ปฏิรูป กกต.? | สมชัย ศรีสุทธิยากร

สมชัย ศรีสุทธิยากร
(Photo by Jewel SAMAD / AFP)

คณะกรรมการการเลือกตั้ง เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เมื่อนับเวลาถึงปัจจุบันมีระยะเวลาการทำงานมากว่า 25 ปี มีบุคคลที่เข้ามารับหน้าที่เป็นกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 5 ชุด มีประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปจำนวน 7 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2544 และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562

ประสบการณ์ที่สั่งสม กอปรกับความรู้ความสามารถของบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการการเลือกตั้งที่ต้องมีคุณสมบัติสูงและผ่านกระบวนการสรรหามาอย่างเข้มข้น น่าจะเป็นเหตุเพียงพอให้หน่วยงานนี้สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างสุจริต เที่ยงธรรม และสร้างการยอมรับให้แก่ประชาชนได้

แต่กลับเป็นว่า เกือบทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งทั่วไป หรือในกรณีที่มีการวินิจฉัยในเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง คณะกรรมการการเลือกตั้งกลายเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากประชาชน ทั้งในด้านความเป็นกลาง ความตรงไปตรงมา และการไม่สามารถสร้างการยอมรับจากประชาชน

ถึงวันนี้ จึงเป็นคำถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นมีผลงานเป็นที่พอใจของประชาชนหรือไม่ หรือถึงคราวต้องคิดเกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรอิสระองค์กรนี้อย่างจริงจังเสียที

 

รากฐานของปัญหา

1) ความพยายามแทรกแซงของฝ่ายการเมืองและผู้มีอำนาจ เนื่องจากฝ่ายการเมืองรู้ฤทธิ์เดชของ กกต. ที่มีอำนาจในการวินิจฉัยสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไปจนถึงเสนอให้มีการยุบพรรคการเมือง

ผู้มีอำนาจรู้ว่า การมี กกต.ที่ยืนอยู่ฝ่ายตนย่อมสร้างความได้เปรียบในการหรี่ตาให้กับความผิดฝ่ายตน และเร่งรัดคดีความเพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม

คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงเป็นเป้าหมายของการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองมาโดยตลอด

ในระดับประเทศ คือการส่งบุคคลที่วางใจได้เข้าไปกุมบังเหียนเป็นหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งในคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ส่วนในระดับจังหวัด สร้างความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์กับผู้บริหารในพื้นที่ รวมถึงการเสนอประโยชน์ตอบแทนเมื่อมีคดีความแก่เจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง

2) วิธีการทำงานที่เป็นราชการ แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีฐานะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ บุคลากรในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานไม่ใช่ข้าราชการ ตัวสำนักงานมีความคล่องตัวในการออกระเบียบปฏิบัติภายในที่รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องติดยึดกับระเบียบราชการ

แต่บุคลากรของสำนักงาน กลับยังคงวิธีการคิด วิธีการทำงานแบบราชการ

คือ มุ่งทำงานตามกฎระเบียบและคำสั่ง ไม่มีระเบียบ ไม่มีคำสั่ง ไม่ทำ มุ่งจัดการเลือกตั้งให้เสร็จ (Finish) มากกว่าจะมุ่งทำการเลือกตั้งให้บรรลุผล (Achievement) ในด้านการจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม

ดังนั้น เราจึงเห็นปรากฏการณ์ที่เมื่อประชาชนไปแจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง ก็จะถูกปฏิเสธและปัดทิ้ง เห็นคดีความต่างๆ ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาเดินหน้าไปด้วยความล่าช้า หรือเห็นความพยายามในลดภาระงาน ไม่คิดค้นสิ่งใหม่ ไม่ไขว่คว้าหาเทคโนโลยีมาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น แต่พอใจที่จะทำงานตามแบบที่เคยปฏิบัติมาเพื่อความปลอดภัยของตนเท่านั้น

3) คุณสมบัติของผู้มาเป็นกรรมการการเลือกตั้ง การกำหนดคุณสมบัติขั้นเทพของกรรมการการเลือกตั้ง เช่น ต้องเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการมาไม่น้อยกว่า 5 ปี เป็นศาสตราจารย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี เป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า 5 ปี เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนไม่น้อยกว่า 10 ปี ประกอบอาชีพทนายไม่น้อยกว่า 20 ปี หรือเคยทำงานในภาคประชาสังคมมาในน้อยกว่า 20 ปี

คุณสมบัติที่สูงมากดังกล่าว แทนที่จะเป็นประโยชน์ในการได้กรรมการการเลือกตั้งที่มีความสามารถ มีความกล้าหาญทางจริยธรรม

แต่กลับกลายเป็นได้อดีตข้าราชการระดับสูงที่เกษียณแล้วมาต่อเส้นทางอาชีพในองค์กรอิสระ เป็นคนที่ไม่รอบรู้ในกิจการการเลือกตั้ง ไม่กล้าตัดสินใจ

แถมยังมีภูมิหลังที่เคยเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมืองที่สนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิตราชการ

การวินิจฉัยต่างๆ จึงอาศัยแต่ข้อมูลจากสำนักงานที่เสนอขึ้นมา หรือมีธงในคำวินิจฉัยที่เอนเอียงไปในฝ่ายผู้มีอำนาจที่มีบุญคุณในอดีต

4) การเมืองที่มุ่งชนะโดยไม่สนใจกติกา เมื่อการเลือกตั้งคือหนทางสู่อำนาจทางการเมือง เมื่อกรรมการไม่พร้อมในการกำกับดูแลให้เกิดผลสำเร็จ เมื่อสำนักงานทำงานแบบราชการแบบเอาหน้ารอดไปวันๆ นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ปรารถนาชัยชนะในการเลือกตั้ง จึงไม่สนใจกฎเกณฑ์กติกาใดๆ

การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจึงเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่า ฝ่ายที่มีอำนาจจะใช้กลไกและทรัพยากรของรัฐ เช่น การสั่งการให้บุคลากรของรัฐให้การสนับสนุน การใช้กลไกประชาสัมพันธ์ การติดป้ายโฆษณากิจกรรมของราชการที่เน้นบทบาทนักการเมืองที่กำกับดูแล การตรวจราชการที่แฝงไปกับการหาเสียง การหาประโยชน์จากธุรกิจที่ได้งานหรือสัมปทานของรัฐให้มาบริจาคสนับสนุนพรรคการเมือง ในขณะที่นักเลือกตั้งก็ใช้อำนาจเงิน อำนาจอิทธิพลในพื้นที่ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง

เมื่อทุกคนเห็นว่า กกต.ไร้น้ำยา การทุจริตและการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจึงเกิดขึ้นไปทั่ว การใช้เงินจำนวนมากซื้อเสียงกลายเป็นเรื่องที่ประชาชนรู้ แต่ กกต.ไม่รู้ กลไกต่างๆ ของ กกต.ในการจับคนทุจริตแทบไม่ได้ผล ทำให้สิ่งที่ กกต.เคยประกาศว่า จะไม่ให้คนไม่ดีผ่านเข้าสภาได้นั้นแทบไม่มีความน่าเชื่อถือหลงเหลือ

 

ปฏิรูป กกต.

ทางออกของการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงมีทั้งระยะยาวและระยะสั้นเฉพาะหน้า

ระยะยาว เป็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ให้ กกต.มีองค์ประกอบของบุคคลที่มีความสามารถจริง และมีโครงสร้างการทำงานภายในที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทำงานแบบราชการเช้าชามเย็นชาม แต่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่เกิดผลทันตา

ระยะสั้น เป็นภารกิจจัดการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องถือเป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า จะจัดการเลือกตั้งด้วยความโปร่งใส ตรงไปตรงมา เป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด

แสดงให้เห็นความเป็นกรรมการที่เด็ดขาดในสนามการแข่งขัน กล้าตักเตือน กล้าชักใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง หากมีการทำผิดกติกาแบบชัดเจนโดยไม่สนใจว่าจะเป็นผู้เล่นของฝ่ายใด

ต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม เห็นประชาชนเป็นหุ้นส่วน (partners) ในการจัดการเลือกตั้งให้สุจริต เปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนที่จริงจัง ไม่ใช่มองประชาชนเป็นภาระและปัดตกคำร้องโดยอ้างเหตุสารพัด

สิ่งใดที่สามารถทำให้เกิดความโปร่งใสยิ่งเป็นเรื่องที่สมควรดำเนินการ สิ่งที่ใดที่ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยต้องทำให้กระจ่าง หากต้องทำงานเพิ่มขึ้น ทำงานมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวก็สมควรรีบดำเนินการ

การเลือกตั้งที่ดีจึงไม่ใช่เพียงแค่จัดการเลือกตั้งให้เสร็จ แต่จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนรู้สึกพึงพอใจต่อความสามารถในการจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และยอมรับว่า การเลือกตั้งนั้น สุจริต และเที่ยงธรรม เป็นการเลือกตั้งที่เสรี (Free) และเป็นธรรม (Fair) ด้วย

 

หมายเหตุ บทความนี้จะเป็นบทความสุดท้ายหลังจากเขียนต่อเนื่องมามากกว่า 160 ตอน เนื่องจากเข้าใกล้เขตการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

การเป็นคอลัมนิสต์ประจำอาจสร้างความลำบากใจแก่ผู้บริหารของนิตยสาร

แต่รับปากว่าจะกลับมาเขียนใหม่หากมีโอกาสครับ