รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๘๙๗) ศ. ดุสิต/อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น! ดาวมรณะ!

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๘๙๗)

ศ. ดุสิต

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร”

วิถีโคจรของดาว (ต่อ) วิถีโคจรของดาวมรณะ

ดาวมรณะ!

ชื่อของดาวนี้ก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นดาวที่แสดงความสูญเสียหรือความล้มเหลวอันไม่เป็นผลดีของดวงชาตา

แต่ไม่มีใครที่จะรู้ได้ว่าชีวิตของตนจะต้องพบกับความสูญเสียที่ว่านี้เมื่อไร

การได้รู้ก่อนจะทำให้เจ้าชาตามีความระมัดระวังในการใช้ชีวิต ย่อมเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเป็นอย่างมาก

โหราศาสตร์ระดับสูงจึงมีวิธีที่จะ “รู้” ว่าเมื่อใดชีวิตจะต้องผ่านเข้าไปในเขตของความสูญเสีย เพราะมีกฎเกณฑ์ที่น่าสนใจประกอบอยู่ อันเป็นวิชาการที่ถูกปกปิดมานานแล้ว

ปิดกันอยู่แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังหาคนรู้ในเรื่องนี้ยาก

ทั้งๆ ที่มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไรเลย ของง่ายๆ แท้ๆ

ทำยังไงล่ะ ถึงจะรู้?

ไม่ยากหรอกครับ ทำยังงี้…

๑.ผูกดวงขึ้นแล้วตรวจดูว่า ดาวมรณะ ในดวงสถิตอยู่ที่ไหน แล้วนับจากจุดนั้นไปยัง ภพมรณะ ได้เท่าไรตราไว้ (เพื่อนำไปบวกกับการนับต่อไป)

๒. ตรวจดูว่าราศีที่เป็นภพมรณะนั้นมีดาวใดครองเกษตรอยู่ ให้ถือกำลังของดาวนั้นเป็นอายุ นับต่อจาก ๑

๓. ถ้ากำลังดาวในภพมรณะยังไม่ถึงอายุย่าง ให้นับกำลังของดาวในราศีข้างหน้า (ภพศุภะ-กัมมะ-ลาภะ ฯลฯ) ไปจนถึงอายุย่าง ในกรณีที่นับถึงราศีอันเป็นที่สุดจะถึงอายุย่าง แต่กำลังของดาวในราศีนั้นมีจำนวน เกิน กว่าอายุในปัจจุบัน ให้หยุดที่ราศีก่อนจะถึงราศีนั้น แล้วนับไปข้างหน้าจากราศีนั้นไปราศีละหนึ่งปีจนถึงอายุย่างที่ราศีใด ก็ถือว่าราศีนั้นเป็นราศีที่ดาวมรณะจรตกอยู่

งงไหมครับ?

 

ถ้างง ผมจะทำดวงตัวอย่างให้ดูดังนี้

ดวงนี้เจ้าชาตาอายุย่าง 32 ปี มีภพมรณะอยู่ที่ราศีมิถุน มีดาวพุธเป็นเกษตรเจ้าเรือนมรณะ ดาวพุธสถิตอยู่ที่ราศีกรกฎ นับจากดาวพุธไปหาภพมรณะตามกฎ จะได้ 12 เอา 12 ตั้งไว้ตามข้อ ๑

ต่อไปนับที่ราศีมิถุนซึ่งมีดาวพุธเป็นเจ้าเรือน ดาวพุธมีกำลัง 17 + 12 = 29 ยังไม่ถึงอายุย่าง แต่ถ้าจะนับที่ราศีกรกฎอันมีดาวจันทร์กำลัง 15 มาบวกอีกก็จะเป็น 44 ซึ่งเกินอายุย่างไป จึงต้องหยุดที่ราศีมิถุน (29) นี่แหละ และนับราศีกรกฎเป็น 30 สิงห์ 31 กันย์ 32 จึงตกที่ราศีกันย์นี่เองที่เป็นจุดอายุย่าง

และเป็นจุดที่ถือว่า ดาวมรณะได้โคจรมาถึงจุดนี้แล้ว

ตรงนี้แหละครับที่เป็นจุดพยากรณ์ละ เราก็ตรวจดูว่าราศีกันย์นั้นเป็นภพอะไรของดวงชาตา

ในตัวอย่างนี้เป็นภพลาภะ จึงถือเสมือนว่ามี ดาวมรณะ มาสถิตในภพลาภะด้วย แต่เนื่องจากภพนี้เป็นภพที่ดี แม้ผลของการที่มีดาวมรณะมาสถิตในภพลาภะจะทำให้เจ้าชาตาประสบกับการ ขัดลาภ อยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำร้ายชีวิตของเจ้าชาตา จึงถือว่ายังไม่เป็นไร อายุ 32 จึงยังมีชีวิตที่สดชื่นอยู่ แต่–

แต่ราศีกันย์นี้ครองอายุแค่ 32 ปีเท่านั้น ดังนั้น การนับจึงต้องนับต่อจากราศีนี้ต่อไปอีกยังราศีตุลอายุ 33 และราศีพิจิกอายุ 34 ปีย่าง

จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อถึงปีที่ดาวมรณะจรได้โคจรมาทับลัคนาของเจ้าชาตา

เมื่อดาวมรณะจรมาถึงลัคนา ถึงตนุลัคน์ (บางตำราบอกว่าถึงจันทร์ด้วย แต่ผมไม่นับ) ตรงนี้แหละครับที่โบราณท่านถือว่าเป็นช่วงที่เจ้าชาตาจะต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังละ เพราะเป็นจุดที่ความเสียหายกับชีวิตจะเกิดขึ้นได้

แต่ความเสียหายนั้นจะเกิดหรือไม่ หรือเกิดแบบรุนแรงหนักหน่วงหรือเบาบางพอรับได้ เรื่องนี้โบราณท่านมีจุดให้เราคอยสังเกตดูและนำมาประเมินได้ว่า การเสียหายนั้นจะรุนแรงแค่ไหน

ท่านให้ดูที่ดาวมรณะตัวจรครับ

ท่านให้ดูว่าเมื่อดาวมรณะทับลัคน์ทับตนุลัคน์นั้น ดาวมรณะตัวจรกำลังสถิตอยู่ในสถานแห่งใด ภพใด เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ดวงชาตา

แต่ความจริงแล้วดาวมรณะเข้าที่ไหนก็มักจะเป็นโทษทั้งสิ้น เว้นจากเข้าที่ทุสถานภพนั่นแหละจึงจะช่วยดวงชาตาได้

แต่ถ้าหากในขณะนั้นดาวมรณะตัวจรนั้นจรอยู่ในภพที่ดี จะช่วยลดความรุนแรงลง เพราะภพเป็นตัวช่วย

ทว่า-ถ้าดาวมรณะตัวจรในขณะนั้นจรเข้าภพ อริ-มรณะ ด้วยแล้ว ท่านว่าให้ระวังให้มากที่สุด เพราะถ้าความเสียหายเกิดขึ้น จะเกิดอย่างรุนแรงด้วย

อ้าว-ตะกี้บอกว่าดาวมรณะเข้าทุสถานภพจะช่วยดวงชาตาไง ไหงคราวนี้มาบอกว่าจะแย่ลงล่ะ อาจารย์จะเอายังไงกันนี่?

ผมไม่ได้ปรวนแปรอะไรหรอกครับ แต่มันเป็นอย่างนี้จริงๆ คือมันคนละประเด็นกันน่ะครับ

ดาวมรณะเข้าทุสถานภพแล้วดีนั้น หมายถึงทำให้ความเป็นทุสถานภพนั้นอ่อนตัวลงบ้าง

แต่ในกรณีที่เราใช้ดาวมรณะเป็นตัวประเมินความเสียหาย การที่ดาวมรณะจรเข้าภพที่ร้ายจึงย่อมจะส่งความร้ายมาให้เป็นปริมาณที่มากขึ้น

เราใช้ความหมายของส่วนนี้มาประกอบการพิจารณาครับ โปรดทำความเข้าใจด้วย (โหราศาสตร์มีความซับซ้อนอย่างนี้แหละครับ)

การนับอายุย่างนี้เราต้องระวังอยู่เหมือนกันนะครับ อย่านับจนเกินกำหนดของกำลังดาว ต้องจำไว้ด้วยว่าเราขึ้นต้นจากราศีไหนและจะสิ้นสุดกำลังดาวในราศีไหน (คือเมื่อครบอายุนั่นแหละ) เมื่อเดินอายุไปครบแล้วจะต้องกลับมายังราศีจริงเพื่อนับต่อไป

อย่านับเพลินจนเลยอายุของกำลังดาวนะครับ

จุดถูกดาวมรณะทับนี้ เท่าที่ผมสังเกตมาผมเคยเห็นว่าบางทีดาวมรณะยังไม่ได้ทับลัคน์เลย เพียงแค่เล็งลัคน์ก็ก่อเรื่องเสียแล้วก็มี

หรือบางทีดาวมรณะโคจรไปตามอายุอยู่ในจุดที่ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เจ้าชาตากลับพบกับความสูญเสียที่รุนแรงไม่น้อย

ผมตรวจดูอย่างจริงจังจึงเห็นว่ามันไม่ได้เกิดเพราะดาวมรณะจรตามอายุครับ แต่มันเกิดจากดาวมรณะตัวจรจริงๆ (จรในท้องฟ้าขณะนั้น) ที่กำลังส่งกระแสมาทำร้ายลัคนาต่างหาก (หรือลัคนาจรก็ได้)

ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราอาจจะได้พบในการทำงานเรื่องอย่างนี้

ดวงตัวอย่างที่เห็นนี้เป็นดวงของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่ได้ถึงอสัญกรรมไปแล้วเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552

อายุชำระของท่านตอนที่ถึงอสัญกรรมคือ 74 ปี 5 เดือน 11 วัน หรือย่าง 75 ปี (ท่านเกิดวันที่ 13 มิถุนายน 2478) ทักษาจรตกภูมิอังคาร (ท่านเกิดวันพฤหัสฯ)

วันที่ท่านถึงแก่อสัญกรรมนั้น ตรวจดูดาวมรณะแล้วปรากฏว่าจรมาถึงราศีกันย์ ซึ่งในดวงของท่านมีดาวอังคารสถิตเป็นมหาจักรอยู่ที่นั่นพอดี

เท่ากับ มรณะ ทับ บริวารจร ซึ่งก็คือตัวเองนั่นแหละ

ลัคนาจรของท่านสถิตที่ราศีพฤษภอันเป็นปัสสวะราศี (ปัสสวะชีโว) มีดาวพฤหัสฯ เป็นดาวฆาต

และในปีที่ดาวพฤหัสฯ จรก็โคจรเข้าทับลัคนาเดิมของท่าน (เลขอารบิกในวงกลมรอบนอก) ซึ่งตามกฎเกณฑ์แล้วถือว่าร้ายมาก ฆาตนี้ถึงตายกันมาหลายคนแล้ว

และตัวท่านก็หนีไม่พ้นเช่นกัน (ปีจรนี้ดาวพฤหัสฯ เป็นดาวมรณะจรด้วย)

เมื่อลัคน์จรที่ราศีพฤษภนั้นก็กุมดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวมรณะ (เดิม) อยู่ จึงเท่ากับชีวิตเข้าไปอยู่ใต้เงาของมรณะแล้ว และเมื่อดาวมรณะโคจรมาสถิตที่ราศีกันย์ จึงส่งกระแสมาสัมพันธ์กับดาวมรณะตัวเดิม

ทำให้เกิดสองแรงส่งกระแสพุ่งเข้าไปหาลัคนาเดิมอย่างจัง (ตามเส้นไข่ปลาที่โยงไว้ให้ดูในดวง)

ยังไม่จบนะครับ แต่เนื้อที่ไม่พอแล้ว จึงขอยกยอดไปต่อในตอนหน้า เชิญติดตามต่อไปครับ