ผู้มาเยือน | เรื่องสั้น : วนิดา คุตตวัส

เรื่องสั้น | วนิดา คุตตวัส

ผู้มาเยือน

 

เจนนี่

เจนนี่ส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากบรรจงวาดลิปสติกสีแดงลงบนเรียวปากและเม้มให้สีติดสม่ำเสมอ เธอพอใจกับเงาสะท้อนของตัวเอง พร้อมกับฮัมเพลงโปรด ก่อนเก็บลิปสติกเข้ากระเป๋าถือ เจนนี่แตะผมยาวสลวยให้เข้าที่เล็กน้อยแล้วหันไปยิ้มกับคู่หู

“ไปกันเถอะ เบบี้ พวกหนุ่มๆ รอเราอยู่”

เบบี้ค้อนใส่ ก่อนตอบว่า “จ้า แม่คนสวย ชั้นน่ะ รอหล่อนแต่งหน้าเป็นชั่วโมงแล้ว”

“ไม่นานขนาดนั้นสักหน่อย เราต้องดูดีสำหรับหนุ่มๆ นี่นา”

เจนนี่คล้องแขนเบบี้เดินออกจากห้องน้ำของไนต์คลับ เดือนตุลาคมเป็นเดือนที่อากาศดีของฟิลิปปินส์ ฤดูมรสุมผ่านพ้นไปแล้ว ภารกิจซ้อมรบร่วมของทหารอเมริกันกับฟิลิปปินส์เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อวาน พวกทหารหนุ่มๆ ได้รับอนุญาตให้ออกมาสนุกกับชีวิตยามค่ำในเมืองโอลองกาโป แฟนหนุ่มชาวเยอรมันของเจนนี่ยังไม่กลับมาฟิลิปปินส์ ทำให้เธอรู้สึกเหงาและอยากออกมาบรรเทาความว้าเหว่กับเหล่าทหารหนุ่มบ้างเล็กน้อย แน่นอนว่าสาวสวยทั้งคู่ดึงดูดเหล่าจีไอหนุ่มที่มานั่งดื่มในบาร์ โดยเฉพาะหนุ่มผมดำหน้าตาดีที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ สก๊อตตี้

หลังจากนั่งดื่มและคุยกันสัพเพเหระจนใกล้ห้าทุ่ม เจนนี่รู้สึกครึ้มใจจนยอมตกลงไปต่อที่โมเตลใกล้ๆ เบบี้อิดออดที่จะไปด้วย แต่เจนนี่คะยั้นคะยอว่า ไปกันสามคนจะสนุกกว่า ทั้งสามเลยออกเดินไปด้วยกัน เจนนี่บอกกับพนักงานว่าขอเปิดห้องพักค้างคืน พร้อมกับถือกุญแจมาเปิดประตูห้องเองอย่างคุ้นเคย

“สก๊อตตี้ ชั้นไม่อยากเชื่อว่าคุณจะอายุแค่ 19 พวกผู้ชายอเมริกันนี่คงกินแต่อาหารดีๆ รูปร่างเลยสูงใหญ่แบบนี้สินะ” เจนนี่พูดพลางหัวเราะ แล้วอยู่ๆ เธอก็หันไปบอกบาร์บี้ว่า “เบบี้ที่รัก ช่วยออกไปซื้อเบียร์กับของแกล้มมาให้หน่อยสิ สก๊อตตี้ช่วยให้เงินเบบี้ด้วย ฉันอยากอาบน้ำหน่อย คุณนั่งดูทีวีไปก่อนนะ”

เบบี้รับเงินจากสก๊อตตี้ ก่อนหันมามองค้อนเจนนี่ เพราะรู้ดีว่าเจนนี่เห็นว่าเธอเป็นส่วนเกินที่ควรหายตัวไปจากห้องพักโดยด่วน

เจนนี่นุ่งผ้าเช็ดตัวนวยนาดออกจากห้องน้ำ “เอาล่ะ พ่อหนุ่มน้อยสก๊อตตี้ เจนนี่อยากจะลองกินหนุ่มมะกัน ดูว่าของที่ทำในยูเอสเอจะอร่อยแค่ไหน เรามาลองเล่นเกมโมนิก้ากับบิลกันเถอะ”

เช้าวันต่อมา แคชเชียร์โมเตลเข้าไปเคาะห้องเพื่อเตือนให้เช็กเอาต์ แต่ประตูเปิดแง้มอยู่ ร่างเปลือยของเจนนี่คว่ำหน้าอยู่ที่โถส้วม มีรอยฟกช้ำที่ลำคอและใบหน้า ผลการชันสูตรศพต่อมาพบว่าเธอขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ

 

สก๊อตตี้

สก๊อตตี้อยากออกมาเผชิญภัยในโลกกว้างมาตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากจบจากไฮสกูลในแมสซาชูเสตส์ เขาสมัครเข้าเป็นนาวิกโยธิน แล้วก็ถูกส่งตัวขึ้นเรือเพื่อร่วมการซ้อมรบยกพลขึ้นบกที่ฟิลิปปินส์ ออกไปท่องโลกกว้างตามฝัน พวกเพื่อนๆ ทหารคุยให้ฟังนักหนาถึงความสวยสดของสาวฟิลิปปินนา วันนั้นจบการฝึกแล้ว พวกทหารหนุ่มได้รับอนุญาตให้ขึ้นบก ท่องราตรีคลายความเครียด แล้วสก๊อตตี้ก็เห็นเธอในดิสโก้บาร์ของเมืองโอลองกาโป สาวสวยร่างงาม ใบหน้ามีเสน่ห์น่าหลงใหลแบบตะวันออก เธอเป็นกันเอง ดูเป๊ะเกินจริง เธอบอกว่าชื่อเจนนี่ มากับเพื่อนชื่อเบบี้ แล้วสก๊อตตี้ก็ไม่มองหญิงอื่นอีก

“ผมอยากรู้ว่าคุณอายุเท่าไหร่ เพื่อนครูฝึกบอกให้ระวังเรื่องเด็กสาว ผมไม่อยากติดคุกหรอกนะ” สก๊อตตี้กระซิบถามอย่างระมัดระวัง เขาได้ยินครูฝึกกรอกหูเรื่องการถูกแบล๊กเมล์เพราะไปยุ่งกับเด็กสาววัยละอ่อนที่ออกมาจับเหยื่อเหล่าทหารอเมริกัน

“แหมพ่อหนุ่ม มันเสียมารยาทที่จะถามอายุผู้หญิงนะ คุณน่าจะรู้ว่าสาวเอเชียมักจะดูเด็กกว่าความเป็นจริง แต่เอาเถอะ ถือว่าเป็นคำชมว่าฉันหน้าเด็ก ฉันจะบอกให้ว่าเราทั้งคู่บรรลุนิติภาวะมาหลายปีแล้ว ฉัน 26 ส่วนเบบี้ 28”

“คุณดูเด็กกว่าอายุจริงๆ ด้วย ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ เราไปหาที่คุยเงียบๆ ดีกว่า ที่นี่เสียงดังเกินไป”

เจนนี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยอมพยักหน้า “โอเค เบบี้ไปด้วยกันนะ”

 

สก๊อตตี้ตื่นขึ้นมาบนเตียงในเรือที่พาเขาจากสหรัฐอเมริกามาทอดสมอที่อ่าวซูบิกของฟิลิปปินส์ เขาอยากจะเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขี้นเมื่อคืนวานเป็นเพียงฝันร้าย สก๊อตตี้หวังว่าเรือจะรีบออกจากฝั่งแล้วพาเขากลับบ้านโดยเร็ว ก่อนที่เรื่องเลวร้ายจะตามเขาทัน แต่ความหวังของเขาก็ไม่เป็นจริง ร่องรอยดีเอ็นเอจากถุงยางอนามัยที่เขารีบร้อนทิ้งไว้ในห้องพัก ยืนยันตัวตนผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ

เขาถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือตามข้อตกลงกองทหารผู้มาเยือน หรือ VFA – Visiting Forces Agreement แม้จะมีการประท้วงบริเวณท่าเรือ แล้วเรื่องต่างๆ ที่ตามมาเหมือนกับเกิดขึ้นกับคนอื่น ราวกับไม่ใช่ตัวเขาจริงๆ ที่ต้องขึ้นให้การกับศาล ต้องเผชิญหน้ากับญาติพี่น้องของเจนนี่ ต้องกล่าวคำให้การที่แสนน่าอับอายสำหรับคืนที่เลวร้าย คำแก้ตัวที่เขาเองได้รับการตระเตรียมจากทนาย

“ใช่ ผมชวนเธอไปหาที่คุยกันเงียบๆ เธอเต็มใจไปกับผมเอง”

“ไม่ ผมไม่ได้บังคับให้เธอมีเซ็กซ์กับผม เธอเต็มใจทำออรัลเซ็กซ์ให้ผม

ใช่ เอ่อ เราทำกันสองครั้ง”

“พอผมจับได้ว่าเธอไม่ใช่… ผมผลักเธอออกไป เธอตบหน้าผม ผมเลยบีบคอเธอเพื่อป้องกันตัว เธอแน่นิ่งไป ผมพยายามทำให้เธอฟื้น แต่ไม่มีขวดน้ำในห้อง ผมเลยลากเธอเข้าไปในห้องน้ำ ว่าจะหาน้ำมาทำให้เธอฟื้น ผมไม่ได้เอาหัวเธอจุ่มโถส้วม ตอนผมออกมาจากห้อง เธอยังหายใจอยู่”

14 เดือนหลังเหตุการณ์ ศาลชั้นต้นตัดสินว่าสก๊อตตี้มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ต้องโทษจำคุก 12 ปี และภายหลังการอุทธรณ์ ศาลลดโทษเป็นจำคุก 10 ปี ผู้พิพากษาสั่งให้จำคุกสก๊อตตี้ที่นิวบิลิบิด เรือนจำใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ที่แออัดด้วยนักโทษกว่า 26,000 คน เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดี ด้วยอุณหภูมิที่สูงเกือบ 40 องศาในหน้าร้อน

แต่แล้วด้วยการอ้างข้อตกลงกองทหารผู้มาเยือน วีเอฟซี ทางสหรัฐ ได้สิทธิพิเศษเป็นผู้พิจารณาเลือกที่คุมขัง สก๊อตตี้เลยได้เข้าไปอยู่ในห้องขังติดแอร์ส่วนตัวที่แคมป์อากินัลโด ค่ายทหารของฟิลิปปินส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ของสหรัฐสองนายคอยผลัดเปลี่ยนเวรดูแลนักโทษ

 

แมกซ์

ปี ค.ศ.2014 นับเป็นปีที่ดี แม้ระยะหลังแมกซ์จะขาดการติดต่อกับเจนนี่ทางโซเชียลไปบ้าง เพราะยุ่งกับการทำงาน แต่เขาก็ได้ตกลงกับเธอไว้แล้วว่าในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเจนนี่จะครบรอบวันเกิดอายุ 27 ปี ทั้งสองจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แมกซ์เป็นพ่อหม้ายอยู่หลายปี หลังจากได้พูดคุยทำความรู้จักเจนนี่ผ่านทางสื่อโซเชียล ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา เขาตัดสินใจบินมาพบเธอที่ฟิลิปปินส์เมื่อตอนต้นปี

“แมกซ์ คุณรู้ไหม หนังโปรดของฉันคือเรื่อง เดอะ ครายอิ้ง เกม” เจนนี่เอ่ยขึ้นตอนที่ทั้งสองออกมาเดินเล่นริมทะเลหลังอาหารค่ำ

“เอ้อ ผมไม่เคยดูหรอกนะ รู้แต่ว่าเป็นหนังอังกฤษ เก่าตั้งหลายปีมาแล้วนี่”

“งั้นเราไปดูด้วยกัน ฉันมีแผ่นดีวีดีอยู่ที่ห้องพัก คุณต้องชอบแน่”

แน่นอนว่า ทั้งสองคนไม่ได้ดูหนังจนจบ เพราะมัวแต่ยุ่งกันอยู่บนเตียง และปล่อยให้หนังแผ่นเล่นไป แต่แมกซ์ก็ทันได้เห็นฉากสำคัญของหนังและรับรู้นัยสำคัญที่เจนนี่พยายามบอกใบ้ไว้ เขากลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ที่ได้ร่วมรักกับสาวข้ามเพศ และได้รับรู้ถึงความสุขที่กลับมาอีกครั้ง จนทำให้เขาบินกลับไปๆ มาๆ ระหว่างเยอรมนี-ฟิลิปปินส์ อยู่หลายครั้ง

เขาได้รู้จากเจนนี่ว่าเธอกำลังพยายามเก็บเงินเพื่อบินไปผ่าตัดแปลงเพศให้สมบูรณ์ที่เมืองไทย แมกซ์ตัดสินใจซื้อแหวนหมั้นให้เธอ แต่ความพยายามที่จะขอวีซ่าให้เจนนี่ในฐานะคู่หมั้นเพื่อเดินทางไปแต่งงานที่เยอรมนีกลับไร้ผล ทำให้เขาหงุดหงิดใจจนบินกลับเยอรมนีไปก่อน และวางแผนกลับมาแต่งงานแล้วจะไปฮันนีมูนกันที่เมืองไทย

อีกเพียงเดือนเดียวก่อนที่แมกซ์จะบินมาฟิลิปปินส์ เขาก็ได้ข่าวจากเบบี้ว่า เจนนี่เสียชีวิตแล้วด้วยน้ำมือทหารอเมริกัน เขาทำได้เพียงบินกลับมาร่วมลาเจนนี่เป็นครั้งสุดท้าย

ในงานพิธีศพ เบบี้พูดเสียงสั่นกับแมกซ์ “ไอ้ขี้ขลาดนั่นให้การในศาลว่าไม่ได้กดหัวเจนนี่ที่น่าสงสารลงโถส้วมจนเธอตาย อย่างกับว่าเธอจงใจยัดหัวตัวเองลงไปอย่างนั้นแหละ เพื่อนๆ ทุกคนรู้ดีว่า เจนนี่รักสวยรักงามขนาดไหน เธอไม่เคยออกไปไหนถ้าไม่ได้แต่งหน้าแต่งตาให้สวยเป๊ะ อย่างเวลาไปเที่ยวทะเล หล่อนจะเอาแต่ชูคอเล่นน้ำ ไม่เคยดำผุดดำว่ายอย่างคนอื่น เพราะกลัวเมกอัพเลอะ แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะเอาหัวจุ่มน้ำแบบนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันเป็นโถส้วม”

เบบี้ยกผ้าเช็ดน้ำตา “เป็นความผิดฉันเอง ฉันไม่น่าปล่อยเธอไว้กับไอ้สัตว์ตัวนั้นเลย”

แมกซ์ได้แต่ยืนนิ่ง พึมพำปลอบเบบี้ว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เขาเพียงแต่หวังว่าเจ้าคนทำจะได้รับการลงโทษอย่างสาสม เพื่อให้เจนนี่ได้นอนพักผ่อนอย่างสงบ พวกเพื่อนๆ ของเจนนี่พากันพูดถึงความใจดีอารีอารอบของเธอที่มีต่อคนรอบข้าง ทางครอบครัวที่เดินทางจากต่างเมืองมาร่วมพิธีศพพากันกล่าวอาลัยอาวรณ์เจนนี่ที่เป็นเสาหลักจุนเจือครอบครัว

เบบี้เล่าให้เขาฟังว่า เจนนี่เคยคุยกับเพื่อนๆ ราวกับเป็นลางร้าย ว่าถ้าหากเธอตายไปเธอไม่อยากถูกฝัง เพราะนึกขยะแขยงการมีหนอนแมลงมารุมกัดแทะร่าง ทำให้เพื่อนๆ อยากเสนอให้จัดการเผาร่างของเจนนี่แทนการฝัง แต่บรรดาญาติๆ ไม่ยินยอม

แล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงเดือนกันยายน ค.ศ.2020 ปีที่โรคระบาดทำให้โลกหมุนช้าลง เกือบครบหกปีเต็มหลังจากเหตุฆาตกรรมและสก๊อตตี้ถูกคำสั่งจำคุก อยู่ๆ สื่อก็ออกข่าวว่าประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศให้อภัยโทษแก่สก๊อตตี้ โดยอ้างว่าสก๊อตตี้ประพฤติตัวเป็นนักโทษที่ดี และได้รับการลงโทษพอเพียงแล้ว สก๊อตตี้ได้เดินออกจากคุกกลับสหรัฐอย่างอิสระชน กลุ่มนักเคลื่อนไหวในฟิลิปปินส์ออกมาประท้วงการตัดสินใจอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของประธานาธิบดี โดยโจมตีว่าประธานาธิบดีมีทัศนคติด้านลบต่อเหล่ากลุ่มเพศทางเลือก รวมทั้งต่อต้านข้อตกลงวีเอฟเอ ที่ปล่อยให้สหรัฐได้เข้ามาตักตวงใช้ประโยชน์ในแผ่นดินฟิลิปปินส์

แม่ของเจนนี่ให้สัมภาษณ์อย่างขมขื่นว่า “ถ้าประธานาธิบดีไม่ประกาศให้อภัยโทษ พวกเราคงมีโอกาสที่จะคัดค้านการปล่อยตัว เราเพียงอยากให้ฆาตกรติดคุก 10 ปีตามคำพิพากษา 10 ปียังนับว่าน้อยไปสำหรับชีวิตคนคนหนึ่ง ชีวิตลูกสาวของฉัน”

หลังรู้ข่าวการให้อภัยโทษ แมกซ์ได้แต่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาในห้องพักที่เยอรมนี เขาถอนหายใจพึมพำ “เจนนี่ เจนนี่” แล้วสิ่งที่เข้าสู่ความทรงจำเกี่ยวกับเจนนี่กลับเป็นนิทานเรื่องกบกับแมงป่อง จากหนังเรื่องโปรด “เดอะ ครายอิ้ง เกม” ของเธอ ซึ่งเขานำดีวีดีกลับมาเป็นที่ระลึก

เจ้าแมงป่องอยากจะข้ามแม่น้ำ แต่มันว่ายน้ำไม่เป็น จึงขอให้เจ้ากบพาขึ้นหลังข้ามไป กบน้อยลังเลแล้วบอกว่ากลัวจะถูกแมงป่องต่อยเอา แมงป่องจึงแย้งว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะหากทำอย่างนั้นตัวของมันก็คงจมน้ำตาย เจ้ากบเห็นว่ามีเหตุผล เลยยอมแบกแมงป่องขึ้นหลัง แต่เมื่อถึงกลางแม่น้ำ แมงป่องก็ชูหางพิษและต่อยลงไปที่หลังกบ ก่อนที่ทั้งสองจะจมลงก้นแม่น้ำ กบร้องถามว่าเจ้าทำไมจึงทำอย่างนี้ แมงป่องตอบก่อนจมน้ำว่า

‘ข้าช่วยไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติของข้า’ •

 

หมายเหตุ : แต่งเติมจากเรื่องจริง คดีฆาตกรรมสาวข้ามเพศในฟิลิปปินส์ Jennifer Laude (มีการปรับแปลงชื่อผู้เกี่ยวข้อง)