว่าจะส่งผลต่อการรับรู้ความงามของเด็กและวัยรุ่น ขนาดผู้ใหญ่ใช้ฟิลเตอร์นี้ พอปิดฟิลเตอร์กลับมามองหน้าจริงๆ ของตัวเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่เลย

แล้วเด็กๆ ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอจะถูกปรับมุมมองความงามให้บิดเบี้ยวออกห่างจากความเป็นจริงไปแค่ไหน

ด้วยความที่ Blod Glamour มีพื้นฐานคือใบหน้าโดยธรรมชาติของเราจึงอาจหลอกให้เราเข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เราสามารถทำเองได้ ถ้าเราแต่งหน้าในแบบเดียวกับฟิลเตอร์บ้างเราก็คงจะสามารถสวยเหมือนฟิลเตอร์ได้ใช่ไหมคะ

แต่บิวตี้บล็อกเกอร์ที่ได้ลองแต่งหน้าตัวเองตามฟิลเตอร์นี้มาแล้วก็บอกว่าของจริงมันไม่ง่ายเลย ขนาดใช้ฝีมือสุดๆ แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังออกมาไม่เหมือนที่ฟิลเตอร์ทำ

เพราะนอกจากเมกอัพแล้ว ฟิลเตอร์ยังเปลี่ยนรูปหน้า โครงกระดูกของเราไปในแบบที่เครื่องสำอางไม่มีทางทำได้ด้วย

แถมฟิลเตอร์นี้ยังอยู่บนพื้นฐานของความงามในแบบฝรั่ง ปรับผิวให้ขาว ขยายตาให้โต เสริมจมูกให้โด่ง ผู้ใช้ชาวเอเชียอย่างเราถ้าอยากจะวิ่งตามก็ยิ่งยากกันไปใหญ่เพราะรูปหน้าไม่เอื้ออำนวยตั้งแต่แรก

 

ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราอยากจะอาศัยฟิลเตอร์บางอย่างมาเป็นตัวช่วยเพื่อทำให้ตัวตนออนไลน์ของเราดูดีขึ้น แต่การเลือกฟิลเตอร์อย่างระมัดระวัง เลือกใช้ฟิลเตอร์ที่ไม่เปลี่ยนใบหน้าของเรามากเกินไปน่าจะดีต่อสุขภาพใจเรามากกว่าในระยะยาว

ด้านพ่อแม่ผู้ปกครองก็อาจจะต้องมีภารกิจเพิ่มเติมในการคอยสังเกตลูกวัยรุ่นของเราว่าใช้ฟิลเตอร์ประมาณไหน แล้วลองประเมินสถานการณ์ว่าได้เวลาที่จะเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อปรับมุมมองด้านความงามของลูกแล้วหรือยัง

ป.ล. ภาพประกอบบทความคือฉันเองไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าคุณเห็นแล้วตกใจ…เราคือเพื่อนกันค่ะ