รวมไทยสู่ชาติที่ไร้อนาคต | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ในที่สุดพรรคของคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หาเสียงด้วยการโหนสถาบันอย่างที่ทุกคนคาดการณ์

แต่ที่หนักข้อกว่านั้นคือพฤติกรรมนี้มาพร้อมกับการโจมตีแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่นๆ ว่าชั่ว, โกง หรือเลวไปหมด

มิหนำซ้ำยังทำถึงขั้นประกาศว่ามีแต่พรรคตัวเองที่ทำตามคำสอนของรัชสมัยที่ผ่านมา

จริงอยู่ว่าการเลือกตั้งหลังรัฐประหาร 2549 มีหลายพรรคที่หาเสียงด้วยการโหนสถาบัน

แต่ส่วนใหญ่การโหนมักใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีพรรคอื่นแบบลอยๆ เช่น ไทยรักไทยทำปฏิญญาฟินแลนด์, แดงล้มเจ้า, อนาคตใหม่ซ้ายจัดดัดจริต ฯลฯ ขณะที่ไม่เคยมีพรรคไหนใช้เรื่องนี้ยกยอตัวเองแบบนี้เลย

เมื่อเทียบกับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยที่แสดงความรักสถาบันโดยประกาศไม่แก้กฎหมายอาญา ม.112 ถึงขั้นใช้เป็นเงื่อนไขในการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล พรรคของคุณประยุทธ์ล้ำเส้นจากความรักสถาบันเป็นการโหนสถาบันไปโจมตีพรรคอื่นแบบที่ตอนนี้มีพรรคเดียวที่ทำคือไทยภักดี

เร็วเกินไปที่จะตอบว่าวิธีโหนสถาบันจะทำให้พรรคคุณประยุทธ์ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งแค่ไหนและอย่างไร แต่ถ้าเทียบกับไทยภักดีที่ทำแบบเดียวกันแล้วแทบไม่มีใครพูดถึงเลย โอกาสที่พรรคคุณประยุทธ์จะสร้างคะแนนนิยมจากเรื่องนี้ก็มีน้อยมาก ถึงแม้จะไม่เงียบเท่าไทยภักดีก็ตาม

 

ด้วยการหาเสียงที่อิงเรื่องล่อแหลมโดยไม่สนว่าอาจผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมไทยสร้างชาติทำตัวเองเป็นพรรคสุดโต่งแบบพรรคคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการเลือกตั้ง 2562 ซึ่งได้ ส.ส.แค่ 5 ที่นั่ง หรือในอีกแง่ก็เท่ากับคุณประยุทธ์และพวกเห็นประเทศไทยปีนี้เหมือนปี 2562 จนต้องชูนโยบายนี้หาเสียงขึ้นมา

คุณประยุทธ์ทำให้คนไทยรู้มานานแล้วถึงความกระหายอำนาจจนอยากเป็นนายกฯ ตลอดกาล แต่สิ่งที่ยังไม่มีใครรู้เลยก็คือทำไมคนไทยต้องตอบสนองกิเลสตัณหาคุณประยุทธ์โดยเลือกคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ และคุณประยุทธ์กับพรรคก็ยังไม่สามารถทำให้ใครเข้าใจประเด็นนี้ได้เลย

ขณะที่พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลสาละวนอยู่กับการลงพื้นที่และผลักดันนโยบายใหม่ๆ อย่างค่าแรงขั้นต่ำ, ปฏิรูปบัตรทอง, เงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 ฯลฯ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาประชาชนในปัจจุบันและมองไปสู่อนาคต คุณประยุทธ์กับพรรคกลับเน้นแต่เรื่องอดีตที่ไม่เกี่ยวกับประชาชนโดยตรง

คุณประยุทธ์ทำให้คนไทยรู้มานานแล้วถึงความกระหายอำนาจจนอยากเป็นนายกฯ ตลอดกาล แต่สิ่งที่คุณประยุทธ์ไม่เคยตอบก็คือทำไมคนไทยต้องสนองตัณหาคุณประยุทธ์ข้อนี้

ทำไมคนไทยต้องยอมจำนนให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ และคุณประยุทธ์ก็ไม่สนใจที่จะทำให้ใครเข้าใจประเด็นนี้ได้เลย

ด้วยวิธีโหนสถาบันที่พรรคคุณประยุทธ์ปลุกระดมให้คนซึ่งน้อมนำพระราชดำรัสต้องเลือกรวมไทยสร้างชาติแค่พรรคเดียว

คุณประยุทธ์ทำให้การลงคะแนนเลือกตั้งไม่ใช่ผลจากการตัดสินใจเลือกโดยเสรีจากผู้สมัครหรือนโยบาย แต่คือการเลือกเพื่อแสดงออกถึงทัศนะต่อพระราชดำรัสและสถาบัน

จริงอยู่ พรรคคุณประยุทธ์ไม่ได้บังคับให้ทุกคนที่รักสถาบันต้องเลือกรวมไทยสร้างชาติพรรคเดียว

แต่ในสังคมที่สถาบันอยู่เหนือการตรวจสอบและการตั้งคำถามราวคำสอนทางศีลธรรม วิธีหาเสียงแนวโหนสถาบันอาจทำให้คนบางส่วนรู้สึกว่าต้องเลือกรวมไทยสร้างชาติเหมือนต้องรักสถาบัน

 

โดยพื้นฐานแล้วการเลือกตั้งคือการเลือก ส.ส.ไปเป็นผู้แทนประชาชนทั้งในฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่หน้าที่ทางสังคมอีกอย่างของการเลือกตั้งคือการเลือกนโยบาย และการขัดเกลานโยบายผ่านการดีเบทต่างๆ รวมทั้งการทำสัญญาประชาคมว่ารัฐบาลจะทำตามนโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชน

แน่นอนว่าพรรคคุณประยุทธ์ลงสมัครเลือกตั้งโดยไม่ได้มีแค่นโยบายโหนสถาบัน แต่ด้วยความจริงที่ประเด็นสถาบันมีน้ำหนักกลบนโยบายอื่นหมด การรักษาสถาบันจึงเป็นนโยบายหลักของพรรคซึ่งสังคมถกเถียงด้วยไม่ได้ และพรรคก็ไม่ได้เสนอนโยบายอื่นให้สังคมถกเถียงเท่าเรื่องสถาบัน

เมื่อเทียบกับพรรคอี่นที่เสนอนโยบายค่าแรงวันละ 450 ในปีแรก, เงินเดือน 25,000 ปี 2570, ประกันราคาพืชผลการเกษตร หรือเบี้ยคนชราเดือนละ 3,000 เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบและวิจารณ์ก่อนการตัดสินใจลงคะแนน นโยบายหลักของรวมไทยสร้างชาติคือนโยบายที่ใครพูดอะไรด้วยไม่ได้เลย

เมื่อพรรคคุณประยุทธ์ผูกตัวเองกับสถาบัน พรรคก็มีโอกาสโจมตีคนที่วิจารณ์พรรคและพรรคฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นศัตรูสถาบัน เช่นเดียวกับคุณประยุทธ์ที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามคุณประยุทธ์ว่าเป็นพวกล้มสถาบัน 8 ปีแล้ว

พรรคคุณประยุทธ์จึงมีด้านที่ปฏิเสธการตรวจสอบไม่ต่างจากตัวคุณประยุทธ์เอง

 

คุณประยุทธ์ไม่ใช่คนฉลาดคิดเรื่องนโยบาย ซ้ำยังไม่มีความคิดที่ซับซ้อนพอจะอธิบายนโยบายหรือวิสัยทัศน์ให้คนยอมรับได้กว้างขวาง การชูประเด็นสถาบันทำให้คุณประยุทธ์เอาตัวเองไปซ่อนใต้เรื่องที่คนอื่นโต้เถียงไม่ได้ ความด้อยคุณภาพของคุณประยุทธ์จึงถูกปกปิดจนมองไม่เห็นโดยปริยาย

การแจกเงินคนจนเดือนละ 1,000 คือนโยบายของพรรคคุณประยุทธ์ที่พอจะถูกพูดถึงบ้าง

แต่เรื่องที่คนพูดก็มีแค่คุณประยุทธ์ปั่นนโยบายนี้เกทับพรรคคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เอาภาษีไปแจกเดือนละ 700 ซึ่งยิ่งทำให้คุณประยุทธ์ที่มีภาพลักษณ์ดูขี้เท่ออยู่แล้ว ยิ่งยกระดับความขี้เท่อขึ้นไปอีกกว่าที่ผ่านมา

เมื่อคำนึงว่าคุณประยุทธ์ทำคนไทยเป็นคนจนขั้นถือบัตรคนจน 15 ล้านคน นโยบายแจกเงินคนจนเดือนละ 1,000 คือการเอาภาษีประชาชนไปซื้อเสียงให้คุณประยุทธ์ที่น่ารังเกียจที่สุด

ยิ่งตัวเลขหัวละพันมาจากการชิงดีชิงเด่นของสองเฒ่าในการผลาญเงินชาวบ้านก็ยิ่งประจานความเลวร้ายไปกว่าเดิม

 

คุณประยุทธ์โหนคุณสุเทพซึ่งโหนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตีคุณทักษิณ ชินวัตร, คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, ไทยรักไทย และเพื่อไทยว่าเป็นพรรคประชานิยม แต่เพื่อไทยถึงไทยรักไทยไม่เคยมีนโยบายแจกเงินอย่างที่คุณประยุทธ์, คุณประวิตร, คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติรวมหัวกันทำแม้แต่ครั้งเดียว

ขณะที่คุณทักษิณ, คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยถูกยัดข้อหา “ประชานิยม” ทั้งที่ทำเรื่องให้โอกาสประชาชนอย่างกองทุนหมู่บ้าน, บัตรทอง หรือเอาเงินหวยไปเป็นทุนเรียนฟรี คุณประยุทธ์และคุณประวิตรซึ่งด่าคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์อย่างสาดเสียเทเสียกลับทำทุกอย่างที่ฝ่ายนั้นไม่เคยทำเล

การแจกเงินคือนโยบายประชานิยม ยิ่งแจกช่วงเลือกตั้งก็ยิ่งเป็นนโยบายประชานิยมมากขึ้น ยิ่งแข่งกันเอาภาษีประชาชนไปแจก ก็ยิ่งประชานิยมขึ้นไปอีก และถ้าถึงขั้นคนแก่สองคนชิงดีชิงเด่นกันใช้เงินชาวบ้านไปซื้อเสียงล่วงหน้าก็ยิ่งเป็นการปั่นประชานิยมฟองสบู่ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมี

คุณประยุทธ์ใช้ภาษีประชาชนแจกเงินช่วงเลือกตั้งแน่ๆ แต่ตัวเลขแจกหัวละ 1,000 มาจากอะไรก็ไม่รู้ จะแจกกี่เดือนก็ไม่บอก แจกนานกี่ปีก็ไม่ทราบ จะแจกแค่ก่อนเลือกตั้งเพื่อหลอกเอาคะแนนแล้วเลิก หรือไม่ก็ตอบไม่ได้ ใช้เงินทั้งหมดกี่แสนล้านก็ไม่ตอบ และกระทั่งคุณประยุทธ์ก็ตอบไม่ได้เลย

 

นอกเหนือจากการโหนสถาบันเพื่อชักจูงให้ประชาชนเลือกพรรคตัวเอง พรรคคุณประยุทธ์อุดมด้วยข่าวฉาวที่ทำให้ตัวบุคคลและภาพลักษณ์พรรคย่อยยับไปหมด และเมื่อพรรคไม่มีทีมนโยบายและตัวแทนที่จะนำเสนอนโยบายได้อย่างดี การโหนสถาบันอย่างสุดขั้วย่อมเป็นอาวุธเดียวที่พรรคมี

ปัญหาของยุทธศาสตร์โหนสถาบันคือภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ล้วนมีจุดยืนปกป้องสถาบัน ถึงจะไม่ได้ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือด่าคนอื่นก็ตาม ยุทธศาสตร์ของคุณประยุทธ์จึงมาพร้อมกับยุทธวิธีที่ต้องโจมตีพรรครัฐบาลอื่นให้สกปรกเพื่อยกพรรคคุณประยุทธ์ให้สูงขึ้นมา

ทันทีที่คุณประยุทธ์ทำพรรคขึ้นมา การปล่อยข่าวสาดโคลนพลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็ลามไปทั่ว กลยุทธ์ใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งที่ทหารและพรรคทหารทำมาตลอดอยู่แล้ว และในที่สุดการเหยียบคุณประวิตรและคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ต่ำก็จะเป็นบันไดสู่การมีอำนาจต่อของคุณประยุทธ์เอง

สัญญาณอำมหิตของการเลือกตั้ง 2566 บังเกิดขึ้นแล้ว และอย่างที่หลายคนคาดไว้ การเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดเพื่อให้ผู้มีอำนาจที่สกปรกที่สุดได้ยึดครองประเทศบนความหายนะต่อ

เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการรวมหัวกันระหว่างทหาร-นักการเมืองชั่ว-ทุนมาเฟีย