สถานีกลาง”บางป้อม” | สถานคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

สถานีกลาง”บางป้อม”

 

ส่งสัญญาณ ความเป็น “สถานีกลางบางป้อม”ออกมาเป็นละลอกๆ สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ล่าสุด คือท่าทีต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

“ผมยินดีที่มีคนเก่งๆ คนที่มีความรู้ความสามารถจากทุกภาคส่วนที่มีความสนใจเข้ามาทำงานการเมือง ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เราก็มีทีมเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์ มีผลงานในหลายด้านอยู่หลายคน ผมมองว่าการที่มีคนเก่งเข้ามาช่วยกันเยอะๆ ย่อมจะเป็นผลดีต่อบ้านเมืองแน่นอน”

ท่าทีนี้ แตกต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมากด้วยตั้งป้อมใส่แบบเป็น”อริ”ทันทีว่า นายเศรษฐาเก่งแค่ไหน และการบริหารประเทศมิใช่การบริหารธุรกิจครอบครัว

ขณะที่พล.อ.ประวิตร พยายามแสดงท่าทีเปิดกว้างให้ แม้ไม่ถึงขนาดเชียร์หรือสนับสนุน ด้วยเพราะ ยังถ่วงดุลไว้ด้วยว่าพลังประชารัฐก็มีทีมเศรษฐกิจดีอยู่

ทรง”กลางๆ”อย่างนี้ ไม่แตกต่างจากท่าทีที่แสดงผ่าน จดหมายจากใจพล.อ.ประวิตรที่ปล่อยออกมาแล้ว 4 ฉบับ ในเรื่อง จุดยืนทางความคิด

นั่นคือ แม้จะเติบโตมาภายใต้แนวทางอนุรักษนิยมมาทั้งชีวิต

แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่า อนุรักษนิยม มีจุดอ่อน จำเป็นจะต้องเปิดทางให้ แนวทางเสรีนิยม เข้ามาผสมผสานด้วย

ถือเป็นความพยายาม ที่นอกจากจะเอียงแก้มให้ฝ่ายเสรีนิยมหอมแล้ว

ก็ยังพร้อมยื่นแก้มให้ฝ่ายอนุรักษนิยม หอมด้วย

นี่กระมัง ที่ทำให้ มุขหอมแก้ม ถูกนำมาใช้ ในการออกพื้นที่ของพล.อ.ประวิตร ตลอด

ถึงแม้จะถูกกระเซ้าว่าเป็น”มุขซ้ำ”

แต่ก็เป็นการซ้ำที่ถือเป็นการแสดงจุดยืนแจ่มชัด ว่า ในการเลือกตั้งพล.อ.ประวิตรจะขายความเป็น “สถานีกลาง” ให้กับทุกฝ่าย

ใครๆก็มา หอมแก้ม ได้

และตรงนี้ อาจเป็นความหวังลึกๆของพล.อ.ประวิตร ที่แม้จะไม่เคยติดอันดับต้นๆของโพลสำรวจความนิยมของทุกสำนัก

แต่จะใช้ จุดยืนความเป็นสถานีกลาง นี่แหละ เป็นทีเด็ดในการหวลคืนกับสู่อำนาจ

โดย มี”นักเลือกตั้ง”มืออาชีพ ที่พล.อ.ประวิตรประกาศ ดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มีการทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นต้นทุน”หนุนหลัง”

พร้อมทั้งยังเชื่อมั่นในคอนเนกชั่นเดิมที่มีอยู่จะสามารถ แบ่งปันเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกมาสนับสนุนตนเองได้ในระดับ ร้อยขึ้น

เหล่านี้ถูดคาดหวังว่าจะผสมผสานเกื้อหนุนให้พล.อ.ประวิตร และพลังประชารัฐ จะอยู่ในเส้นทางแห่งอำนาจต่อไป

ถึงขนาดที่พล.อ.ประวิตร ประกาศต่อหน้าผู้สมัครส.ส.ของพรรคว่า ถึงอย่างไร พรรคพลังประชารัฐ ก็จะได้เป็นรัฐบาลต่อไป

ไม่ว่าขั้วไหนจะเข้ามาก็ตาม

และที่แอบหวังลึกๆไปมากกว่านั้น นั่นก็คือ ความเป็น”สถานีกลาง” นี้แหละ อาจจะส่งให้พล.อ.ประวิตร กลายเป็นตัวเลือกอันเหมาะสม ที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้

แต่กระนั้น ก็คงต้องตั้งคำถามว่า ขั้วอนุรักษนิยม ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือธงนำ

และขั้วเสรีนิยมประชาธิปไตย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จะหอมกลิ่นแก้มลุงป้อม จะเห็นพ้องหรือไม่

ที่สำคัญ ชาวบ้านจะเชื่อจุดยืนที่ถูกสร้างขึ้นมาแค่ไหน

จะยินยอมใช้บริการ “สถานีกลางบางป้อม” ไหม